บทที่ 15 นางในห้วงฝันปรากฏ (3/3)
แม่ทัพอนูคและซีเบกรีบทำตามอย่างรวดเร็ว นัซย่าเข็นเตียงผู้ป่วยเข้ามาแทนที่เตียงเดิม และปรับบางอย่างข้างเตียงอีกครั้ง
“ปรับเอนเท่านี้ กำลังดีหรือไม่เพคะ” เธอถามขึ้น
“กำลังดี” ตรัสตอบสุรเสียงอ่อนจนสะดุดหูคนทั้งหมด หากนัซย่ากลับไม่ได้สังเกตสนใจ
จากนั้นเธอก็นำอุปกรณ์การแพทย์ในยุคของเธอออกมาหลายชิ้น คนในห้องต่างเบิ่งตากว้างมองอย่างตื่นตะลึง เห็นเธอจัดวางของต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว ไม่นานนักก็แล้วเสร็จ
ถุงน้ำเกลือถูกแขวนไว้บนเสาน้ำเกลือที่อยู่ข้างเตียงที่เจ้าชายนาร์เมอร์กึ่งนั่งกึ่งนอนเอนหลังอยู่
“เจ็บนิดเดียวนะเพคะ ข้าต้องให้ฝ่าบาทรับน้ำเกลือไปก่อน อาหารอย่างอื่นค่อยมาดูกันอีกที” เธอบอกอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ
“เหยียดแขนออกเพคะ” เธอสั่ง เจ้าชายนาร์เมอร์ทำตามอย่างว่าง่าย
มือเรียวใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์และเช็ดลงบนข้อพับครู่หนึ่ง แล้วจึงแทงเข็มน้ำเกลือลงไป
เจ้าชายนาร์เมอร์รู้สึกเหมือนถูกมดกัด มองเห็นนัซย่าใช้สำลีปิดปลายเข็มนั้นไว้และปิดทับด้วยอะไรบางอย่างอีกชั้นหนึ่ง เธอหันไปปรับระดับความเร็วของหยดน้ำเกลืออีกครู่
“ที่หม่อมฉันทำคือการให้น้ำเกลือ ถึงจะชื่อว่า ‘น้ำเกลือ’ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นน้ำเปล่าที่ผสมเกลือนะเพคะ แต่เป็นน้ำบริสุทธิ์ที่ผสมด้วยสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน อาการประชวรของฝ่าบาทต้องให้น้ำเกลือสักสามสี่วัน ฝ่าบาทจะไม่ทรงหิวและกระหายมากนักเพราะน้ำเกลือจะเข้าไปบำรุงพระวรกายให้กลับมาแข็งแรง” เธอเริ่มอธิบาย
“ฝ่าบาทประชวรมาเกือบสองเดือน น้ำที่ทรงดื่มลงไปตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นน้ำไม่สะอาด หม่อมฉันจึงไม่ยอมให้ฝ่าบาทดื่ม ระหว่างที่ให้น้ำเกลือนี้ ให้ระวังแขนข้างที่มีเข็มน้ำเกลือนะเพคะ อย่าขยับจนมันหลุด ไม่อย่างนั้น หม่อมฉันต้องแทงเข็มอีกรอบ ฝ่าบาทก็ต้องเจ็บอีกรอบ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ตรัสตอบสุรเสียงอ่อน เชื่อฟังนางอย่างยิ่ง
นัซย่าแตะกำไลอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นน้ำเปล่าในขวดแก้วใส ทุกคนมองดูอย่างประหลาดใจ เธอยื่นขวดน้ำให้
“นี่เป็นน้ำเปล่าที่สะอาดแน่นอน ฝ่าบาททรงดื่มจากขวดแก้วนี้ได้เลยเพคะ”
เจ้าชายนาร์เมอร์ยื่นพระหัตถ์มารับไปก่อนจะยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว จนน้ำหมดขวด
“ทรงกระหายดีนะเพคะ” เธอพูดยิ้มๆ และรับขวดเปล่าคืนมาพร้อมกับวางขวดน้ำใหญ่กว่าเดิมไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง
“ถ้าฝ่าบาทกระหายน้ำ ให้เสวยน้ำจากในขวดนี้เท่านั้นนะเพคะ”
เจ้าชายนาร์เมอร์พยักพระพักตร์รับอย่างเชื่อฟัง
นัซย่าแตะที่กำไลอีกครั้ง ก่อนจะปรากฏขวดแก้วใสสูงราวแปดนิ้ว ขวดนี้บรรจุน้ำสีส้มสวยน่ารับประทาน
“นี่เป็นอาหารเหลวเข้มข้น ฝ่าบาทเสวยให้หมดตอนนี้เลย อีกสักครู่จะได้เสวยยา”
เจ้าชายนาร์เมอร์รับขวดนี้มาและยกขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก
“อร่อยมาก รสเปรี้ยวหวานกำลังดี” ตรัสชมทันทีก่อนจะดื่มต่อจนหมดอย่างรวดเร็ว
นัซย่ารับขวดแก้วคืนไปเก็บไว้ในกำไล
“ตอนนี้บรรทมพักผ่อนไปก่อนเพคะ อีกสิบห้านาที หม่อมฉันจะกลับมาแล้วจึงค่อยเสวยยา”
“เข้าใจแล้ว” รับสั่งตอบด้วยสุรเสียงอ่อนอย่างยิ่งชนิดไม่เคยใช้กับผู้ใดนอกจากราชินีซากิอาห์ พระราชมารดา
“เมริท ตอนนี้เจ้ามากับข้า พวกเรามีเรื่องต้องทำอีกมาก”
“เจ้าค่ะ”
“ท่านลุงเซเตม ข้าจะขอเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างในบ้านนี้นะเจ้าคะ”
“ได้ เจ้าจัดการได้ตามใจ” แพทย์หลวงเซเตมตอบรับอย่างรวดเร็ว ทราบดีว่าต้องเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันให้เจ้าชายนาร์เมอร์
นัซย่ากับเมริทออกไปจากห้องแล้ว แพทย์หลวงเซเตมปิดประตูจนสนิท เมื่อหันกลับมาก็พบสายตาสามคู่ที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“ฝ่าบาทอยากถามอะไรกระหม่อม ทรงถามมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“นางเป็นใคร?” เจ้าชายรัชทายาทนาร์เมอร์ตรัสถามทันที เรื่องนี้พระองค์ต้องรู้คำตอบให้ได้ นัซย่าคนนี้มหัศจรรย์เกินไป แต่ที่สำคัญที่สุดคือ รูปโฉมของนางเหมือนกับนางในฝันของพระองค์อย่างไม่ผิดเพี้ยน ที่แตกต่างมีเพียงสีผม สีผิว และสีของนัยน์ตาเท่านั้น
เรื่องราวที่แพทย์หลวงเซเตมและเมริทได้พบเทพีไอซิสจึงถูกเล่าออกมาอย่างละเอียด
“ข้าเชื่อเจ้า” เจ้าชายนาร์เมอร์ตรัสออกมาหลังจากฟังเรื่องราวจบลง
“ทำไมฝ่าบาททรงเชื่อเรื่องที่ท่านหมอเซเตมเล่าพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพอนูคถามอย่างไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาเจ้าชายนาร์เมอร์ไม่เคยทรงเชื่อสิ่งใดง่ายๆ
“นั่นเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา องค์เทพีไอซิสเสด็จมาพบข้า”
คำตอบนี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน
“องค์เทพีตรัสกับข้าว่าสิ่งที่ข้ารอคอยมาถึงแล้ว และทรงทำให้ข้าได้เห็นกำไลขอนหนึ่ง เป็นกำไลแบบเดียวกับที่นางใส่ องค์เทพีตรัสว่าให้ข้าดูแลนางให้ดี”
คำตอบนี้เป็นการยืนยันฐานะของนัซย่าที่ชัดเจนที่สุด และจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมเจ้าชายนาร์เมอร์จึงยอมทำตามที่นัซย่าขอร้องทั้งๆ ที่เพิ่งพบหน้าเพียงชั่วครู่
“ท่านนัซย่าคืออาหญิงน้อยของเทพีไอซิสจริงๆ หรือนี่ ! !” แม่ทัพอนูคกล่าวอย่างตื่นตะลึง เขาเองก็เพิ่งทราบว่าองค์เทพีมีอาหญิงที่อายุน้อยนัก
“จริงสิ ท่านแม่ทัพ” มหาดเล็กซีเบกกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ท่านแม่ทัพไม่ทันสังเกตเหมือนข้า กำไลที่ท่านนัซย่าสวมใส่พิเศษอย่างยิ่ง มันมีรูปสลักของเทพโอไซริส เทพีไอซิส เทพโฮรัส เทพอะนิวบิส และอังค์ เพียงพระรูปของเทพองค์ใดองค์หนึ่งก็ศักดิ์สิทธิ์อย่างที่สุด แต่กำไลนี้กลับมีถึงห้าประการ ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่ากำไลนี้จะทรงมหิทธานุภาพเพียงใด”
“จริงของเจ้า ซีเบก แล้วยังของที่นางเอาออกมาจากกำไลนี่อีก ของพวกนี้ พวกเราทุกคนไม่เคยพบเห็นมาก่อน สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้ว่าเป็นสิ่งของของเทพเจ้า”
“ใช่ขอรับ เช่นนี้เจ้าชายก็จะหายประชวรจริงๆ แล้ว” ซีเบกกล่าวด้วยความดีใจอย่างยิ่ง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของเมริท
“ท่านพ่อเปิดประตูด้วยเจ้าค่ะ”
แพทย์หลวงเซเตมก้าวไปเปิดประตูให้นัซย่าและเมริทเข้ามา
“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ” นัซย่าถามขึ้นเมื่อมายืนอยู่ข้างเตียง
“ข้าสบายขึ้นมาก”
นัซย่าพยักหน้ารับรู้ มือแตะลงที่กำไลทองคำอีกครั้งและแบมือไปตรงหน้าเจ้าชายนาร์เมอร์ มียาเม็ดสีขาวสี่เม็ด
“ยาพราซิควอนเทล” เพียงชื่อของยาก็แปลกหูทุกคน
