บทที่ 11 รู้จักวิถีชีวิตชาวไอยคุปต์ (2/3)
เมริททำตามที่เธอบอกทันที แรกๆ นางก็งงอยู่บ้าง หากเพียงครู่เดียว ก็เข้าใจวิธีย้อมผม ครีมย้อมผมสีดำถูกชโลมลงบนผมสีทองทีละช่อเพื่อให้สีย้อมออกมาสม่ำเสมอ ใช้เวลาราวสิบนาที เมริทก็ย้อมผมเสร็จก่อนจะเกล้าผมลวกๆ ให้เรียบร้อย เพื่อรอเวลาให้สีย้อมผมเริ่มทำงาน
“รอให้สีย้อมผมติดดีเสียก่อน แล้วเมริทใช้ของในหลอดนี้ชโลมลงบนผมของฉันแล้วใช้ผ้าเช็ดออกก็เรียบร้อยแล้วค่ะ” นัซย่าบอกก่อนจะยื่นอีกหลอดให้เมริท
ระหว่างนั่งรอเวลา เมริทก็เริ่มพูดคุยกับเธอต่อ
“ท่านนัซย่า เวลาพูดกับใครก็ตาม ให้แทนตัวเองว่า ‘ข้า’ นะเจ้าคะ ถ้าอีกฝ่ายอายุมากกว่าก็ให้เรียกคนนั้นว่า ‘ท่าน’ หากน้อยกว่าก็เรียกว่า ‘เจ้า’ แต่หากเป็นเชื้อพระวงศ์ ท่านต้องแทนตนเองว่า ‘หม่อมฉัน’ และเรียกอีกฝ่ายตามตำแหน่ง” เมริทเริ่มบอกให้เธอรู้
“เข้าใจแล้ว”
“ท่านนัซย่าอายุเท่าใดเจ้าคะ ข้าอายุยี่สิบสองปี”
“งั้นข้าต้องเป็นพี่สาวเจ้าแล้วล่ะ เมริท ข้าอายุยี่สิบสามปี เจ้าเรียกข้าว่า ‘พี่นัซย่า’ เถอะ”
“เจ้าค่ะ พี่นัซย่า”
“เมริท เจ้าอายุยี่สิบสองปีแล้ว ยังไม่แต่งงาน? ข้ารู้มาว่าผู้ชายอียิปต์มักจะแต่งงานเมื่ออายุสิบหกถึงยี่สิบปีหรือทันทีที่พวกเขาสามารถทำงานเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนผู้หญิงมักจะแต่งงานเมื่ออายุประมาณสิบสามปีหรือทันทีที่มีรอบเดือน”
“ข้ายังไม่ได้แต่งงานเจ้าค่ะ พี่นัซย่าว่าแปลกหรือไม่”
“ถ้าสำหรับข้าก็ไม่แปลกหรอก เพราะที่ที่ข้าจากมา กว่าสตรีจะแต่งงานก็อายุเกือบสามสิบปีหรือเร็วหน่อยก็ยี่สิบสองถึงยี่สิบห้าปี แต่สำหรับสตรีอียิปต์น่าจะแปลกเอาการ”
“ใช่เจ้าค่ะ เพราะข้าไม่ถูกใจบุรุษใดเลย ท่านพ่อก็ตามใจข้า ข้าเลยยังไม่ได้แต่งงาน”
นัซย่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วเจ้าเป็นลูกคนเดียวของแพทย์หลวงเซเตม?”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อข้าไม่มีหญิงบำเรอ มีท่านแม่คนเดียว ท่านแม่ของข้าเสียไปเมื่อข้าอายุสิบแปดปีเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้าชายนาร์เมอร์ล่ะ พระองค์มีสนมกี่นาง” นัซย่าหยั่งเชิง เธออยากพิสูจน์ว่าคำพูดนั้นที่เธอได้ยินและจำได้จนติดใจเป็นจริงหรือไม่
ข้าไม่มี ข้ามีแค่เจ้าผู้เดียวเท่านั้น นัซย่า
“เจ้าชายไม่มีสนมเจ้าค่ะ จริงๆ ฟาโรห์เซิร์คจะให้เจ้าชายอภิเษกกับเจ้าหญิงเทเนเนท พระขนิษฐาต่างมารดาของพระองค์ ตั้งแต่ที่เจ้าชายมีพระชนม์ครบสิบห้าพรรษา แต่เจ้าชายทรงปฏิเสธ ไม่ทรงยอมอภิเษกหรือรับสตรีใดเป็นสนม”
“อ้าว แล้วเวลาพระองค์มีความต้องการล่ะ ทรงทำอย่างไร” นัซย่าถามอย่างเป็นเรื่องปกติ เพราะในยุคสมัยของเธอ เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ผู้คนทั่วไปรับรู้และศึกษากันจนเป็นเรื่องธรรมดาไปนานแล้ว
เมริทก็ตอบอย่างเป็นปกติเช่นกัน
“เจ้าชายเสด็จไปที่ ‘บ้านน้ำผึ้งราตรี’ เจ้าค่ะ ที่นั่นเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ มีนางคณิกาที่งดงาม แต่เรื่องที่เสด็จไปที่นั่นก็ไม่ได้ทรงปิดบังอะไรนะเจ้าคะ เพราะเสด็จไปกับมหาดเล็กซีเบกและแม่ทัพอนูคที่ร่วมรบกับพระองค์ในยามที่ทรงช่วยองค์ฟาโรห์รวมดินแดนอียิปต์บน”
“เวลาเจ้าชายเสด็จไปแต่ละครั้ง นางคณิกาเหล่านั้นจะดีใจแทบตาย เพราะถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดที่พวกนางได้ปรนนิบัติพระองค์ แม้จะไม่มีผู้ใดเข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่ยอมมีสนมแต่กลับเสด็จไปหานางคณิกาเหล่านั้น จะว่าเพราะทรงโปรดนางคณิกาคนใดเป็นพิเศษ ก็ไม่ปรากฏว่าทรงเรียกหานางคณิกาคนใดซ้ำบ่อยๆ ทรงเรียกหาเปลี่ยนคนอยู่ตลอด”
“การค้าประเวณีที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ?” นัซย่าถามอย่างแปลกใจ เธอนึกว่าน่าจะเป็นเรื่องต้องห้ามเสียด้วยซ้ำในยุคโบราณ
“เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ หญิงคณิกามีฐานะค่อนข้างสูง ยิ่งพวกนางได้ปรนนิบัติชนชั้นสูง ฐานะของพวกนางก็ยิ่งสูงตามไปด้วย พวกนางยังได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพนี้ได้อย่างอิสระและเปิดเผยด้วยนะเจ้าคะ”
“อีกอย่างก็คือ พวกเราชาวอียิปต์ไม่ได้ให้ความสําคัญกับพรหมจรรย์สตรีมากนัก พวกเราเห็นด้วยกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรส แต่เมื่อบุรุษและสตรีแต่งงานกันแล้วก็ต้องเคารพความสัมพันธ์นี้ พวกเราถือว่าสตรีที่แต่งงานแล้วเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น เรื่องนอกใจจึงเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นผู้หญิง”
คำพูดนี้ทำให้นัซย่าต้องนึกทึ่งปนความคาดไม่ถึง
“อียิปต์เรายินยอมให้บุรุษมีภรรยาได้สี่นาง แต่ถ้าเป็นฟาโรห์ก็สามารถมีได้มากกว่าสี่ การลงโทษในความผิดฐานนอกใจจะรุนแรงมาก บางครั้งถึงขั้นประหารชีวิต แต่ความผิดนี้จะไม่รุนแรงนักสําหรับบุรุษที่แต่งงานแล้ว แต่หากชายที่แต่งงานแล้วถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานมีเพศสัมพันธ์กับสตรีที่ยังไม่แต่งงาน บุรุษเหล่านั้นก็เพียงต้องทนอับอายจากการเหยียดหยามของผู้อื่นเจ้าค่ะ”
นัซย่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ตอนนี้ เมริทใช้ของในหลอดนั้นล้างผมให้ข้าเถิด” เธอบอกออกมาเมื่อครบกำหนดเวลา
เมริทบีบของในหลอดออกมาชโลมผมของนัซย่า ใช้เวลาไม่นานนักผมของนัซย่าก็เรียบร้อย ยามนี้ผมสีทองของเธอกลายเป็นสีดำสนิทมันวาว
“ถ้าล้างสีออก พี่นัซย่าก็ยังมีผมสีทองใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ใช่ ไม่ต้องกังวลหรอก ต่อให้ล้างไม่ออก รออีกหน่อย ผมที่งอกใหม่ก็เป็นสีทองอยู่ดี” เธออธิบายให้ฟัง
นัซย่าแตะที่กำไลอีกครั้ง ปรากฏหลอดแบบเดียวกับครีมย้อมผมอีกหลอดหนึ่ง
“เมริท ทาของในหลอดนี้ลงบนหน้าของข้าและส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่อยู่นอกร่มผ้า จะได้ไม่มีใครรู้ว่าสีผิวของข้าต่างจากพวกเขา”
เมริททาครีมให้เธอทันที เพียงทาลงไปไม่นาน ครีมก็ซึมลงสู่ผิว จากผิวขาวผ่องกลายเป็นสีน้ำผึ้งสวยเช่นสตรีชาวอียิปต์ เมริทช่วยนัซย่าสวมใส่เสื้อผ้าของชาวอียิปต์จนเรียบร้อย
“สีผิวนี้จะอยู่ได้นานเพียงใดเจ้าคะ”
“สิบวัน ใกล้ครบสิบวันก็ต้องทำอีก”
นัซย่าแตะที่กำไลอีกครั้ง ครั้งนี้ปรากฏกล่องคอนแทคเลนส์ เมริทมองนัซย่าใส่คอนแทคเลนส์สีดำด้วยอาการประหลาดใจอย่างที่สุด และเมื่อนัซย่าสบตากับนางอีกครั้งจึงเห็นชัดเจนว่านัยน์ตาสีฟ้าสวยได้กลายเป็นสีดำไปอย่างไม่น่าเชื่อ
