บทที่ 4
“ไร้สาระ เลิกคิดเรื่องพวกนี้เถอะ เอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า อีกปีเดียวก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่จุ๊บรักพี่เปรมนะคะ จุ๊บยอมเป็นของพี่โดยไม่ร้องขออะไรเลย นอกจากเศษเสี้ยวความรักจากพี่บ้าง แค่นั้นจริงๆ” อยู่ๆ เธอก็เข้ามากอดรัดผม ส่วนผมก็นั่งนิ่ง แล้วตอบเสียงเรียบๆ กลับมา
“พี่คงให้ไม่ได้ ตอนนี้พี่ขอพื้นที่ส่วนตัวด้วยนะครับ”
“พี่เปรมขา” จุ๊บพยายามจะจูบผม แต่ผมผลักเธอออกไปได้เสียก่อน
“จุ๊บ! พี่ว่าพี่พูดชัดเจนทุกคำแล้วนะ” น้ำเสียงของผมห้วนขึ้น แววตาก็กระด้าง ไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่จุ๊บพยายามยัดเยียดให้ผมเป็น ซึ่งเธอยังคงไม่ยอมรามือ
“แต่จุ๊บ!”
“หรือจุ๊บฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง” ผมจ้องมองเธอด้วยแววตานิ่งๆ บวกกับประโยคเจ็บจี๊ดลงไปในความรู้สึก ที่น้อยคนจะได้ยินแบบนี้จากผม เพราะถ้าไม่จำเป็นผมไม่พูดมันแน่นอน นั่นทำให้เธอถึงกับผงะไปอย่างเห็นได้ชัด
“โง่สิ้นดี อย่าซมซานมาหาจุ๊บทีหลังแล้วกัน...เชอะ” พูดจบเธอก็สะบัดหน้าใส่ผมแล้วจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทันที
“เฮ้อ...เด็กสมัยนี้ไปเอาความมั่นใจผิดๆ แบบนี้มาจากไหนกันนะ” ผมส่ายหน้าให้พร้อมกับถอนหายใจออกมาหนักๆ และคงได้เวลากลับบ้านเสียที
ผมเก็บของ ปิดห้อง แล้วกลับออกไปจากออฟฟิศเป็นคนสุดท้ายของวันศุกร์แห่งชาติ เพราะนี่คือศุกร์สิ้นเดือนที่แสนจะรถติด ดีเหมือนกันที่กลับเวลานี้ จะได้เลี่ยงการจราจรได้พอสมควร
พอกลับมาถึงบ้าน สิ่งที่ผมเห็นก็ทำเอาผมแทบจะตรงดิ่งไปคว้าศรีภรรยามากอดและจัดการถอดเสื้อตัวโคร่งที่เธอสวมออกให้พ้นๆ เหมือนฝันคือผู้หญิงเซ็กซี่แบบเป็นธรรมชาติ แค่เธอใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ ตัวเดียว โชว์ขาเรียวๆ ที่ผมชอบลูบ ผมยาวมัดรวบไปไว้บนศีรษะแล้วมีปอยผมคลอเคลียตามแก้ม ตามท้ายทอย และยิ่งชอบเม้มปากยามใช้ความคิด แบบนี้ผมจะไปไหนรอด
“กลับมาแล้วครับ”
“กลับมาแล้วเหรอคะ” เธอเอ่ยรับผมและเป็นแบบนี้ทุกวัน ผมเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มของเธอฟอดใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยถาม
“จ้ะ…ทำอะไรอยู่ครับ”
“กำลังวางแผนน่ะค่ะ ว่าสิ้นเดือนนี้เราจะไปฮันนีมูนที่ไหนกันดี” แววตาของเหมือนฝันยิ้มกริ่ม ผมรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เพราะผมก็คิดแบบเดียวกันกับเธอ
เราตกลงกันว่าจะไม่มีเซ็กซ์เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อให้ร่างกายของเราได้พัก ซึ่งผมมั่นใจว่าหลังจากหมดหนึ่งเดือน เราคงจัดเต็มด้วยกันทั้งคู่เป็นแน่ ก็เพราะมันคือเซ็กซ์ที่เราต่างเฝ้ารอนี่ครับ และถือว่าไปฮันนีมูนอีกครั้งจะเป็นไรไป
“สรุปได้สถานที่ยัง” ผมเกยคางลงไปบนหัวไหล่ของภรรยา พร้อมกับสูดกลิ่นกายหอมๆ ของเธอเข้าไปเต็มปอด แค่นี้บางอย่างของผมมันก็ตื่นตัวแล้วสิ แบบนี้ผมจะรอดถึงเดือนไหมน้อ
“ปารีสไหมคะ อยากไปรำลึกความหลังตอนที่เราได้กันใหม่ๆ” คำพูดติดห่ามๆ ของเหมือนฝันทำเอาผมยิ้ม ก็เธอเป็นเธอซะแบบนี้ หวานปนซ่าส์ ผมถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ขนาดมีผู้หญิงมาอ่อย ผมยังเมินมาแล้ว
“เอาสิ ผมเองก็อยากไป”
“งั้นปารีส”
“ครับ” ผมเอ่ยรับ ก่อนที่เธอจะเอี้ยวตัวกลับมาสบตากับผม
“วันนี้งานเยอะเหรอคะ กลับดึกเชียว”
“ครับ ธรรมดาของสิ้นเดือน”
“หิวข้าวไหม เค้าจะได้ไปอุ่นกับข้าวให้” ความน่ารักของเธอทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง เพราะเหมือนฝันเองก็ทำงานนอกบ้าน ไม่ได้อยู่บ้านเพื่อจะเป็นแม่บ้านให้ผมเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากเธอท้อง ผมจะให้เธอลาออกมาเลี้ยงลูกของเรา
“อยากกินข้าว แต่ก็อยากกินที่รักด้วย ทำไงดี” ผมออดอ้อน แต่คนตรงหน้ากลับแยกเขี้ยวขาวๆ ใส่ผม มันไม่ได้น่ากลัวสักนิด ออกจะน่ารักน่าลากไปปล้ำเสียด้วยซ้ำ
“อดทนค่ะ เราต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ท่องไว้ค่ะ เพื่อลูก...เพื่อลูก”
“คอยดูเถอะ ถึงสิ้นเดือนเมื่อไหร่ ผมจะขอคิดดอกให้เข็ด”
“แหม…เค้าคงให้ที่รักคิดดอกฝ่ายเดียวหรอกนะคะ เพราะเค้าก็จะคิดดอกเหมือนกัน” เธอยิ้มหวานให้ผม แรกๆ ที่คบกันเหมือนฝันไม่ใช่ผู้หญิงทะลึ่ง ออกจะห้าวใส่ผมเสียด้วยซ้ำ แต่พอรู้จักกันนานขึ้นผมก็รักในตัวตนของเธอ ความทะลึ่งเล็กๆ น้อยๆ ผมมองว่าคือเสน่ห์ของผู้หญิง มันทำให้ผมตื่นเต้นกับชีวิตคู่
“อา…อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จัง”
“ทำไมต้องทำเสียง…อา แบบนั้นด้วยเนี่ย” เธอล้อเลียนเสียงครางของผมซะเหมือน
“ก็มันตื่นเต้น”
“ที่รักนี่ก็ตลก ขึ้นไปอาบน้ำค่ะ เดี๋ยวเค้าอุ่นกับข้าวรอ”
“ครับผม ชื่นใจจัง” ผมหอมแก้มเธอหนักๆ อยากจะจูบด้วยซ้ำ แต่กลัวจะเลยเถิด จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พอกลับลงมากับข้าวก็วางพร้อมอยู่บนโต๊ะ เราจึงดินเนอร์เล็กๆ ด้วยกัน
ฉันกับเปรม พยายามอยู่ห่างๆ กัน เพื่อเลี่ยงแรงดึงดูดที่อาจทำเวลาหนึ่งเดือนที่ต้องห่างกันของเราเป็นโมฆะ แต่ยิ่งห่างฉันก็ยิ่งต้องการเขามากขึ้น จนแทบจะลากเขามาปล้ำให้มันรู้แล้วรู้รอด
“ที่รัก นอนนิ่งๆ สิ” เขาเอ็ดฉัน เพราะฉันนอนใช้มือลูบไล้ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆ ของเขาอยู่
“ไม่เอา ขอจับหน่อย” คำพูดของฉันทำเอาเปรมหัวเราะก๊ากออกมา
“แบบนี้ท่าจะไม่ถึงเดือน ตบะเราก็คงแตกกันแล้วมั้ง” ขณะที่เขาพูด ฉันก็ยังคงไม่หยุดมือ ยังคงลูบไล้อยู่บนตัวเขา บีบคลึงเม็ดยอดอกทั้งซ้ายขวา นั่นทำให้เขาสะดุ้งรับ ยิ่งเห็นเขาตอบสนอง ฉันก็ยิ่งแกล้งเขามากขึ้น
“ไม่ได้ๆ ทำมาได้ตั้งครึ่งทางแล้ว จะล่มได้ยังไง”
“ครึ่งทาง นี่ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วเหรอเนี่ย”
“อื้อ...นานเนอะ” ฉันเออออตามไป แต่มือก็ยังคงซุกซน ลูบต่ำลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงขอบกางเกงตัวที่เขาสวม แล้ววกขึ้นมาบีบคลึงเม็ดยอดหน้าอกเขาอีกครั้ง
“นานมาก ที่รัก…พอก่อน อย่าบี้ตรงนั้นสิครับ”
“ก็เค้าชอบนิ” น้ำเสียงของฉันแหบพร่า เพราะอารมณ์ก็ชักจะกระเจิดกระเจิง ก่อนจะลากมือลงต่ำ สอดเข้าไปในกางเกงตัวที่เขาสวมแล้วสัมผัสแก่นกายที่กำลังตื่นตัว คลึงมันช้าๆ สลับขยับมือขึ้นลง
