ตอนที่ 2 รอยเลือดใต้พรม
“คุณภูคะ… นี่มันกลิ่นอะไรเหรอคะ?” เพลงพราวเอ่ยถามเบา ๆ ขณะเดินผ่านโถงกลางชั้นล่าง
กลิ่นบางอย่างโชยแตะจมูก หวานปนฉุน คล้ายกลิ่นดอกไม้ที่ร่วงโรยใกล้เน่า และมีกลิ่นคาวบางเบาผสมอยู่ในอากาศ
ภูรินชะงักเท้า หันมาสบตากับเธอเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบ “คงเป็นกลิ่นจากห้องเก็บของด้านหลัง พรุ่งนี้ผมจะให้แม่บ้านจัดการ”
น้ำเสียงของเขานิ่งจนน่าขนลุก
“ค่ะ...” เพลงพราวตอบเบา ๆ พลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก หัวใจเธอเต้นช้าลงด้วยความระแวง เหมือนร่างกายรู้ก่อนจิตใจว่า อะไรบางอย่างในบ้านหลังนี้ผิดปกติ
หลังจากจัดของเสร็จ เพลงพราวได้พักในห้องพักแขกด้านหลัง เป็นห้องขนาดกลาง มีหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นสวนที่ไร้การดูแล ต้นไม้แห้งกรอบ กิ่งก้านพันกันยุ่งเหยิงเหมือนกับไม่มีใครแตะต้องมันมาหลายปี
เธอทิ้งตัวลงบนเตียง ข่มตาให้หลับแต่กลับไม่สำเร็จ ความคิดวนเวียนกลับไปที่ภาพของคุณหญิงมาลินา ผู้หญิงผิวขาวซีด ร่างกายซูบผอม ดวงตาคล้ายคนไม่ได้หลับนานนับสัปดาห์ แต่ริมฝีปากกลับยิ้มค้างเหมือนถูกฝืนดึงไว้
‘หล่อนมีเสน่ห์แปลก ๆ … แต่ก็ชวนหวาดกลัว’
เสียงก๊อกน้ำในห้องน้ำหยุดลง เพลงพราวหันไปมองอย่างแปลกใจ เพราะเธอจำได้ว่าไม่ได้เปิดน้ำทิ้งไว้
เธอเดินไปช้า ๆ เปิดประตูห้องน้ำ กลิ่นชื้น ๆ ลอยมาปะทะจมูก ไฟกระพริบแผ่วเหมือนใกล้ดับ และแล้ว...
เธอเห็นบางสิ่งอยู่ใต้พรมหน้าประตูห้องน้ำ
พรมผืนเล็ก ๆ ถูกยกมุมขึ้นนิดหน่อย เผยให้เห็นรอยบางอย่างที่ดูคล้าย... รอยเลือดเก่าแห้งกรัง
“อะ...” เพลงพราวยกมือปิดปากอย่างตกใจ ไม่กล้ากรีดร้อง ร่างกายของเธอชาวาบ สั่นระริกโดยไม่รู้ตัว
“แค่… น้ำยาเปื้อนรึเปล่านะ… คงไม่ใช่เลือด…” เธอพึมพำเหมือนปลอบตัวเอง แต่สายตายังจับจ้องที่รอยนั้น มันมีสีเข้มคล้ำไปแล้ว แต่กลิ่น… กลับยังหลงเหลือความคาวติดอยู่
ทันใดนั้น ไฟในห้องน้ำก็ดับวูบ!
ความมืดเข้าปกคลุม เธอรีบถอยหลังจนสะดุดขอบเตียง ล้มลงนั่งบนพื้น หัวใจเต้นโครมครามราวจะทะลุอก
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดินหน้าห้อง เหมือนมีใครบางคนเดินผ่านไปช้า ๆ แล้วหยุดที่หน้าห้องของเธอ...
เงาใต้ประตูเคลื่อนไหว
“คุณภู…?” เพลงพราวเอ่ยออกมาเสียงเบา
ไม่มีคำตอบ มีเพียงความเงียบ และเงานั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เธอสูดหายใจลึก พยายามเรียกสติ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปปิดประตูให้แน่นหนา แล้วล็อกกลอนสองชั้น
คืนนี้... คงต้องพยายามอยู่ให้รอดจนถึงเช้า
รุ่งเช้า
เสียงนกร้องแผ่วเบานอกหน้าต่าง ทำให้เพลงพราวรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
เธอลุกจากเตียง เปิดม่านรับแสงอ่อน แต่เมื่อมองออกไปที่สวน… เธอก็ชะงัก
มีใครบางคนยืนอยู่ตรงมุมสวน ใต้ต้นไทรเก่าแก่
หญิงสาวผมยาว ใส่ชุดขาว แขนทั้งสองข้าง垂ลงข้างลำตัวในท่าทางแข็งทื่อ เงยหน้ามองหน้าต่างห้องเธอโดยไม่กระพริบตา
เพลงพราวเบิกตากว้าง ใจหล่นวูบ
เธอรีบก้าวถอยหลังและหลับตาแน่น สูดลมหายใจลึก เมื่อเปิดตามาอีกครั้ง... ร่างนั้นก็หายไปแล้ว
เธอเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือเรื่องจริง… หรือเป็นแค่ภาพหลอน
ช่วงสาย
เธอถูกเรียกให้ไปช่วยคุณหญิงมาลินาแต่งตัว
ในห้องนอนหรูหราขนาดใหญ่ กลิ่นน้ำหอมเก่าและดอกไม้แห้งผสมกันเป็นกลิ่นประหลาด
“ช่วยหวีผมให้แม่หน่อยสิจ๊ะ” เสียงของคุณหญิงยังนุ่มนวล แต่มีความแหบแทรกที่ชวนขนลุก
เพลงพราวเดินเข้าหาเธออย่างลังเล หวีในมือสั่นนิดหน่อย ขณะเริ่มหวีผมสีดำยาวของหล่อน
เส้นผมนั้นเย็นเยียบ และมีเส้นบางเส้นหลุดออกมา… บางเส้นกลายเป็นสีขาวเหมือนขี้เถ้าในทันทีเมื่อหลุดจากหนังศีรษะ
“เอ๊ะ?” เพลงพราวมองอย่างตกใจ
“เด็กน้อย… เธอกลัวแม่หรือจ๊ะ?” คุณหญิงถามขึ้นกะทันหันโดยยังคงนั่งนิ่ง
“เปล่าค่ะ... คือ...”
“ดีแล้ว เพราะที่นี่... ไม่มีใครอยู่ได้นาน ถ้าหวาดกลัว”
คำพูดของหล่อนเยือกเย็น ราวกับคำเตือนจากวิญญาณ
เย็นวันเดียวกันนั้น
เพลงพราวแอบเดินไปยังห้องเก็บของด้านหลัง ที่ภูรินเคยกล่าวถึง เธออยากพิสูจน์กลิ่นประหลาดที่ยังติดอยู่ในความทรงจำ
บานประตูเก่าผลักออกได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่เธอคิดว่าจะต้องล็อก
ภายในห้องนั้นมืดและชื้น มีลังไม้เก่า ๆ วางซ้อนกันสูง
เธอเดินเข้าไปช้า ๆ และในแสงสลัว… ก็เห็นบางสิ่งแทรกระหว่างลังเหล่านั้น
กรงเล็บ?
เธอเบิกตากว้าง ร่างในเงามืดกระตุกเบา ๆ และมีเสียงครางต่ำ ลมหายใจหอบถี่ดังจากความมืด
ก่อนที่เธอจะได้กรีดร้อง บางอย่างก็พุ่งชนฝาไม้ดัง “ปัง!!”
เธอรีบวิ่งหนีสุดแรง พร้อมเสียงในหัวที่ดังก้อง…
“ที่นี่ไม่มีใครรอดออกไป”
