
บทย่อ
คำโปรย “ฉันชื่อรจนา แต่มีชะตาความรักเหมือนนางบุษบา แต่ถึงยังไงฉันก็จะต้องโยนพวงมาลัยเลือกคู่แน่ๆ แต่...แต่ก็ยังต้องมาเสี่ยงเทียนอยู่!” อารัมภบท รจนาหญิงสาวที่มีคู่หมั้นทันทีที่ได้ลืมตาดูโลก แต่ดันมาถูกขอถอนหมั้นด้วยเหตุผลที่เธอเองก็ไม่ได้เข้าใจ ก็เลยตั้งสติใหม่คิดว่านี่มันคือโอกาสที่จะได้เลือกคู่ด้วยตัวเองครั้งแรกในชีวิต เหมือนได้ชีวิตใหม่ว่างั้นเถอะ... กะว่าจะนั่งร้อยพวงมาลัยสวยๆ รอโยนให้เจ้าชายแบบใจเย็น ไม่รีบร้อน ใครดีที่สุดก็จะเลือกคนนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองอ้วนขึ้นตั้งเยอะ จนใครก็ลือกันว่า ที่ถูกถอนหมั้นก็เพราะว่าอ้วนขึ้นนี่แหละ นี่ไง...Beauty standard ทำให้ผู้คนเอาไปตัดสินกันในทุกเรื่องได้จริงๆ และแล้วแม้จะอ้วนแค่ไหน ก็ยังมีคนเข้ามา คนแรกคือคนที่เคยแอบชอบเธอมาตั้งนานแล้ว แม้เธอจะไม่สวยเหมือนเดิมก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจ คนที่สองคือคนที่อันตรายและเธอไม่เคยคิดอยากจะเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการมาจีบของเขานั้นมีจุดประสงค์เพียงแค่ใช้เธอเป็นเพียงเครื่องมือบางอย่างเท่านั้น คนที่สามก็คือคู่หมั้นคนโปรดนั่นแหละ ที่กลับมาด้วยเหตุผลที่ทำให้เธอหัวใจต้องพองโต แต่...เรื่องมันกลับยากขึ้น เมื่อผู้ชายทั้งสามคนชอบเธอพร้อมๆ กัน ชอบแบบออกจากใจและพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อพิชิตใจเธอให้ได้ ซึ่งแต่ละคนก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป.. แล้วรจนาจะต้องเลือกใคร จะต้องใช้อะไรมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจครั้งนี้ "ลองเสี่ยงเทียนดูไหมแก..." ไม่ใช่เทียนธรรมดาด้วยนะ เทียนวันเกิด!!!!
1 อืม...อันนี้ก็น่าสนใจ
“อยากมีสิทธิขอเลือกใครดังรจนา...หื่อฮือ ฮือฮือ...รอรับเอาพวงมาลัย...”
“แก” คนฮัมเพลงเล่นอยู่นั้น เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก็เลยเรียกเพื่อนรัก ที่กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือเพื่อค้นหาหัวข้องานวิจัย ที่จะต้องทำเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบภาคปริญญาโทมหาบัณฑิต
“ว่าไง” แม้จะตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ละความสนใจมาจากสิ่งสำคัญตรงหน้า เพียงแต่ขยับแว่นตาและจ้องต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ
“แก...ถ้าสมมติว่าแกจะต้องโยนพวงมาลัยให้ผู้ชายได้เพียงแค่คนเดียว จากการมองรูปลักษณ์ภายนอก เหมือนตอนที่รจนาเลือกเจ้าเงาะ แกจะดูจากรูปลักษณ์แบบไหนวะ?” คนช่างสงสัยสมกับที่เป็นนักวิจัยในภาคทดลองขององค์วิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่อีกฝ่ายเรียนอยู่ ถามขึ้น
ฝ่ายถูกถามสะดุดและนิ่งคิดเล็กน้อย หมุนปากกาในมือไปมา เอียงศีรษะเล็กน้อย
“โห ยากว่ะ...แกคิดว่าแกจะสามารถโยนพวงมาลัยไปให้คนที่แกเลือก เขารับได้แบบเป๊ะๆ เหรอวะ ต่อให้เราเลือกว่าจะเอาคนแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่า เขาจะรับพวงมาลัยได้ อันตรายสุดๆ ไปเลย”
“เออว่ะ อันตรายสุดๆ ไปเลย...”
“หรือว่าจริงๆ แล้วรจนาไม่ได้ตั้งใจที่จะโยนให้เจ้าเงาะ แล้วเจ้าเงาะมันบังเอิญรับได้เฉยๆ อ่ะ?” คราวนี้ความสนใจถูกเบี่ยงเบนได้เต็มร้อย เมื่อคนที่กำลังมุ่นมั่นตั้งใจอยู่นั้น ได้หมุนเก้าอี้ออกจากโต๊ะ หันมาร่วมวิเคราะห์กับเพื่อนอย่างเต็มตัว
“แต่เขาก็เฉลยอยู่นี่ ว่ารจนาเห็นเจ้าเงาะในรูปพระสังข์ก่อนโยนแล้ว”
“มันก็ใช่แก แต่ก็อย่างที่แกบอกไง คนเราจะโยนไปแล้วอีกฝ่ายจะรับได้เลยจริงๆ เหรอ?” คำค้านแลดูน่าสนใจ จนคนที่ชอบคิดค้นและสงสัยไปเสียทุกอย่าง รีบนำสมุดบันทึกขึ้นมาจดทันที
“แต่ฉันว่า ประเด็นที่น่าสนใจ...น่าจะอยู่ตรงที่ ถ้ารจนาไม่ได้เห็นเจ้าเงาะในรูปพระสังข์ นางจะยังเลือกเจ้าเงาะอยู่รึเปล่า?” อีกฝ่ายตบมือหนึ่งฉาดเสียงดัง
“เออ อันนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นปัจจุบันมาเสมอเลยว่ะ...Beauty standard!” คนเสนอประเด็นพยักหน้า เรื่องนี้ถูกพูดถึงกันเยอะมากในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่คนที่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานของความสวย (Beauty standard) มักจะไม่ได้รับโอกาสหลายๆ อย่าง มาตั้งแต่อดีตกาล
“แต่ก็อย่างว่าแหละนะ สำหรับการเจอกันครั้งแรก...ใครๆ ก็ต้องมองหน้าตาก่อนเป็นอันดับแรกกันทั้งนั้น ประเด็นที่น่าสนใจจริงๆ อาจจะเป็นการเลือกคู่ก็ได้ มันไม่ควรที่จะมีการโยนแค่พวงมาลัยเสี่ยงทายเพื่อเลือกคู่ชีวิตด้วยซ้ำ ไม่ควรเลยจริงๆ”
“โหยแก แล้วสรุปประเด็นที่น่าสนใจจริงๆ มันอยู่ที่ตรงไหนเนี่ย...ทำไมมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ล่ะ” คนครุ่นคิดถอนหายใจออกมา
“นั่นสิ...”
“อย่าบอกนะ ว่าแกจะเอาเรื่องนี้ไปทำงานวิจัยน่ะ...มันยากไปรึเปล่า” ว่าอย่างไม่เห็นด้วยแน่ๆ แม้ว่าตัวเองยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นเหมือนเพื่อน แต่ก็พอจะรู้ถึงความโหดของการทำงานของนักศึกษาปริญญาโท
“ความยากนี่แหละที่น่าสนใจ” ว่าพร้อมรีบจดสิ่งที่วิ่งในหัวออกมาให้ได้มากที่สุด แววตาเปล่งประกายความมุ่งมั่นจนคนที่พร้อมจะค้านหัวชนฝาแต่ยังไม่กล้า ลอบถอนหายใจ
“เดี๋ยวนะ...จะว่าไป แกเองก็ชื่อรจนา แกคิดว่ารจนาในยุคนี้ควรจะต้องโยนพวงมาลัยเลือกคู่อยู่ไหม แล้วถ้าจะต้องโยนจะต้องโยนแบบไหน อันนี้ฉันก็ว่าน่าสนใจดีนะ” แววตาเป็นประกายก่อนหน้าหรี่ลงเชิงครุ่นคิดตาม
“อืมมันก็น่าสนใจดี...แต่แกอย่าลืมสิว่า รจนาอย่างฉันมีชะตาชีวิตเหมือนบุษบานะ มีคู่หมายอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิแม้จะโยนพวงมาลัยเหมือนรจนาเลยด้วยซ้ำ” แล้วการถอนหายใจพรืดใหญ่ก็ออกมาจากสองสาว อย่างพร้อมเพรียงกัน
“แต่คู่หมั้นแกก็เหมือนอิเหนามากเลยเนอะ ไม่เคยจะสนใจไยดีอะไรแกเลยอ่ะ ขนาดแกมาอยู่ที่นี่ตั้งสองปีกว่าแล้ว...เขายังไม่เคยคิดที่จะมาเยี่ยมแกให้เห็น”
“หึ สงสัยจะไปติดนางจินตราอยู่ละมั้ง” ว่าพร้อมส่ายหน้าเหมือนไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
“แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ แกจะทำยังไง ไปเสี่ยงเทียนเหมือนเพลงบุษบาเสี่ยงเทียนไหม? บุษบาขออธิษฐาน..." ว่าพร้อมร้องเพลงประกอบ ตามประสาคนที่สนใจนิทานพื้นบ้านหรือวรรณคดีต่างๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนประถม
“อืม อันนี้ก็น่าสนใจ...”
แล้วบทสนทนาอันลื่นไหล ก็ยาวๆ ไป จากฝีปากของนักคิดทั้งสอง
บทสนทนาเหล่านั้นไม่ได้รับข้อสรุปและไม่รู้ว่าจะมีข้อสรุปหรือไม่
รจนา หล้าสุริยนต์ นักศึกษาปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย เธอมาเรียนต่อเกี่ยวกับวิจัย ตามความสนใจที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ
โดยที่เพื่อนรักของเธอ ซึ่งก็คือ ลลิตา บุญเมืองโนน ได้ทำงานเป็นภาคส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีจากที่นี่แต่ยังไม่มีแผนที่จะเรียนต่อปริญญาโท
รจนาเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย เพราะที่บ้านไม่ยอมให้ห่างจากอกและที่มาเรียนต่อทันทีที่เรียนจากทางนู้น เพราะว่าเธอสอบชิงทุนและยืนยันทันที แบบถ้าปฏิเสธจะต้องเสียเงินให้กับทางมหาวิทยาลัย ทำให้กำนันร้าว หล้าสุริยนต์ผู้เป็นบิดา ยอมในที่สุด
