ตอนที่ 3 กระจกที่สะท้อนความตาย
เสียงฝีเท้าวิ่งอย่างตื่นตระหนกสะท้อนไปตามทางเดินแคบ ๆ ภายในคฤหาสน์
เพลงพราวแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหนีออกจากห้องเก็บของมาได้อย่างไร
เธอหยุดอยู่ที่บันไดทางขึ้นชั้นบน พิงกำแพงหอบหายใจหนัก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
สิ่งที่เธอเห็นในเงามืด… มันไม่ใช่คน
มันมีเสียง… ลมหายใจคล้ายสัตว์ป่า แต่กลับมีเงาร่างมนุษย์
เพลงพราวไม่กล้าพูด ไม่กล้าคิดอะไรต่อ เธอได้แต่ภาวนาให้พระอาทิตย์ขึ้นเร็วที่สุด
ขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากชั้นบน
กรอบ... กรอบ...
เธอชะเง้อมอง เห็นเงาเลือนรางของใครบางคนเดินผ่านห้องโถง
แผ่นหลังสูงใหญ่ เสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนแบบที่คุณภูชอบใส่
“คุณภูคะ!” เธอเรียกออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ชายคนนั้นหยุดชั่วครู่ แต่กลับไม่หันมามอง แล้วเดินหายเข้าไปในห้องริมสุดอย่างเงียบงัน
เพลงพราวขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบสาวเท้าตามไปอย่างเงียบ ๆ
ประตูห้องแง้มไว้นิดเดียว เธอผลักเบา ๆ เข้าไป
ห้องนั้นเงียบสนิท มีกลิ่นหอมประหลาดลอยอบอวล และที่กลางห้องคือ “กระจกบานใหญ่โบราณ” ตั้งตระหง่านอยู่
กรอบไม้แกะสลักลายมังกรและงูพันกันเหมือนกำลังต่อสู้กันอยู่ ด้านในกระจกสะท้อนภาพเธอที่กำลังยืนอยู่…
แต่สิ่งที่แปลกคือ…
ในกระจก เธอเห็น ‘เงาร่าง’ ของผู้หญิงในชุดไทยสีทอง ยืนอยู่ด้านหลังเธอ ทั้งที่หันหลังไปก็ไม่มีใคร
“ใคร… ใครอยู่ตรงนั้น…” เธอเอ่ยถามเสียงเบา
กระจกเริ่มสั่นคลอน… ภาพในนั้นบิดเบี้ยว เงาของผู้หญิงคนนั้นเริ่มยิ้ม ยิ้มกว้างผิดธรรมชาติ… จนริมฝีปากฉีกไปถึงแก้มทั้งสองข้าง
เพลงพราวผงะถอยหลัง ใจเต้นโครมคราม
กระจกหยุดไหว ภาพเงาเลือนหายไปทันที
ขณะกำลังจะหันหลังกลับ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของเธอ…
“กระจกบานนี้… เคยสะท้อนภาพสุดท้ายของคนที่ตายไปแล้ว”
เสียงเย็นเยียบเหมือนมาจากอีกโลกหนึ่ง
เธอรีบวิ่งออกจากห้องนั้นโดยไม่เหลียวหลัง
เย็นวันต่อมา
ภูรินกลับเข้ามาในบ้าน หลังจากหายไปทั้งวัน เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพตามแบบฉบับ
“เมื่อวานคุณเข้าไปในห้องด้านหลังหรือเปล่าครับ?”
“ห้องเก็บของน่ะเหรอคะ? เปล่า... ฉันแค่หลงไปใกล้ ๆ ค่ะ”
ภูรินสบตาเธอนิ่ง ๆ แล้วพยักหน้าเบา ๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงติดเหนื่อย
“อย่าไปแถวนั้นบ่อยนะครับ… มันอันตราย”
คำว่า “อันตราย” ทำให้เพลงพราวกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ
“คุณภู… ที่นี่มันมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่คะ?”
ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจ ก่อนเอ่ยช้า ๆ
“บางความจริง… ถ้ารู้แล้ว จะไม่มีทางกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกเลยนะครับ”
คำพูดของเขาทำให้เธอขนลุกทั้งตัว
กลางดึกคืนนั้น
เพลงพราวฝันอีกครั้ง
ฝันถึงหญิงสาวในชุดไทยยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ ด้านหลังเธอคือเงาดำขนาดมหึมาคล้ายปีศาจ และหญิงสาวคนนั้นก็กระซิบเสียงเบาเหมือนลมหายใจ
“ช่วยฉัน... ฉันยังไม่ไปไหน... อย่าทิ้งฉันไว้กับมัน...”
เธอตื่นขึ้นพร้อมเหงื่อเย็นชุ่มแผ่นหลัง
เช้าวันถัดมา
ระหว่างที่เธอกำลังช่วยแม่บ้านเช็ดกระจกบานเล็ก ๆ ชั้นบน เพลงพราวเผลอเอ่ยถามถึงอดีตของคฤหาสน์หลังนี้
แม่บ้านสูงวัยคนหนึ่งลดเสียงลง ก่อนพูดแผ่วเบา
“คุณภูเป็นลูกชายคนโตค่ะ ท่านชายชลาธรกับคุณหญิงมาลินามีลูกทั้งหมดสามคน...”
“สามคน? แล้วอีกสองคนล่ะคะ?”
“คนกลางเสียชีวิตตั้งแต่เด็กค่ะ ส่วนคนน้อง... คุณพลอยนิล... หายตัวไปตอนอายุสิบห้า ไม่มีใครพบอีกเลย...”
เพลงพราวชะงัก
“แล้ว... เรื่องกระจกบานใหญ่ที่ห้องริมสุด...”
แม่บ้านคนนั้นเบิกตากว้าง ก่อนรีบยกมือไหว้แล้วพูดเสียงสั่น
“อย่าไปยุ่งกับกระจกนั้นค่ะคุณหนู... มีคนตายต่อหน้ากระจกนั้นมาแล้วถึงสามราย...”
เพลงพราวใจหล่นวูบ
ก่อนจากกัน แม่บ้านทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ให้
“ถ้ากระจกสะท้อนเงาที่ไม่ใช่ตัวเองเมื่อไร... จงเตรียมใจไว้ให้ดีนะคะ”
เธอกลับมายืนอยู่หน้ากระจกบานนั้นอีกครั้งในตอนเย็น
คราวนี้... ภาพในกระจกสะท้อนกลับมาชัดเจน
และไม่ใช่เธอที่ยืนอยู่หน้ากระจกอีกต่อไป
