บทที่ 9 ผลาญเงินประกัน
“เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าการที่ทิณณ์ทำแบบนี้ แสดงว่าเขามีใจให้เธอ”
“ยังไง”
“เขามองเธอมีค่าเกินกว่าจะเธอจะเป็นของเล่น ถ้าเขาไม่รักเธอ เขาก็คงล่วงเกินเธอไปนานแล้วล่ะ คนอย่างทิณณ์ไม่มีวันปล่อยผู้หญิงสวย ๆ อย่างเธอให้รอดมือเขาไปหรอก แต่เพราะเขาเห็นค่าในตัวเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น เขาจึงถนอมเธอไว้ไงล่ะ” ปุยนุ่นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อทบทวนสิ่งที่เพื่อนรักพูด
“หมายความว่าเขามีใจให้ฉันงั้นเหรอ”
“ใช่ เขาอยากถนอมเธอไว้นาน ๆ ส่วนผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาก็แค่คนขั้นเวลาเท่านั้น ยังไงซะเธอก็พิเศษกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เธออย่าพึ่งถอดใจแบบนี้สิ”
“เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอดาหรัน”
“เธอเชื่อฉันสิ ว่าทิณณ์เขารักเธอ ถ้าไม่งั้นเขาจะดูแลเธออย่างดีแบบนี้เหรอ ไม่เชื่อก็ลองดูกระเป๋าที่เขาซื้อให้สิ ถ้าเขาคิดกับเธอแค่เพื่อนจริง ๆ เขาจะซื้อให้เธอทำไม” สิ่งที่ดาหรันพูดทำให้ปุยนุ่นเริ่มมีความหวังอีกครั้ง
“ที่เขาซื้อให้เพราะฉันคือคนพิเศษสำหรับเขาจริง ๆ เหรอ” ดาราสาวถามย้ำกับเพื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อความแน่ใจ
“ถึงขนาดนี้แล้ว ช่วยมั่นใจหน่อยได้ไหม ต่อแต่นี้ไปเธออย่าให้ผู้หญิงคนไหนมีโอกาสเข้าใกล้เขาอีก จำไว้” ปุยนุ่นพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ ก่อนหญิงสาวจะยิ้มออกมาแล้วจับมือเพื่อนรักด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบใจนะดาหรัน ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงถอดใจจากทิณณ์แล้วจริง ๆ”
“เรื่องเล็กน้อย ยังไงฉันก็จะอยู่ข้างเธอ ช่วยเธอกำจัดผู้หญิงพวกนั้นให้ออกจากเทวทิณณ์”
“อื้ม” ปุยนุ่นพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นแล้วลูบไล้อย่างมีความหมาย
หลายวันมานี้พิมพ์มาดาสังเกตเห็นว่าชัชพลและน้าญาซื้อของหลายอย่างเข้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับหรู หรือแม้แต่รถมอเตอร์ไซค์ราคาแพงสูงลิบที่จอดอยู่หน้าบ้าน หญิงสาวเลื่อนสายตามองข้าวของทุกอย่างด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ร่างของญาธิดาจะเดินลงจากชั้นบนพอดี
“กลับมาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะ” หญิงกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่พิมพ์มาดาจะยิ้มรับแล้วพยักหน้าตอบ
“ค่ะ พอดีว่าวันนี้ไม่มีเรียนช่วงบ่าย พิมพ์ก็เลยกลับมาก่อน ว่าแต่รถมอเตอร์ไซค์หน้าบ้าน เป็นของน้าชัชเหรอคะ” ญาธิดาชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปั้นหน้ายิ้ม แล้วเดินตรงมายังเครื่องนวดตัวขนาดใหญ่ที่พึ่งมาส่ง
“ใช่จ้ะ ของน้าชัช” พิมพ์มาดาหันมองเครื่องนวดตัวด้วยความงุนงง เพราะก่อนหน้าเธอเข้าใจว่าครอบครัวของน้าชัชกำลังขัดสนเรื่องเงิน
“พอดีว่าคุณชัชได้โบนัสจากเจ้านายมาก้อนหนึ่งน่ะ ก็เลยเอามาซื้อของเข้าบ้าน” ญาธิดาพูดแก้
“งั้นเหรอคะ” หญิงสาวพยักหน้ายิ้มอย่างไม่สงสัย ก่อนเธอจะหันตัวเดินเข้าไปในห้อง แล้วนึกบางอย่างได้จึงหันกลับมายังน้าญา แล้วเอ่ยถามบางอย่าง
“น้าญาคะ คุณพ่อกับคุณแม่ติดต่อมาบ้างไหมคะ”
“ยังนะ” เมื่อได้รับคำตอบแล้ว พิมพ์มาดาจึงปิดประตูห้องแล้วเก็บตัวอยู่ภายใน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมบิดาและมารดา ไม่ยอมให้เธอติดต่อพูดคุยด้วย ทั้งที่พวกเขาควรคิดถึงเธอมากกว่าใคร หญิงสาวถอนหายใจแล้วเอนกายนอนลงบนเตียงด้วยความคิดมากมายในสมอง
“คุณคะ ฉันสั่งชุดเครื่องสำอางมาอีกห้าหมื่นบาท คุณช่วยจ่ายเงินด้วยนะ” ญาธิดาเดินเข้าไปหาสามีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ได้สิ” เขาตอบรับด้วยความยินดี หลังจากหักหนี้ไปส่วนหนึ่งแล้ว พวกเขายังมีเงินเหลือใช้ไว้ซื้อของฟุ่มเฟือยอีกหลายอย่าง ทำให้บรรยากาศของบ้านไม่คุกรุ่นเหมือนที่ผ่านมา ด้วยเงินทองมีใช้จ่ายไม่ขาดมือ ก่อนที่เสียงมือถือของชัชพลจะดังขึ้น
“ว่าไงกันต์” เขากดรับสายแล้วเอ่ยขึ้น
“พ่อครับ ผมขอเงินอีกสองแสนได้ไหม” ชายกลางคนได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“แกจะเอาไปทำไมอีกตั้งสองแสน ครั้งที่แล้วแสนหนึ่งยังไม่พออีกเหรอ”
“ผมอยากได้นาฬิกา อยากมีเหมือนคนอื่นเขาบ้าง”
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปคบไอ้เพื่อนรวย ๆ อะ พอมีเพื่อนรวย ก็อยากมีอย่างเขาแล้วก็มาเดือดร้อนฉัน”
“ตกลงพ่อจะให้ผมไหม” น้ำเสียงของชนกันต์พูดขึ้น ก่อนที่ญาธิดาจะดึงมือถือสามีไปพูดเองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไม่ให้ เพราะเงินพวกนั้นฉันกับพ่อของนายเอาไปใช้หนี้หมดแล้ว ไม่เหลือไว้ให้นายเอาไปใช้สิ้นเปลืองอะไรทั้งนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ ผมหาเองก็ได้” ว่าแล้วชนกันต์ก็วางสาย พร้อมเสียงถอนหายใจของชัชพล
สายตาของชนกันต์ก้มมองนาฬิกาเรือนหนึ่งด้วยความอยากได้อย่างถึงที่สุด เขาใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้สวมมันเหมือนที่เทวทิณณ์เคยใส่ ชายหนุ่มเงยหน้ามองพนักงานแล้วส่งยิ้มเจื่อนให้
“ไว้วันหลังผมจะมาเอาครับ”
“ยินดีค่ะ” สองเท้าของชนกันต์เดินออกมาพร้อมกับความคิดมากมายในสมอง พร้อมกับมุ่งตรงไปยังคอนโดฯ ของเทวทิณณ์ เขานั่งรอเพื่อนอยู่พักใหญ่
ก่อนเทวทิณณ์จะกลับมา แล้วยกแอลกอฮอล์ยี่ห้อแพงมาต้อนรับเหมือนอย่างเคย ชนกันต์ยกดื่มไปสองแก้ว จึงเอ่ยถามบางอย่างจากเพื่อนรัก
“ที่นายเคยคุยกับฉันไว้เมื่อปีก่อน นายยังอยากได้ผู้หญิงบริสุทธิ์อยู่ไหม” เทวทิณณ์ชะงักนิ่งไป อันที่จริงเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเคยขอให้ชนกันต์หาสาวบริสุทธิ์ให้
