บทที่ 3
“ข้างในตัวที่รักมันทั้งอุ่น แถมยังนุ่มไม่เปลี่ยน” เขากระซิบชม ซึ่งเป็นคำชมที่ทำให้ฉันยิ่งเร่าร้อน ก่อนจะครางออกมาเมื่อเปรมเร่งนิ้วให้ถี่กระชั้น
ฉันขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนที่เปรมจะโน้มใบหน้าลงมาจูบฉัน ขณะที่ยังคงสอดนิ้วเข้าออกอยู่ในตัวฉันอย่างต่อเนื่อง กระทั่งฉันลอยขึ้นจากน้ำ เพราะถูกเปรมอุ้มให้ขึ้นมานั่งอยู่ริมสระในสภาพกึ่งเปลือย
ขาทั้งสองข้างของฉันถูกแยกห่างออกจากกัน โดยมีเปรมแทรกตัวอยู่ตรงกลาง เขาไม่รอให้ฉันตั้งตัว ก็โน้มใบหน้าลงไปสัมผัสจุดกึ่งกลางของฉันด้วยความรวดเร็ว แม้จะมีแพนตี้กั้นอยู่ แต่เนื้อผ้ามันก็บางจึงขวางสัมผัสจากปลายลิ้นของเปรมแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“อืม…ที่รักขา” ฉันครางออกมาเสียงกระเส่า พร้อมๆ กับขยำขยี้เส้นผมที่เปียกน้ำของเปรมเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ไปด้วย
ฉันมองสิ่งที่เปรมทำ ยิ่งมองก็ยิ่งเสียวซ่านจนร่างกายแทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งตอนที่เปรมกำลังกลืนกินน้ำหวานที่ไหลออกมาจากตัวฉันด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งทรมาน
“เค้าทนไม่ไหวแล้วนะ” ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะอารมณ์มันพลุ่งพล่านไปหมดแล้วในตอนนี้ ซึ่งเปรมเองก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากฉันสักเท่าไหร่
เขาจัดการถอดกางเกงออก ตามด้วยอันเดอร์แวร์ จากนั้นก็ยืนขึ้นจนเต็มความสูง ซึ่งจุดที่เราอยู่ระดับน้ำไม่ได้ลึกมาก พอเปรมยืนสะโพกของเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับขอบสระ ฉันเห็นท่อนเนื้อของสามีที่ตอนนี้ผงาดท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างเต็มๆ ตา
ฉันจำได้แม่นว่าในวินาทีครั้งแรกที่เห็นมัน ฉันถึงกับอ้าปากค้าง ทั้งกล้าทั้งกลัวว่าร่างกายของฉันจะรับเจ้าท่อนเนื้อขนาดใหญ่นี้ได้ไหม ร่างกายฉันจะฉีกขาดหรือชำรุดอะไรหรือเปล่า แต่เปรมก็ค่อยๆ รุกล้ำเข้าสู่ตัวฉันอย่างอ่อนโยน สิ่งที่ขาดจึงเป็นเพียงเยื่อบางๆ ของพรหมจรรย์ ส่วนอย่างอื่นยังอยู่ครบ
“ใหญ่ขึ้นหรือเปล่านะ” ฉันยิ้มกริ่ม ทั้งๆ ที่ขนาดของเขาก็เท่าเดิม ก่อนที่ฉันจะยื่นมือไปสัมผัส หยอกเย้ามันด้วยจังหวะมือขึ้นและลง นั่นทำให้ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเปรมถึงกับสั่นเทาแล้วเป่าลมออกปากหนักๆ
“ผมทนไม่ไหวแล้ว อืม…” เปรมกัดฟันบอก ก่อนที่เขาจะจับขาทั้งสองข้างของฉันให้แยกห่างออกจากกันมากขึ้น จากนั้นก็แทรกตัวเองเข้าหาฉันแบบครั้งเดียวลึกสุด ทำเอาฉันยกมือปิดกั้นเสียงครางแทบไม่ทัน
เปรมขยับสะโพกเข้าออกถี่รัว ก่อนจะสลับช้าๆ เนิบๆ อารมณ์ของฉันพุ่งสูง ก่อนจะค่อยๆ ลดระดับ แต่ความเสียวซ่านที่กำลังเกิดขึ้นนั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปสักนิด เปรมเหมือนต้องการชดเชยให้กับหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เพราะเขาร้อนแรง เรียกร้องเหลือเกิน
“ที่รัก เค้าจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เร่งอีก อ่า…” ฉันเอ่ยบอกให้เปรมเร่งจังหวะ นั่นเพราะฉันเกือบปลดปล่อยแล้ว และเปรมก็เร่งจังหวะส่งฉันไปถึงจุดหมาย ในขณะที่เขากลับชิลๆ สบายๆ
“ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลที่รัก ผมยังไม่ถึงครึ่งทางเลย อืม…” ประโยคท้ายๆ ติดเสียงครางมาด้วย และอย่างที่เปรมบอก เหมือนต้องการชดเชยเวลาที่เราจะไม่ได้มีเซ็กซ์กัน เขาทำให้ฉันคลั่ง เขากลืนกินฉันครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าที่เขาจะปล่อยให้ฉันเป็นอิสระก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ
อันที่จริง ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของศรีภรรยาอย่างเหมือนฝันสักเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้ว่าการที่เธอพยายามอย่างทุกวันนี้ก็เพราะอยากมีลูก และผมเองก็อยากมีเจ้าตัวเล็กมากเหมือนกัน แต่ทว่าสวรรค์กลับยังไม่ส่งเด็กๆ มาเกิด ทั้งๆ ที่ผมกับเธอก็ขยันเรื่องบนเตียงซะขนาดนี้ และเราก็พร้อมที่จะเป็นพ่อแม่มากในระดับหนึ่ง
ผมมีบ้าน มีรถ มีเงินเก็บ มีหน้าที่การงานที่ดี และยังเป็นสามีที่ดีด้วยเช่นกัน เหมือนฝันเองก็พร้อมทุกด้านไม่น้อยไปกว่าผม แถมเธอยังเซ็กซี่ร้อนแรงมากอีกด้วย ซึ่งอย่างหลังนี่ผมดูจะชอบเป็นพิเศษ
“นั่งคิดอะไรอยู่คะพี่เปรม” เสียงของนักศึกษาฝึกงานเอ่ยถามผมขึ้น และนั่นทำให้ผมเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็นขึ้นมองเธอ น่าแปลกเพราะนี่เลยเวลาเลิกงานมาก็นาน แต่เธอยังไม่กลับ
“งานน่ะครับ” ผมเอ่ยตอบเลี่ยงๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องครอบครัวให้คนนอกฟังสักเท่าไหร่ พร้อมทั้งกวาดสายตามองไปภายนอกแผนก ที่ตอนนี้เงียบสนิท เพราะทุกคนคงกลับกันหมดแล้ว ส่วนผมก็อยู่เคลียร์งานจนเพลินไปหน่อย
“พี่เปรมทำงานหนักแบบนี้ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ”
“นิดหน่อยครับ นี่ก็เลยเวลาเลิกงานมาตั้งนาน น้องจุ๊บติดอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงยังไม่กลับ” คำถามของผมทำให้คนตรงหน้ายิ้มอายๆ ซึ่งผมยังแปลกใจว่าเธออายอะไร
“ติดค่ะ ติดลาใครบางคนแถวนี้”
“ลา…ลาอะไรครับ”
“ก็จุ๊บฝึกงานวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนี่คะ พี่เปรมลืมไปแล้วเหรอ” น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไป ดูออดอ้อน ส่วนแววตานั้นก็เชิญชวนบอกความหมายที่ผมพอจะรู้ว่ามันคืออะไร เพราะนี่ไม่ใช่นักศึกษาฝึกงานคนแรกที่อยู่ดึกๆ เพื่อจงใจลาผม
“โทษที พี่ลืมจริงๆ” ผมไม่ได้โกหก เพราะผมลืมจริงๆ เพราะนอกจากเรื่องงาน ก็มีแค่เรื่องของเหมือนฝันเท่านั้นที่ผมให้ความสนใจ ส่วนคนอื่นคือคนอื่น ซึ่งน้อยครั้งมากที่ผมจะคิดถึง หากไม่จำเป็นจริงๆ ซึ่งในที่นี้จุ๊บก็คือคนนอกที่ว่านั่น
“จุ๊บอยากมาลาพี่เปรม” เธอเดินอ้อมโต๊ะทำงานแล้วมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ บ่งบอกตำแหน่งที่ค่อนข้างใหญ่โตตามหน้าที่
“อ้อ...ครับ”
“เราไปหาที่เงียบๆ คุยกัน ลากันดีไหมคะ” นอกจากจะพูดเชื้อเชิญแล้ว จุ๊บยังวางมือลงบนต้นแขนผม พร้อมกับลูบมันเบาๆ
“ขอโทษนะครับ พอดีพี่ไม่ค่อยสะดวก” ผมยิ้มให้เธอแล้วปฏิเสธไป นั่นทำให้เธอสลดลงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังคงตื๊อ
“ทำไมล่ะคะ หรือว่าพี่เปรมไม่ชอบจุ๊บเหมือนที่จุ๊บชอบพี่” นั่นไง ประโยคที่ผมคิดไว้ในใจก็ดังออกมาจากปากเธอจนได้ สาวน้อยนักศึกษาแอบชอบรุ่นพี่ที่ฝึกงาน หึ…
“จุ๊บ! รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้สิคะ ทำไมจะไม่รู้ จุ๊บยังรู้ด้วยว่าพี่เปรมเองก็ชอบจุ๊บ แต่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะพี่เปรมมีเมียอยู่แล้ว นั่นยิ่งทำให้จุ๊บรักพี่เปรมขึ้นไปอีก จุ๊บยอมเป็นเมียเก็บของพี่ก็ได้นะ” สาวน้อยอธิบายเหตุผลแทนผมยาวเหยียด ซึ่งมันไม่ได้มีเค้าความจริงสักนิด และผมก็คงต้องพูดตัดบทให้เธอเลิกคิดฟุ้งซ่าน
