บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3: บทสนทนาใต้แสงดาวและดอกไม้ไฟ/1

"เอ่อ...คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุณ"

น้ำรินเอ่ยด้วยความเกรงใจ มองใบหน้าสวยคมที่ดูเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ในความรู้สึกเหมือนเคยเห็นใบหน้างดงามนี้ผ่านตา จากที่ใดสักแห่ง

"ค่ะ ฉันชื่อพะพายค่ะ"

พะพายแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นางแบบสาวมีความรู้สึกถูกชะตากับคนตรงหน้า จึงยอมพยักหน้าตอบรับ ทั้งที่ปกติเธอมักจะไม่ค่อยพูดจากับคนแปลกหน้าเท่าใดนัก อาชีพนางแบบและนักแสดงของเธอนั้น ทำให้ต้องวางตัวแตกต่างจากคนทั่วไป

"ที่แท้ก็คุณพะพายนี่เอง ฉันน้ำรินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"

น้ำรินยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แววตาของเธอสดใสและเปิดเผย เมื่อได้ยินก็นึกออกว่าผู้หญิงคนนี้คือพะพาย นางแบบสาวและนักแสดงคนดัง ที่มักมีรูปของเธอติดอยู่บนป้ายโฆษณาตามที่ต่างๆ และยังเป็นนักแสดงที่คุณยายมณีกับแม่ดารัตน์ชอบด้วย ไม่คิดว่าจะเจอกันโดยบังเอิญในต่างแดนเช่นนี้

พะพายมองรอยยิ้มนั้นอย่างรู้สึกแปลกประหลาด มันเป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจและอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

"เช่นกันค่ะ คุณน้ำริน"

"คุณพะพาย มาเที่ยวงานเทศกาลคนเดียวเหรอคะ"

น้ำรินถามด้วยความเป็นห่วง สังเกตเห็นแววตาที่ยังคงมีความเศร้าซ่อนอยู่ของอีกฝ่าย

"ค่ะ...มาพักผ่อนคนเดียวค่ะ"

พะพายพยักหน้าช้าๆ มองไปยังผู้คนที่เดินจับคู่กันอย่างมีความสุข ในขณะที่เธอมาเพียงลำพัง กับความบอบช้ำของหัวใจ

"บรรยากาศเทศกาลคึกคักดีนะคะ เดินชมงานด้วยกันไหมคะ ฉันเองก็มาคนเดียวเหมือนกันค่ะ"

น้ำรินเอ่ยชวน หลังจากเห็นท่าทางเหงาของอีกฝ่ายแล้วนึกสงสาร

พะพายมองใบหน้ายิ้มแย้มของน้ำรินอย่างลังเล ความรู้สึกอบอุ่นและความจริงใจที่แผ่ออกมาจากหญิงสาวตรงหน้า ทำให้ความเหงาในใจเธอค่อยๆ จางหายไปทีละน้อย

"ค่ะ...ก็ดีเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะคะ"

ทั้งสองคนเริ่มเดินชมงานเทศกาลกิองมัตสึริไปด้วยกัน แสงไฟจากโคมไฟกระดาษหลากสีสันส่องสว่างใบหน้าของพวกเธอ เสียงดนตรีพื้นเมืองที่บรรเลงอย่างสนุกสนานดังแว่วมาตามลม กลิ่นหอมของอาหารนานาชนิดลอยมาแตะจมูก ผู้คนเดินเบียดเสียดกันไปตามทาง บ้างหยุดชมการแสดงข้างถนน บ้างต่อแถวซื้อขนมและของที่ระลึก

แสงไฟจากโคมไฟหลากสีส่องใบหน้าของทั้งสองคนเป็นระยะๆ เสียงดนตรีและเสียงผู้คนดังเซ็งแซ่ แต่ในห้วงความรู้สึกของพะพายกลับเงียบงัน เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความจริงใจที่น้ำรินมอบให้ ทำให้เธอค่อยๆ คลายความรู้สึกหวาดระแวงลงทีละน้อย

"คุณน้ำริน..."

พะพายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาคู่สวยยังคงฉายแววเศร้าสร้อย

"คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณพะพาย ดูไม่ค่อยสบายใจเลย"

น้ำรินหันมามองด้วยความเป็นห่วง

พะพายสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่ฝังอยู่ในใจออกมา

"คือ...ที่ฉันมาญี่ปุ่นครั้งนี้...ก็เพราะว่า..."

เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย กลั้นสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ

"ฉันเพิ่ง...เลิกกับแฟนค่ะ"

น้ำรินเงียบไปครู่หนึ่ง มองพะพายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ

"ฉันเสียใจด้วยนะคะ"

เธอเอื้อมมือไปแตะแขนของพะพายเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

"เขา...เขาทำร้ายจิตใจฉันมากค่ะ เราคบกันมานาน...แต่เขา..."

เสียงของพะพายขาดหายไป น้ำตาเริ่มคลอหน่วยในดวงตาของเธอ ริมฝีปากบางสั่นระริก น้ำรินยังคงจับแขนของพะพายเบาๆ รอให้อีกฝ่ายพร้อมที่จะเล่าต่อ

พะพายรวบรวมความกล้าเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญ ความไว้ใจที่ถูกทำลาย การทรยศหักหลังที่เธอไม่เคยคาดคิด น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่

น้ำรินฟังอย่างตั้งใจ เงียบและรับฟังทุกคำพูดของพะพาย แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจ เธอไม่พูดแทรก ปล่อยให้พะพายได้ระบายความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่

เมื่อพะพายเล่าจบ น้ำตาก็ยังคงไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ความอึดอัดที่เคยมีเริ่มจางหายไปเล็กน้อย

น้ำรินยื่นผ้าเช็ดหน้าให้พะพายอย่างเงียบๆ

พะพายรับมาเช็ดน้ำตาอย่างขอบคุณ "ขอบคุณนะคะ คุณน้ำริน...ฉันไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อนเลย"

"ไม่เป็นไรค่ะ" น้ำรินยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

"บางทีการได้ระบายออกมาบ้างก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นนะคะ ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณค่ะ"

น้ำรินฟังอย่างตั้งใจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจ

"คุณ...เข้าใจฉันจริงๆ เหรอคะ"

พะพายมองน้ำรินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความหวัง

"ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ การถูกคนที่เรารักทำร้ายมันเจ็บปวดมากจริงๆ"

น้ำรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

"แต่คุณเข้มแข็งมากนะคะที่เลือกที่จะก้าวออกมาจากตรงนั้น"

ในขณะที่น้ำรินเองก็เล่าถึงความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก เพื่อสร้างบริษัทจัดสวนของเธอ ความรับผิดชอบอันหนักอึ้งในการดูแลครอบครัว และความรู้สึกโดดเดี่ยวที่บางครั้งก็ถาโถมเข้ามา แม้ภายนอกเธอจะดูสดใสและเข้มแข็งเพียงใด พะพายฟังด้วยความสนใจ

"คุณทำธุรกิจจัดสวนเหรอคะ ชื่อบริษัทอะไรเหรอคะ"

พะพายถามด้วยความอยากรู้เล็กน้อย

"ค่ะ บริษัทชื่อธารดาว แลนด์สเคป แพลนเนอร์ค่ะ"

น้ำรินตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง บริษัทนี้คือชีวิตของเธอ

"ฉันรักต้นไม้และดอกไม้มากค่ะ การได้เห็นสวนสวยๆ ที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมามันเป็นความสุขอย่างบอกไม่ถูก"

น้ำรินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ดวงตาของเธอมองไปยังกระถางดอกไม้เล็กๆ ที่ประดับอยู่ข้างทางเดินด้วยความรักใคร่

พะพายมองน้ำรินด้วยความรู้สึกชื่นชมในความมุ่งมั่นของเธอ

"ฟังดูน่าสนใจมากเลยค่ะ ตอนเด็กๆ ฉันเคยชอบปลูกต้นไม้เล็กๆ น้อยๆ เหมือนกัน แต่พอโตมาก็ไม่ค่อยมีเวลาทำเลยค่ะ คุณน้ำรินทำบริษัทจัดสวนมานานแล้วหรือคะ"

"ก็สักพักแล้วค่ะ" น้ำรินหัวเราะเบาๆ

"ฉันรับช่วงต่อจากคุณพ่อค่ะ ท่านรักต้นไม้มาก และท่านก็ปลูกฝังความรักนี้มาให้ฉันตั้งแต่เด็กๆ"

เธอเล่าถึงความผูกพันกับบิดาและความทรงจำวัยเด็กที่เกี่ยวข้องกับการทำสวนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข

น้ำรินสังเกตเห็นความสนใจในแววตาของพะพาย จึงชวนคุยเรื่องต้นไม้ ดอกไม้ และการจัดสวนในสไตล์ญี่ปุ่นอย่างกระตือรือร้น

"คุณพะพายสนใจต้นไม้ชนิดไหนเป็นพิเศษไหมคะ ที่ญี่ปุ่นมีต้นไม้สวยๆ เยอะมากเลยค่ะ อย่าง โมมิจิ หรือเมเปิลญี่ปุ่น ใบของมันจะเปลี่ยนสีสวยงามมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรืออย่าง ซากุระ ที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็สวยจนแทบลืมหายใจเลยค่ะ"

พะพายฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาของเธอเป็นประกายเล็กน้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel