บทที่ 11 ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้
“พิมพ์จะหาเงินจากที่ไหนมาช่วยพ่อกับแม่ พิมพ์ต้องทำไงดีคะ” ความใสซื่อของเธอ ทำให้ชนกันต์แอบยกยิ้มมุมปาก แล้วใช้มือลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
“พี่มีวิธีหนึ่ง ที่พอจะช่วยคุณลุงกับคุณป้าได้ แต่ไม่รู้ว่าพิมพ์จะยอมทำหรือเปล่า”
“พิมพ์ยอมทำทั้งนั้นล่ะค่ะ พี่กันต์บอกพิมพ์มาเถอะนะคะว่าพิมพ์จะหาเงินสามแสนมาช่วยคุณพ่อกับคุณแม่ยังไง” สายตาอ้อนวอนของหญิงสาวทำให้ชนกันต์ถอนหายใจออกมา แล้วเลื่อนมากุมมือเธอด้วยความเห็นใจ
“พี่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง บ้านมันรวยมาก เงินสามแสนสำหรับมัน ก็เหมือนเศษกระดาษธรรมดา พิมพ์ก็แค่...” ชนกันต์หยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะจับจ้องมองตรงมายังพี่ชายด้วยความอยากรู้
“พี่กันต์จะให้พิมพ์ไปยืมเงินเขาเหรอคะ” ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมา
“แล้วพี่กันต์จะให้พิมพ์ทำอะไรคะ”
“เพื่อนพี่คนนี้เป็นเพลย์บอย ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กฎหลักของมันก่อนที่พิมพ์จะได้เงินสามแสน คือพิมพ์ต้อง....นอนกับมัน” สิ้นเสียงของชนกันต์ พิมพ์มาดารีบชักมือกลับในทันทีด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาปฏิเสธทันที
“ไม่ค่ะ พิมพ์จะนอนกับคนไม่รู้จักได้ยังไงกัน พิมพ์ไม่ทำแน่ ๆ” เธอละล่ำละลักพูดออกมา ก่อนที่ชนกันต์จะรีบจับมือเธอไว้เพื่อให้หญิงสาวได้ตั้งสติ
“พิมพ์ใจเย็น ๆ ก่อนนะ เรื่องทั้งหมดพี่ทบทวนมาดีแล้ว ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ห่วงน้องสาวของพี่ แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วนะ ถ้าพิมพ์ไม่ทำแบบนี้ เราจะเอาเงินสามแสนที่ไหนส่งไปให้คุณลุงกับคุณป้า พิมพ์ยอมเห็นคุณลุงกับคุณป้าติดคุกได้จริง ๆ เหรอ” หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ชนกันต์สัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหวที่มือของเธอแสดงความกลัวออกมา จึงรีบกำมือเธอไว้แน่น
“เพื่อนพี่เป็นคนใจดี เขาไม่ได้เลวร้าย เพียงแค่พิมพ์นอนกับเขา อยู่กับเขาจนพอใจ เขาก็จะปล่อยพิมพ์กลับมาเอง ไม่ต้องกลัวนะว่าจะได้รับอันตรายใด ๆ เชื่อพี่ว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้” พิมพ์มาดานิ่งเงียบไม่ตอบโต้ ก่อนน้ำตาของเธอจะไหลรินอาบแก้มด้วยความอัดอั้นใจ หญิงสาวตั้งสติได้ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา
“คุณพ่อกับคุณแม่ลำบากเพราะพิมพ์มามากค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต พิมพ์อยู่อย่างสุขสบายโดยที่มีคุณพ่อกับคุณแม่คอยปกป้องดูแลมาตลอด พิมพ์ไม่เคยได้รับความลำบาก แต่วันนี้พิมพ์ทนเห็นคุณพ่อกับคุณแม่ลำบากแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ แต่พี่กันต์คะ พิมพ์กำลังจะขายศักดิ์ศรีของตัวเอง”
“ตอนนี้ศักดิ์ศรีกินไม่ได้หรอกนะพิมพ์ ถ้าพี่เป็นพิมพ์ พี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่ไม่ต้องเข้าคุก” คำชี้แนะของเขาทำให้หญิงสาวตัดสินใจยอมเชื่อ
“เหลืออีกแค่ห้าวันก็สิ้นเดือนแล้ว มันจะทันเหรอคะ” เธอยกมือปาดน้ำตา แล้วเอ่ยถามเขาด้วยความตั้งมั่น ก่อนที่ชนกันต์จะยกยิ้มมุมปากออกมา
“ทันอยู่แล้ว พี่รับรองเลยว่าพิมพ์จะได้เงินสามแสนก่อนสิ้นเดือนแน่นอน” หลังจากชนกันต์เดินออกจากห้องไป พิมพ์มาดาพยายามทบทวนสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง ทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าไม่ควรยึดกับศักดิ์ใด ๆ อีก ก่อนเสียงเปิดประตูห้องของเธอจะดังขึ้น ร่างของชนกันต์กลับมากำชับบางอย่างจากเธอเป็นครั้งสุดท้าย
“พี่ลืมบอกไป ว่าอย่าบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่พี่รู้นะ เพราะพวกเขาจะไม่มีวันยอมให้พิมพ์ทำอะไรแบบนั้นแน่ ๆ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับปาก พร้อมกับประตูห้องของเธอถูกชนกันต์ปิดไปในที่สุด
ชนกันต์ทำการนัดแนะส่งตัวพิมพ์มาดาให้กับเทวทิณณ์ทันทีหลังจากเลิกเรียน ขณะที่แววดาวสังเกตอาการของพิมพ์มาดาที่มีสีหน้าไม่สู้ดีมาสักระยะหนึ่งแล้ว
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ที่เธอดูเงียบ ๆ ไป” แววดาวเอ่ยถามเพื่อนรักขณะเรียนวิชาสุดท้าย ก่อนที่พิมพ์มาดาจะกลั้นน้ำตาและความเจ็บปวดไว้ภายใน พลันส่ายศีรษะปฏิเสธเพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง
“เปล่าจ้ะ”
“จะเปล่าได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ พิมพ์...ฉันเป็นเพื่อนของเธอนะ ถ้ามีอะไรที่ไม่สบายใจหรือจะให้ฉันช่วยก็บอกได้ ฉันพร้อมรับฟัง ดีกว่าเก็บไว้คนเดียวแบบนี้ ยิ่งเธอปฏิเสธว่าไม่มีอะไร ฉันก็เชื่อว่ามันต้องมี” แววดาวพูดพร้อมกับจับจ้องมองใบหน้าเพื่อนรักอย่างพิมพ์มาดาด้วยสายตาจริงจัง ก่อนที่พิมพ์มาดาจะปั้นหน้ายิ้ม แล้วเอื้อมมาจับมือเพื่อนรักด้วยความซาบซึ้งใจ
"ขอบใจมากนะดาว เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน แต่มันไม่มีอะไรจริง ๆ” หลังจากเลิกเรียนแล้วพิมพ์มาดาจึงขอแยกจากแววดาว เพื่อมารอชนกันต์บริเวณลานจอดรถ พลางก้มมองนาฬิกาที่เดินหน้าไปทุกขณะ ด้วยหัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวหลายอย่าง ทว่าด้วยความเป็นห่วงบิดามารดาที่กำลังเผชิญความยากลำบาก เธอจำเป็นต้องยอมสละทุกอย่างเพื่อครอบครัว
ไม่นานนักร่างของชนกันต์ก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม แล้วเอ่ยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
“วันนี้เขาจะให้เงินเราเลยไหมคะ” คำถามของหญิงสาวทำให้ชนกันต์ปล่อยยิ้มออกมา
“มันก็อยู่ที่ความสามารถของพิมพ์เอง ว่าทำไงให้เขายอมจ่ายเงินเร็ว ๆ” พิมพ์มาดานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังชายหนุ่มอีกคน ที่ย่างเท้าเข้ามาพร้อมกับร่างของดาราสาว
“พี่ปุยนุ่น” พิมพ์มาดาเอ่ยทักด้วยดวงตาเบิกโพลง ไม่คิดว่าดาราสาวจะเดินมาตรงมา
“น้องนั่นเอง” ปุยนุ่นส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง เมื่อจำได้ว่าพิมพ์มาดาคือนักศึกษาปีหนึ่ง ที่เคยเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย ก่อนที่เทวทิณณ์จะเดินเข้ามาหาชนกันต์
