บทที่ 13 นางในห้วงฝันปรากฏ (1/3)
“ข้ายกตัวอย่างให้ท่านลุงฟังดีกว่า ที่ง่ายที่สุดนะเจ้าคะ น้ำเปล่าที่พวกท่านดื่ม อย่างแรกที่สุดต้องนำไปต้มให้เดือดเสียก่อนแล้วปล่อยไว้ให้เย็นจึงค่อยดื่ม ภาชนะที่ใส่น้ำดื่มก็ต้องลวกทำความสะอาด เช่นนี้จึงจะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคต่างๆ ไปได้มาก”
“แค่นี้เท่านั้น?” แพทย์หลวงเซเตมถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่ใช่แค่นี้หรอกเจ้าค่ะ ที่ข้าบอกให้ฟังเป็นเพียงเบื้องต้น ถ้าตั้งใจทำจริงๆ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว และหากจะทำกันอย่างเต็มรูปแบบ ยังต้องให้ฟาโรห์เซิร์คทรงมีพระบรมราชานุญาตอีกด้วย แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น พวกเราควรต้องรักษาเจ้าชายนาร์เมอร์ให้หายเสียก่อน เรื่องอื่นๆ ก็จะง่ายขึ้น”
“ถูกต้อง เช่นนั้นวันนี้เมื่อเข้าวัง เจ้าตามข้าเข้าไปดูพระอาการของเจ้าชายด้วย ข้าจะบอกทุกคนว่าเจ้าร่ำเรียนเรื่องการรักษามาจากเมืองนาคาดา”
นี่เป็นครั้งแรกที่นัซย่าได้เข้ามาในพระราชวังหลวงแห่งอียิปต์บน เธอเหลียวมองรอบด้านอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะในยุคของเธอโบราณสถานในยุคต้นราชวงศ์ไม่เหลือร่องรอยใด โบราณวัตถุก็มีน้อยจนนับชิ้นได้ แต่บัดนี้เธอกลับได้เห็นพระราชวังหลวงที่ยังคงสมบูรณ์ทุกประการของฟาโรห์เซิร์คด้วยสายตาตนเอง เสาหินเรียงรายตามทางเดิน ภาพวาดอันงดงามบนผนังของพระราชวัง ทหารอียิปต์โบราณที่สวมใส่เพียงสเค็นติ (Schenti)*** ในมือถือดาบหรือหอกที่ยืนอารักขาตามจุดต่างๆ
“ดูพี่นัซย่าตื่นเต้นมากเลยนะเจ้าคะ” เมริทกระซิบถามขณะเดินเคียงคู่กับนัซย่าตามหลังแพทย์หลวงเซเตมที่เดินนำหน้า
“ตื่นเต้นสิ ข้าไม่เคยเห็นพระราชวังหลวงที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ในที่ที่ข้าจากมาเลย”
เมริทต้องยิ้มอย่างเอ็นดูกับอาการตื่นเต้นที่เก็บไม่อยู่ของนัซย่า นางไม่คิดเลยว่าอาหญิงน้อยแห่งเทพีไอซิสยามนี้จะดูราวกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบตัวไปเสียหมด
“นี่ เมริท ข้าเดินไปดูภาพที่ผนังด้านนั้นได้หรือไม่ มันสวยมากเลย ข้าอยากดูใกล้ๆ”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ในเขตพระราชวังหลวง พวกเราเดินเพ่นพ่านไม่ได้”
คำตอบนี้ทำให้นัซย่าหน้าม่อยทันที หากเพียงครู่นางก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้งกับสถานที่ต่างๆ ตามรายทาง
เวลานี้แพทย์หลวงเซเตมพาเมริทและนัซย่าเข้ามาในห้องบรรทมของเจ้าชายนาร์เมอร์แล้ว นัซย่าจึงได้เห็นว่าห้องนี้มีโครงสร้างไม่ต่างจากห้องพักของเธอ ที่แตกต่างคือห้องนี้มีช่องลมหลายช่องเพื่อระบายความร้อนและห้องถูกตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามกว่ามาก เหลือบตามองไปรอบห้องเธอก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งกายหรูหรากว่าแพทย์หลวงเซเตม
นี่ต้องเป็นเซเปส หัวหน้าแพทย์หลวงที่เมริทบอกแน่ๆ เธอคิดในใจ
ในห้องนี้ยังมีแพทย์หลวงอีกสามคน พวกเขาทั้งสี่ยืนพูดคุยกันเบาๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เซเตม เจ้ามาพอดี” เซเปสหันมาเห็นพอดี
“แล้วนั่น เจ้าพาผู้ใดมาด้วย”
“นี่หลานสาวของข้าเองขอรับ นางชื่อ ‘นัซย่า’ นางร่ำเรียนวิชาแพทย์ในเมืองนาคาดา นางเพิ่งเดินทางจากนาคาดามาถึงบ้านข้าเมื่อวานนี้ ข้าจึงพานางมาด้วยเผื่อว่านางจะมีหนทางช่วยอะไรได้บ้าง” แพทย์หลวงเซเตมตอบกลางๆ ที่สุด
“ก็ดี เช่นนั้น เจ้าก็ลองดูพระอาการของเจ้าชายว่าพอมีหนทางรักษาหรือไม่” เซเปสออกปากเพราะยามนี้แพทย์หลวงทั้งหมดต่างหมดหนทางในการรักษาแล้ว
“เซเตม เจ้ามาทางนี้ ยามนี้พวกเรากำลังคิดหาวิธีรักษาเจ้าชาย เจ้าลองมาฟังหน่อย”
“ขอรับ”
เซเตมปรายตามองนัซย่า ส่งสัญญาณให้เธอจัดการได้เต็มที่ ก่อนเขาจะก้าวเข้าไปรวมกลุ่มกับแพทย์หลวงทั้งหมด
“เมริท ช่วยยืนบังสายตากลุ่มคนนั้นให้ข้าด้วย” นัซย่ากระซิบเสียงเบา
เมริทก้าวไปยืนในทิศทางที่บังสายตาของเหล่าแพทย์หลวงทันที นัซย่าแตะมือที่กำไลทองคำที่สวมอยู่ พริบตาในมือของเธอก็ปรากฏกล่องโลหะสีเงินด้านขนาดยาวประมาณหนึ่งฝ่ามือ เธอก้าวเข้าไปหาเจ้าชายนาร์เมอร์ที่บรรทมหลับอย่างอ่อนเพลีย
แม้ประชวรไม่น้อยและซูบผอมไปมาก หากนัซย่ายังต้องชื่นชมว่าเจ้าชายนาร์เมอร์รูปงามจริงๆ ตอนที่เธอเห็นรูปสลักฟาโรห์เมเนสหรือนาร์เมอร์ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ เธอก็รับรู้แล้วว่าพระองค์นั้นหล่อเหลาอย่างยิ่ง หากแต่คิดไม่ถึงว่าพระองค์จริงจะรูปงามขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าคณิกาจึงยินดีที่ได้ปรนนิบัติพระองค์
นัซย่าทาบกล่องโลหะสีเงินด้านลงยังตำแหน่งพระหทัย นิ้วชี้กดลงที่ด้านข้างกล่องนั้น จุดแสงสีเขียวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนฝากล่องก่อนจะปรากฏแสงสีเขียวจางๆ แผ่พุ่งจากกล่องโลหะนั้นครอบคลุมพระวรกายของเจ้าชายนาร์เมอร์ตั้งแต่พระเศียรจรดพระบาท ใช้เวลาราวหนึ่งนาที แสงสีเขียวจางๆ ก็ดับลง
เธอหยิบกล่องนั้นขึ้นมาและกดลงที่ด้านข้างกล่องนั้นอีกครั้ง ฝากล่องปรากฏรายละเอียดพระพลานามัยของเจ้าชายนาร์เมอร์อย่างสรุปย่อออกมา
ผู้ป่วย: ไม่ทราบชื่อ
เพศชาย สูง 190 ซม. หนัก 62 กก. (ผอมเกินไป)
พบพยาธิใบไม้ในเลือดสองชนิดในร่าง ได้แก่ Schistosoma Haematobium และ Schistosoma Mansoni ฝังตัวอยู่ที่เนื้อเยื่อของผนังลำไส้ บางส่วนทะลุหรือหลุดออกมาสู่ภายในลำไส้ ปนออกมากับอุจจาระของผู้ป่วย
อาการปัจจุบันของผู้ป่วย: มีไข้อ่อนๆ ผิวหนังเป็นผื่นแดง ถ่ายเป็นมูกเลือด น้ำหนักลดลงมาก มีภาวะโลหิตจาง เป็นลมพิษ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
การรักษา: พราซิควอนเทล ปริมาณ 20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง วันละ 3 ครั้ง หรือรับประทานยาปริมาณ 40-60 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพียงครั้งเดียว ห้ามเคี้ยวยา รับประทานยาทั้งเม็ดหลังอาหารพร้อมดื่มน้ำตามมากๆ เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้องให้ห่างจากความร้อน ความชื้น ไม่ให้ยาสัมผัสแสงโดยตรง
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้
เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น ให้รับประทานอาหารให้ครบถ้วน พร้อมอาหารเสริมและวิตามินเพื่อบำรุงร่างกาย
พออ่านจบ นัซย่าต้องยิ้มออกมาก่อนจะเก็บกล่องโลหะนั้นไว้ในกำไลตามเดิม
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” เมริทกระซิบถามเสียงเบาทันทีที่เธอเห็นนัซย่าเก็บกล่องไป
“รักษาได้ แต่จะให้ดี ควรให้เจ้าชายไปรักษาตัวที่บ้านของเจ้า ที่นั่นห่างไกลสายตาคนอื่น และข้าสามารถควบคุมการรักษาได้”
เชิงอรรถ
***สเค็นติ (Schenti, Shent, Shendyt) คือ กระโปรงสั้น ใช้พันรอบสะโพกและมีปลายห้อยลงมาเป็นรอยพับที่ด้านหน้าของร่างกาย ระยะแรก Schenti ทําจากหนังสัตว์ ต่อมาจึงทำด้วยผ้าลินิน
