บทที่ 17 หน้ากากที่แตกออก (2/3)
จุดสีแดงเล็กที่กำลังกะพริบ เปลี่ยนเป็นยิงลำแสงสีเขียวไปที่ผนังห้องด้านหนึ่ง ปรากฏภาพภายนอกคฤหาสน์ นัซย่ามองเห็นกลุ่มควันสีขาวจางๆ ที่คลี่คลุมบนร่างของทหารที่เฝ้ายาม ไม่นานนักทหารเหล่านั้นก็ทยอยล้มลงหมดสติทีละคน รอดูอีกครู่ก็มองเห็นกลุ่มคนชุดดำสิบคน รูปร่างสูงใหญ่ล่ำสันบึกบึนก้าวออกมาจากเงามืด นัซย่ารู้ได้ทันทีว่าทหารยามเหล่านี้ต้องได้พบเทพอะนิวบิสแน่ เธอได้แต่นึกขอโทษที่ช่วยพวกเขาไม่ได้
ร่างบอบบางลุกขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว เธอตรงดิ่งไปเคาะประตูห้องของเจ้าชายนาร์เมอร์ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง
“แม่ทัพอนูค ซีเบก เปิดประตู” เธอบอกเสียงเรียบ
ครู่เดียวประตูห้องก็เปิดออก เป็นซีเบกมาเปิดประตูให้ เห็นเด็กหนุ่มคนนี้อ้าปากจะถาม นัซย่าชิงเดินสวนเข้าไปในห้องที่ยามนี้เจ้าชายรัชทายาทนาร์เมอร์และแม่ทัพอนูคตื่นขึ้นแล้ว
“มีคนร้ายสิบคนบุกคฤหาสน์ ทหารของท่านยี่สิบนายไม่รอด” เธอสรุปสถานการณ์ในตอนนี้ให้ฟัง
เจ้าชายนาร์เมอร์และแม่ทัพอนูคมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ฝ่าบาททรงพักก่อนเพคะ พระวรกายยังไม่แข็งแรงพอ อย่าเพิ่งเสด็จ แม่ทัพอนูคมากับข้า”
“ซีเบก เจ้าไปปลุกท่านลุงเซเตมและเมริท แล้วมาคุ้มกันฝ่าบาท”
สั่งความเสร็จ ไม่รอให้ซีเบกรับคำ นัซย่าก็หันหลังเดินออกไปทันที ตามหลังมาด้วยแม่ทัพอนูคที่เร่งฝีเท้าตามมา
ยามนี้ทหารของแม่ทัพอนูคล้มลงสิ้นสติจนหมด กลุ่มคนทั้งสิบตวัดดาบในมือตัดศีรษะทหารอียิปต์ทั้งยี่สิบนายที่ไม่ได้สติ ตรวจดูจนแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดเหลือรอดจึงเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณรอบคฤหาสน์
“стрелять ! !” เสียงสตรีนางหนึ่งดังขึ้นด้วยภาษาที่ฟังไม่เข้าใจเมื่อพวกมันทั้งสิบเคลื่อนที่เข้ามาอยู่ในรัศมีการยิง
คำ стрелять ในภาษารัสเซียมีความหมายว่า ‘ยิง’
คนร้ายทั้งสิบยังไม่ทันขยับเคลื่อนไหว ปรากฏลำแสงสีขาวเรียวเล็กราวสิบสายถูกยิงออกมาพร้อมกันจากคฤหาสน์ที่อยู่ในเงามืดของยามราตรี
“อ๊ากกกกกก อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก อ๊ากกกกกก”
“อ๊ากกกกกก อ๊ากกกกกก”
คนร้ายทั้งสิบร้องขึ้นแทบจะพร้อมกัน พวกมันทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างรวดเร็วและเปล่งเสียงร้องไม่หยุด เพราะลำแสงสีขาวเรียวเล็กยังคงยิงใส่พวกมันอีกสามแห่งบนร่างอย่างแม่นยำ
เจ้าชายนาร์เมอร์ที่มีซีเบกช่วยพยุงออกมาจากห้อง ด้านหลังติดตามมาด้วยแพทย์หลวงเซเตมและเมริท จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง
“แม่ทัพอนูค ท่านช่วยข้าลากพวกมันไปด้านหลังคฤหาสน์ เอาไว้ด้านหน้านี้ เดี๋ยวคนอื่นจะแตกตื่นกันไปหมด” นัซย่าสั่งอย่างรวดเร็ว
“ขอรับ”
นัซย่าและแม่ทัพอนูคช่วยกันลากคนร้ายทั้งสิบคนไปที่ลานด้านหลังคฤหาสน์ เจ้าชายนาร์เมอร์และแม่ทัพอนูคจึงได้เห็นว่าหญิงสาวร่างบอบบางคนนี้แข็งแรงกว่าที่เห็นมากนัก นางฉุดกระชากร่างของคนร้ายไปอย่างสบายๆ ไม่นานนักการเคลื่อนย้ายก็เสร็จสิ้น ทุกคนมารวมกันที่ด้านหลังคฤหาสน์จนหมด คบไฟถูกทาสที่ดูแลพื้นที่นี้จุดขึ้นเพื่อให้ความสว่างแก่พื้นที่หลังบ้าน แล้วจึงถูกแพทย์หลวงเซเตมไล่ทาสเหล่านี้ให้กลับไปเรือนพัก ทุกคนถูกสั่งห้ามออกนอกเรือนพักจนกว่าจะรุ่งเช้า
“คนร้ายมีสิบคน ส่งคนมาขนาดนี้ ฆ่าทหารยามจนหมด ชัดเจนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคิดฆ่าคนในบ้านไม่ให้เหลือ เป็นไปได้มากว่าพวกมันจะบังหน้าแผนการครั้งนี้ว่าเป็นการปล้นสะดม เมื่อปล้นแล้วก็ฆ่าคนปิดปาก และน่าจะวางเพลิงเผาบ้านด้วย ฝ่าบาทและท่านแม่ทัพเห็นด้วยหรือไม่” นัซย่าคาดเดาสถานการณ์ได้ทันที
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า” เจ้าชายนาร์เมอร์ตรัสตอบ
“ข้าก็เห็นด้วย” แม่ทัพอนูคตอบออกมา
ยามนี้แม่ทัพอนูคและมหาดเล็กซีเบกต้องหวาดผวากับอาหญิงน้อยแห่งเทพีไอซิสยิ่งนัก นางลงมือได้เด็ดขาดอย่างยิ่ง ทั้งการคาดคะเนแผนการก็มีความเป็นไปได้มากที่จะเกิดเหตุการณ์ที่นางคาดไว้
“ไม่ต้องมัดพวกมันหรือขอรับ” ซีเบกถามขึ้นเมื่อเห็นพวกมันนอนร้องครวญคราง และไม่มีท่าทีว่าจะลุกหนี
“ไม่ต้องมัดหรอก ข้าอุตส่าห์ยิงข้อเท้าสองข้างและข้อมือสองข้างของพวกมันทุกคน หนีได้ก็ให้รู้ไป”
ทุกคนจึงกระจ่างแจ้งกับฝีมือนัซย่าอีกครั้ง เพราะนี่เป็นการตัดมือตัดเท้าไม่ให้พวกมันหนี
“ถึงพวกข้าหนีไม่ได้ พวกเจ้าก็ไม่มีทางรู้อะไรจากพวกข้า” หนึ่งในคนร้ายเอ่ยขึ้น
ได้ยินแล้วเจ้าชายนาร์เมอร์ต้องถอนพระปัสสาสะ (หายใจออก) ก่อนจะตรัสอย่างไม่ทราบจะทำอย่างไรดี “พวกเราคงไม่ได้ข่าวอะไรจากพวกมันหรอก พวกนี้เป็นชาวคุช ปากแข็งที่สุด ต่อให้ซ้อมพวกมันให้ตาย พวกมันก็ไม่ยอมปริปาก”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ คงต้องฆ่าทิ้งอย่างเดียว” แม่ทัพอนูคเองก็เห็นด้วย
“ใจเย็นก่อนท่านแม่ทัพ ข้ามีวิธีทำให้พวกมันเปิดปากพูดอย่างหมดเปลือก ตอบทุกคำถามที่พวกท่านสงสัย” นัซย่าบอกด้วยรอยยิ้มราวกับกำลังเล่นสนุก
“วิธีใดขอรับ ถ้าทำได้ล่ะก็ ดีมากเลย”
นัซย่าวางมือลงบนกำไลทองคำอีกครั้ง ที่ติดมือออกมาครั้งนี้เป็นเข็มฉีดยาที่บรรจุน้ำสีใสครึ่งหลอด เธอยิ้มหวานหยดหากสร้างความหวาดผวาให้กับทุกคน นี่ใช่รอยยิ้มของเทพธิดาแน่หรือ เหตุไฉนพวกตนจึงรู้สึกราวกับเป็นรอยยิ้มของเทพอะนิวบิส
เธอก้าวไปหาหนึ่งในคนร้ายที่นอนร้องครวญคราง ยืดแขนของมันออกและปักเข็มฉีดยาลงไปทันที ครู่เดียวน้ำสีใสในหลอดก็หมดลง เธอดึงเข็มออกก่อนจะเก็บมันกลับไปในกำไล
“รอสักครู่นะเพคะ ต้องให้ยาออกฤทธิ์เสียก่อน”
ผ่านไปราวหนึ่งนาที คนร้ายชาวคุชผู้นั้นก็มีดวงตาเลื่อนลอย นอนนิ่ง ไม่ร้องครวญครางอีกต่อไป
“ลุกขึ้น”
ชาวคุชผู้นี้ลุกขึ้นนั่ง จ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เลื่อนลอย
“เอาล่ะเพคะ คราวนี้ฝ่าบาทและท่านแม่ทัพอยากถามอะไร เชิญถามเลยเพคะ มันจะตอบทุกอย่างตามความเป็นจริง”
