บท
ตั้งค่า

4 หม้ายขันหมั้น

ข่าวการถูกถอนหมั้นของลูกสาวกำนันร้าว แพร่สะบัดออกไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าโรคระบาดใหญ่ของโลก

มานีเสียหน้าจนประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับเวชสุวรรณแบบไม่ต้องมาเผาผี แม้อรวรรณจะพยายามแวะเวียนมาขอโทษ ขอขมา แต่ท่านก็ไม่ยอม เพราะอับอายเหลือทนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ห่วงก็แต่ความรู้สึกลูก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” ปรับทุกข์กับสามีทั้งน้ำตา ไม่กล้าแม้แต่จะออกไปไหน

“มันกล้าหักหน้าเราแบบนี้ได้ยังไง พ่อไม่คิดเลยว่าตาปอจะเป็นคนแบบนี้!” กำนันร้าวว่าอย่างเดือดดาล และไม่ยอมที่จะติดต่อหรือรับการสื่อสารใดๆ จากทางครอบครัวนู้นเลย แม้ว่าทั้งอรวรรณและเสี่ยปัญญาจะพยายามมาขอโทษแค่ไหน

การหมั้นเกิดจากสองเพื่อนรักที่ลาลับจากโลกนี้ไป ได้กระทำการขึ้น ซึ่งก็คือบิดาของกำนันร้าวและบิดาของเสี่ยปัญญา

ที่มีบุตรชายคนเดียวด้วยกันทั้งคู่ เลยไม่ได้มีโอกาสเกี่ยวดอง จนพอมีหลานต่างเพศขึ้นมาเท่านั้น...หลังจากที่มานีคลอดทารกผู้หญิงออกมาได้วันเดียว สองท่านก็ประกาศเกี่ยวดองกันทันที ซึ่งในตอนนั้นปรเมศอายุได้ 10 กว่าปีแล้ว

รจนาถูกปลูกฝังให้ทราบว่ามีคู่หมั้นแล้ว แต่ช่วงเวลาที่เธอได้ค่อยๆ เติบใหญ่ ปรเมศก็ได้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพมหานคร ไม่ค่อยจะได้พบ พูดคุยหรือสนิทกันสักเท่าไหร่ ได้มีโอกาสเจอกันบ้างตามงานต่างๆ ก็เท่านั้น

ปรเมศพยายามที่จะวางตัวเป็นพี่ชายมาตลอด ส่วนเด็กสาวก็ชื่นชอบเขา เพราะชายหนุ่มนั้นหน้าตาดีและนิสัยใจดี คอยช่วยเหลือเธอในหลายๆ เรื่องมาตลอด แต่ด้วยวัยที่ต่างกัน จึงไม่ได้สนิทสนมกันเท่าที่ควรนัก

“แล้วตอนนี้ชาวบ้านก็พากันนินทาลูกสาวเราไปต่างๆ นานา ว่าเป็นหม้ายขันหมั้น หม้ายขันหมาก บางคนก็ว่าลูกเราอ้วนบ้างล่ะ ขี้เหร่บ้างล่ะ ถึงได้โดนทิ้ง! ดูสิ ตาปอทำให้คนมาหยามเกียรติบ้านเราขนาดนี้ แม่ไม่ยอมหรอกนะพ่อ!”

สุ้มเสียงคร่ำครวญของสองสามีภรรยา ทำเอาคนที่กำลังจะย่องเข้าบ้านมาในสภาพเปียกปอน ถึงกับต้องชะงักเท้า ถอยหลัง เดินย่องไปทางหลังบ้าน...เพราะไม่อยากให้ท่านมาเห็นตัวเองในสภาพนี้

สภาพที่เหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับใคร

ไปเล่นน้ำห้วยหนอง คลองบึง กับเด็กๆ ที่รวมตัวกันได้จากการแจกช็อกโกแล็ต เธอสนุกจนลืมไปเลยว่า...ตัวเองกำลังถูกนินทาไปกี่แสนแปดบ้าน!

“แล้วแม่จะทำยังไง” เอ่ยถามภรรยาด้วยความไม่เข้าใจ

“แม่จะหาขบวนใหม่ให้ลูกรจนา...ยังไงซะ ลูกสาวของนางงามเก่าอย่างแม่ จะไม่มีวันหมายขั้นหมั้นขันหมากเป็นอันขาด!” กำนันร้าวส่ายหน้า

“ดูสภาพลูกสาวเราตอนนี้ ใครเขาจะมาชอบ”

“พ่อกำนัน! ทำไมว่าลูกเราแบบนี้ ไม่ได้นะคะ!” กำนันผู้เกรงใจภรรยารีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“พ่อแค่พูดไปตามความจริง คนเรามันก็มองกันที่รูปลักษณ์ภายนอกนี่แหละ โดยเฉพาะพวกผู้ชาย...”

“อันนั้นมันก็จริงค่ะ แต่แม่รู้ว่ามีอยู่คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าลูกสาวเราจะเป็นยังไง ก็ยังเฝ้ารักเฝ้ารอมาเสมอ” ว่าพร้อมยิ้มกริ่มขึ้นมา จนกำนันร้าวต้องขมวดคิ้วแน่น

“ใครกันหรือแม่?”

“โหย ก็สมควรละนะ อ้วนขนาดนั้น...ใครมันจะไปแต่งงานด้วยได้ลง” คนที่หุ่นเท่าโอ่งมังกร เจ้าของร้านน้ำปั่น มองหน้าจอโทรศัพท์พร้อมพูดไปด้วยอย่างสนุกปาก

“ใช่จ้ะ ขนาดแต่งงานด้วยแล้ว ยังทิ้งไปได้เลย...อ้วนขนาดนั้น ใครจะไปอยู่ด้วยได้” แล้วน้ำเสียงหนึ่งที่เหมือนจะพูดกับคนอื่น แต่สมทบตามด้วย ทำให้สาวร่างใหญ่เงยหน้าขึ้น

“อุ้ย! มาซื้อของเหรอจ๊ะ แหะๆ” รีบลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองนินทา ยืนยิ้มแฉ่งเลือกขนมพร้อมกับเด็กๆ อีกสองสามคนอยู่

“เอาโกโก้ปั่นห้าแก้วจ้ะ เอาหวานๆ ใส่ไข่มุกเยอะๆ”

“ได้จ้ะได้ รอสักครู่น้า...” แล้วก็รีบกุลีกุจอขายของต่อ ทั้งๆ ที่กลัวว่าจะถูกซัดกลับจนหน้าหงายอีก แต่รจนากลับไม่ได้ทำแบบนั้น

เธอดูไม่ได้ถือสากับพวกปากหอยปากปูทั้งหลาย เพราะคิดว่าสนใจไปก็รังแต่จะเสียเวลา

เอาเวลาไปงมหอย งมปู งมปลาจะดีกว่า!

“ตู้ม!” เสียงกระโดดน้ำของเด็กๆ ดังระงม ในขณะที่เธอกำลังใช้วงสวิง ชอนไปตามน้ำในขอบสระ เพื่อหาปลาตามตำราที่เคยฝึกมาบ้างในสมัยเด็กๆ

รจนาเป็นคนบ้านๆ ลุยๆ มาตั้งแต่ไหน ไม่ว่าจะไปเรียนในกรุงเทพหรือต่างประเทศ เธอก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหนและวิถีชีวิตแบบนี้แหละ ที่ทำให้เธอสุขใจได้มากกว่าวิถีชีวิตแบบอื่น

แม้ว่ามารดาพยายามจะปลูกฝังให้เธอสวย ไฮโซ สมกับที่เป็นถึงบุตรสาวคนเดียวของกำนันผู้ร่ำรวยมากแค่ไหน เธอก็ไม่เคยที่จะทำตามนั้น

ความคิดของเธออยู่คนละขั้วกับมารดาแบบแทบจะไม่มีวันบรรจบ แต่เด็กฉลาดอย่างรจนาไม่เคยเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วยการต่อต้านมารดา เธอจะมีวิธีเนียนๆ เฉพาะตัวที่เอาตัวรอดได้มาเสมอ

“ได้เยอะไหมพี่รจนา” เด็กชายแผนถามขึ้นพร้อมวิ่งมาดูในหม้อที่เธอนำมาใส่ปลา

“พอได้ว่ะ นู่นไอ้จ้อนมันเก่ง งมปลามือเปล่าได้ด้วย” ว่าพร้อมหันไปชื่นชมเด็กชาย ที่ทำศีรษะผลุบโผล่ๆ อย่างชำนิชำนาญ เพราะตัวเล็กนิดเดียว

“เดี๋ยวผมไปช่วยมันก่อนครับพี่” ว่าพร้อมกระโดดน้ำตามไป

“พี่รจนาจ๋า...เดี๋ยวหนูช่วยจ้ะ” น้ำส้มเด็กสาวจอมซนที่ไปไหนไปกันกับเธอมาตลอด แม้ว่าเพื่อนสาวอีกคนที่ร่วมแก๊งจะไม่ว่างมาด้วย ก็ยังตามติดอยู่ไม่ห่าง

“ได้เลย เอานี่ไป” และเธอก็สนับสนุนให้เด็กๆ ได้มีวิถีชีวิตแบบนี้ สนุกกับมันในวัยที่เรายังมีโอกาส

อย่างน้อยๆ พวกเขาก็จะได้มีความทรงจำอันงดงาม ที่ในอนาคตอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้แล้วก็ได้

“น้องรจนาจ๋า! น้องรจนา!” เสียงดังโหวกเหวก มาพร้อมกับเสียงรถท่อดังคันใหญ่สามสี่คัน และหัวล้านลอยเด่นมาแต่ไกลของใครบางคน

“อันธพาลมา...ขอหลบหน่อยนะจ๊ะพี่จ๋า” น้ำส้มว่าอย่างตกใจพร้อมวิ่งไปหลบหลังเธอ ตามด้วยพวกแผนกับจ้อนและเด็กชายอีกสองคน รีบพากันขึ้นจากน้ำ วิ่งมาหลบหลังเธอกันเป็นทิวแถว

“พี่ตามหาตั้งนาน น้องรจนาอยู่นี่เองเหรอจ๊ะ?” ฟัน เหยินๆ ของคนหัวล้านและตัวใหญ่ เด่นนำมาแต่ไกล แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้สึกอะไร มากไปกว่ามองนิ่งๆ

“ตามหารจนาทำไม มีธุระอะไร”

“หูยน้องรจนาจ๋า อย่าหมดเยื่อใยกับพี่ขนาดนั้นสิจ๊ะ พี่คิดถึ๊ง คิดถึงน้องรจนามากนะจ๊ะรู้รึเปล่า!”

“มีอะไรก็พูดมา ร่ายรำอยู่นั่นแหละ” เธอว่าพร้อมส่ายหัว ตั้งหน้าจะเลือกปลาต่อ

“พี่ได้ข่าวว่าน้องรจนาไม่มีพันธะแล้ว พี่ก็เลยมาถือโอกาสทำคะแนนน่ะจ้ะ” สุรกานต์ ทรัพย์ทวี บุตรชายคนเล็กของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ไม่เป็นโล้เป็นพายอะไร นอกจากทำตัวเป็นอันธพาลครองเมืองไปวันๆ

นอกจากจะมีหน้าตาที่น่ารังเกียจแล้ว ยังมีนิสัยที่น่ารังเกียจกว่า

สุรกานต์แอบชอบรจนามาตั้งแต่เด็กๆ พยายามจีบทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอมีคู่หมั้น เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมา รจนาก็มีหน้าตาน่ารัก สวยโดดเด่นกว่าใครเหมือนลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น

แต่เธอก็ไม่คิดว่า...ในสภาพที่เธอดูไม่ได้ คนหน้าตาน่าเกลียดคนนี้ก็ยังไม่ได้แปรเปลี่ยนใจไปจากเธอ

“ทำยังไงบ้างล่ะ”

“ถามแบบนี้ หมายความว่าน้องรจนาจะให้โอกาสพี่ได้ทำคะแนนเหรอจ๊ะ?” ว่าอย่างตื่นเต้น เดินลงจากรถจนดินสะเทือนแทบถล่ม

“ก็ว่ามาสิ ไหนๆ ตอนนี้ฉันก็โสดแล้วนี่” ทีท่าดีใจสุดๆ ของผู้ชายตรงหน้า ทำเอาหัวของนักคิดแล่นปรูดปราดขึ้นมา

มันจะมีสักกี่คนกัน...เมื่อในคราที่เราไม่สวยแล้ว เขาจะยังคงมั่นในความรู้สึกนั้นของเรา

ใช่ หลังจากที่รู้ว่าจะถูกถอนหมั้น เธอก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเลือกคู่ให้ตัวเองครั้งใหม่ แต่ไม่ใช่แบบฉบับคนทั่วไปหรอกนะ ต้องแบบฉบับนักวิจัย...ป.โทนี่แหละ!

“น้องรจนาอยากจะได้อะไรให้บอกพี่ พี่จะหามาให้ได้ทุกอย่าง ปลานี่เหรอ ไม่ต้องงมเองเดี๋ยวพี่ลงไปงมให้” คนบ้าจี้ที่เธอยังไม่ทันจะได้พูดอะไร กระโดดลงไปในน้ำทันที

“ตู้มมมม!”

“เดี๋ยว!”

กลายเป็นว่าวันนั้นกลับไม่ได้ปลา แต่ต้องเรียกคนมาช่วยยกคนจมโคลนขึ้นมาแทน

“หัวจะปวดมากแก...คืออยากจะเปิดใจให้อยู่หรอกนะ แต่ดูสิ สุดโต่งขนาดนั้น พูดด้วยก็ไม่รู้เรื่อง เข้าใกล้ก็เหม็นเขียวไปหมด” เธอบ่นให้ปลายสายฟัง ในขณะที่กำลังเช็ดผมไปมา

‘โห น่าสนุกว่ะ...โคตรอยากจะกลับไปด้วยเลย’ คนที่จากบ้านไปนานกว่าเธอ บ่นโอดมาตามสาย

“เออ ตั้งใจเก็บเงินหน่อย อย่าเที่ยวให้มันมากนัก จะได้มาช่วยฉัน”

‘เออ อยู่ทางนี้ก็ช่วยได้...ยังไงก็บอกละกัน’

‘แล้ว...พี่ปอเขาไม่ติดต่ออะไรมาเลย หลังจากเกิดเรื่องเหรอวะ?’ พอเงียบกันไปได้ชั่วครู่ คนที่ไม่กล้าเอ่ยถามในทีแรก ก็ตัดสินใจถามออกมาในที่สุด

“...ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้เช็กโทรศัพท์เลย ลุยทุ่งกับพวกเด็กๆ ทั้งวัน”

‘ก็ดี แกไม่เศร้าก็เลิศแล้ว ฉันเป็นกำลังให้นะ’

“เฮ้อ เศร้าอะไร...มีเวลาทำใจมาตั้งเป็นปี แค่นี้ชิวมาก” ทำเป็นพูดไปอย่างนั้น แม้ลึกๆ ในใจก็ร่ำร้อง ร่ำไห้ อยู่ไม่หยุดหย่อน

‘แล้วแกได้ไปเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นบ้างป่ะ คนที่พี่ปอเขาไปชอบพอด้วยน่ะ’

“หึ ไม่ได้เห็นอ่ะ ตั้งแต่มาบ้านก็ไม่ได้ไปไหนเลย เก็บพุงเก็บเหนียงออกลุยทุ่งอย่างเดียว”

‘จะว่าไป แกก็เหมือนบุษบาเหมือนกันนะ ถูกอิเหนาปฏิเสธไปชอบพอกับนางจินตรา แล้วยังมีจรกาเป็นของตัวเองอีก คนอะไร๊...ชื่อรจนา แต่มีชะตาเหมือนบุษบาเสียได้’ เจ้าแม่วรรณคดีพูดด้วยความรู้สึกสนุก

“อืม...แต่ยังไงฉันก็จะเป็นรจนาที่ได้โยนพวงมาลัยเลือกคู่ในแบบฉบับของฉัน จะไม่ยอมไปเสี่ยงเทียนขอให้อิเหนากลับมารักหรอกนะ และก็จะไม่ยอมให้จรกาฉุดง่ายๆ ด้วย”

‘ดีแล้ว เพราะดูทรงแล้วเนี่ย...อิเหนาของแก ไม่น่าจะกลับมาว่ะ ไม่น่าจะกลับมาช่วยอะไรเลยด้วย’ ความมั่นใจของเพื่อนรัก ทำเอาแววตาหมอง หม่นลงไปได้อีก เออ ไม่มาก็ดี!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel