บทที่ 14 นางในห้วงฝันปรากฏ (2/3)
ฟังแล้ว เมริทต้องมีสีหน้าหนักใจทันที นางจะหาเหตุผลอะไรที่จะให้เจ้าชายรัชทายาทนาร์เมอร์ไปรักษาตัวที่บ้านของนางกันล่ะ
“น้ำ !” สุรเสียงแผ่วระโหยพลันดังขึ้น เรียกให้นัซย่าและเมริทหันไปมอง จึงพบว่าเจ้าชายนาร์เมอร์ตื่นบรรทมแล้ว หากพระเนตรลืมขึ้นเพียงครึ่งเดียวด้วยความอ่อนเพลีย
“เจ้าชายตื่นบรรทมแล้วเจ้าค่ะ” เมริทหันไปบอกเหล่าแพทย์หลวงที่ยังคงถกหาวิธีรักษาอาการประชวร
หัวหน้าแพทย์หลวงเซเปสปราดเข้ามาหาเจ้าชายทันที
“ทรงรู้สึกอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“หิวน้ำ” ตรัสเสียงแผ่วล้า
“นัซย่า เจ้าป้อนน้ำให้เจ้าชายเสวย” เซเปสสั่งการอย่างรวดเร็ว เพราะคนโทดินเผาที่ใส่น้ำดื่มอยู่ทางฝั่งที่นัซย่ายืนอยู่
นัซย่าแสร้งยื่นมือไปหยิบคนโทนั้น และใช้กำไลทองคำตรวจสอบ ครู่เดียวเธอก็รับรู้ได้ว่าน้ำในคนโทนี้ไม่สะอาด เป็นอันตรายกับผู้ป่วย น้ำนี้ไม่สามารถให้เจ้าชายดื่มได้ เธอจะปฏิเสธอย่างไร
หากนาม ‘นัซย่า’ ที่ดังขึ้นกลับทำให้พระเนตรของเจ้าชายนาร์เมอร์ที่ลืมขึ้นเพียงครึ่งเดียวพลันลืมขึ้นเต็มตา พระเนตรดำสนิทแม้เต็มไปด้วยแววอ่อนล้าหากยังคงทรงอำนาจจับจ้องหญิงสาวที่อยู่ข้างเตียงบรรทม พระเนตรพลันเบิกกว้างอย่างตกพระทัย เพราะที่ทอดพระเนตรเห็นคือ ‘นาง’
นางที่อยู่ในห้วงฝันของพระองค์มาตลอดสิบปี แต่บัดนี้นางมีตัวตนจริงๆ ทว่าขนงต้องขมวดเข้าหากัน เพราะสตรีตรงหน้าเหมือนนางในห้วงฝันไม่ผิดเพี้ยน ที่แตกต่างคือสีผม สีผิว และสีของดวงตา นางผู้นี้มีผิวสีน้ำผึ้ง ผมดำและนัยน์ตาสีดำ แต่นางในห้วงฝันของพระองค์มีผิวขาวนุ่มละมุน เส้นผมสีทองสุกปลั่ง นัยน์ตาสีฟ้าดุจน้ำในวัดจ์***
นัซย่าสบตากับเจ้าชายนาร์เมอร์ เวลานี้เธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าชายพระองค์นี้คือคนที่อยู่ในความฝันของเธอมาตั้งแต่เธออายุสิบสองปี
เธอคุกเข่าลงข้างเตียงบรรทม ยื่นมือไปกุมพระหัตถ์ที่รุมๆ ด้วยพิษไข้
“นัซย่า ปล่อยพระหัตถ์เจ้าชายเดี๋ยวนี้” เซเปสบอกเธออย่างตกใจ แต่เธอนิ่งเฉยกับคำสั่งห้ามนั้น
“ฝ่าบาท หม่อมฉันช่วยฝ่าบาทได้ แต่ไม่ใช่ที่นี่ เสด็จไปที่บ้านของท่านหมอเซเตมได้หรือไม่เพคะ” เธอกล่าวรวดเดียว น้ำเสียงเต็มไปด้วยการวิงวอน
“ได้ ข้าจะไปที่นั่น” เจ้าชายนาร์เมอร์ตอบรับทันที พระเนตรจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตา และยังเหลือบมองกำไลทองคำบนข้อมือบอบบางนั้นอย่างจดจำได้
“ฝ่าบาท !” แพทย์หลวงทั้งหมดกระทั่งเซเตมต้องอุทานออกมาอย่างตกใจ คาดไม่ถึงว่าเจ้าชายนาร์เมอร์จะตอบรับ
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ที่บ้านของเซเตมไม่มีเวรยามเฝ้าระวังเท่าที่นี่” เซเปสทักท้วงอย่างกังวล
“ให้อนูคตามข้าไปที่นั่น” เจ้าชายนาร์เมอร์ตรัสตอบสั้นๆ อย่างเหนื่อยอ่อน
“ขอน้ำ” ทรงเรียกหาน้ำดื่มอีกครั้ง
“ทรงอดทนสักหน่อยนะเพคะ น้ำนี้ไม่เหมาะให้ทรงดื่ม ไปถึงบ้านท่านหมอเซเตมแล้ว หม่อมฉันจะจัดการให้ นะเพคะ” นัซย่าขอร้องอีกครั้ง
“ได้ ข้าเชื่อเจ้า” ตรัสตอบสั้นๆ ก่อนจะหลับพระเนตรอย่างอ่อนล้า
เรื่องที่เจ้าชายนาร์เมอร์จะเสด็จไปพักที่บ้านของแพทย์หลวงเซเตมถูกหัวหน้าแพทย์หลวงเซเปสทูลให้ฟาโรห์เซิร์คทราบทันที เพื่อให้พระองค์ยับยั้งเจ้าชายนาร์เมอร์ ทว่า...
“ให้เขาไป บุตรชายข้าเขาต้องมีเหตุผล มิฉะนั้น เขาย่อมไม่ทำตามที่นางขอร้องทั้งๆ ที่เพิ่งพบหน้าเพียงชั่วครู่” ฟาโรห์เซิร์คตรัสออกมา พระเนตรฉายแววใคร่ครวญกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ฝ่าบาท แต่...”
“ทำตามที่นาร์เมอร์ต้องการ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพอนูคที่ถูกตามตัวอย่างรวดเร็ว สั่งทหารให้แบกเปลที่เจ้าชายนาร์เมอร์นอนอยู่ตรงไปยังคฤหาสน์ของแพทย์หลวงเซเตมที่อยู่ไม่ห่างจากพระราชวังหลวงมากนัก เมื่อมาถึงคฤหาสน์ ทหารยี่สิบนายต่างยืนเฝ้าอารักขาตามจุดต่างๆ รอบคฤหาสน์ทันที
แม่ทัพอนูคและซีเบกมหาดเล็กคนสนิทประคองเจ้าชายนาร์เมอร์บรรทมลงบนเตียงในห้องพักของนัซย่า เมริทหันไปปิดประตูห้อง
“พี่นัซย่า ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” คำพูดของเมริททำให้แม่ทัพอนูคและมหาดเล็กซีเบกแปลกใจ
นัซย่ากวาดตามองอีกครั้ง นอกจากเจ้าชายนาร์เมอร์และตัวเธอ ในห้องมีเมริท แพทย์หลวงเซเตม แม่ทัพอนูค และมหาดเล็กซีเบก
“ฝ่าบาท ท่านไว้ใจพวกเขาสองคนแค่ไหนเพคะ” นัซย่าถามเจ้าชายนาร์เมอร์ที่บัดนี้ลืมพระเนตรจับจ้องแต่เพียงเธอ
“รองจากเสด็จพ่อ พวกเขาสองคนคือคนที่ข้าไว้ใจที่สุด”
คำตอบมาอย่างรวดเร็ว และยังทำให้แม่ทัพอนูคและมหาดเล็กซีเบกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
นัซย่าจ้องมองพวกเขาทั้งสองก่อนจะเอ่ยออกมา “แม่ทัพอนูค ซีเบก ทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ พวกท่านไม่อาจบอกกล่าวกับใครได้ หากข้ารู้ว่าพวกท่านหลุดปากไปล่ะก็ ข้าจะส่งดวงวิญญาณของพวกท่านให้เทพอะนิวบิสทันที”
คำเตือนกึ่งข่มขู่นี้ทำให้แม่ทัพอนูคและมหาดเล็กซีเบกเสียวสันหลังวาบ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกพรั่นพรึงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“รับรองว่าข้าไม่มีวันบอกความลับใดๆ ออกไป” แม่ทัพอนูคกล่าว
“ข้าก็เช่นกัน ไม่มีวันทรยศเจ้าชายรัชทายาทเด็ดขาด” ซีเบกกล่าวตามมา
“ดี” เธอตอบรับสั้นๆ
มือของนัซย่าแตะที่กำไลทองคำ พริบตาปรากฏเตียงหลังหนึ่งที่เบื้องหน้าของทุกคน เจ้าชายนาร์เมอร์ แม่ทัพอนูค มหาดเล็กซีเบกตกตะลึงพรึงเพริด เพราะเตียงหลังนี้มีรูปร่างแปลกตาพวกเขาอย่างถึงที่สุด มันทำด้วยโลหะบางอย่างที่ดูแข็งแรงอย่างยิ่ง ขาเตียงทั้งสี่เป็นล้อเลื่อน เตียงปูไว้ด้วยที่นอนหนาหุ้มด้วยผ้าสีขาวสะอาด หมอนใบใหญ่ที่น่าหนุนนอน ผ้าห่มบางนุ่มผืนหนึ่ง นัซย่าก้าวไปปรับบางอย่างที่ข้างเตียงก่อนจะออกคำสั่ง
“แม่ทัพอนูค ซีเบก พวกท่านประคองฝ่าบาทให้นอนลงที่เตียงนี้”
คำสั่งนี้ทำให้พวกเขาได้สติ รีบพยุงเจ้าชายนาร์เมอร์ให้ลุกขึ้นและประคองให้นอนลง
เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายนาร์เมอร์รู้สึกว่านอนได้สบายนัก ที่นอนไม่แข็งและไม่นิ่มเกินไป หมอนที่นุ่มกำลังดีและไม่สูงเกินไป นัซย่าก้าวเข้าไปคลี่ผ้าห่มผืนบางคลุมให้ และหันไปปรับอะไรบางอย่างแล้วจึงเข็นเตียงนี้ให้พ้นทาง
“พวกท่านยกเตียงเดิมไปไว้ด้านนั้น” เธอชี้สั่ง
เชิงอรรถ
***ชาวอียิปต์โบราณเรียกทะเลเมดิเตอร์เรเนียนว่า ‘วัดจ์’ (Wadj) มีความหมายว่า ‘สีเขียวอันยิ่งใหญ่ (Great Green)’ เป็นชื่อที่ชาวอียิปต์โบราณตั้งให้กับภูมิภาคที่มีป่าต้นกกทางตอนเหนือของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์
