13 ไม่มีใครรักเธอ ถ้าเธอไม่สวย
รจนาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ตัวเองจะกล้าเข้ามาในสถานที่รั้วสูงเกือบเท่าตัวบ้านหลังใหญ่นี้ จากที่เคยนั่งรถผ่านมาตลอดและไม่คิดที่จะย่างกรายเข้ามา แค่มองยังไม่อยากจะมอง
“นั่งสิ” เสียงทุ้มของเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นเชิงเชื้อเชิญ มองไปยังเก้าอี้ที่วางอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา โดยที่มีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดกลาง วางกั้น
บ้านหลังใหญ่ดูโอ่โถง หากแต่บริเวณรับประทานอาหารกลับไม่ได้มีโต๊ะกลางกว้างใหญ่ บรรจุคนได้เกือบ 50 คน เหมือนบ้านหลังใหญ่ทั่วไป
“ปกติคุณทานข้าวคนเดียวทุกมื้อเลยเหรอ” เธอถามออกไปด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่คนที่ไม่ได้ต้องการความเห็นใจ กลับไม่แยแสหรือให้ความสำคัญกับคำถาม
ไม่นานก็มีคนมาเสิร์ฟอาหารจนเต็มโต๊ะ เป็นอาหารที่เธอเคยบ่นว่าอยากรับประทาน เคยแชร์ลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว ที่เขาคงจะติดตามอยู่ตลอด
“หือ น่ากินทั้งนั้นเลย” เธอว่าพร้อมสูดกลิ่นเหล่านั้นเข้าไปให้สาแก่ใจ ไม่ได้สนใจด้วยว่าเขาจะมองอย่างไร
“น่ากิน ก็กินสิ รออะไร” บุคลิกและการวางตัวของเขาในวันนี้ แตกต่างจากทุกๆ วัน ดูแข็งกระด้าง เหมือนท่อนไม้ขนาดใหญ่ ที่พร้อมจะล้มลงมาทับให้ขาดใจตายได้ทุกเมื่อ
แล้วรจนาก็จัดการโซ้ยอาหารตรงหน้าแบบไม่เกรงใจ เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มอูมอวบบูดบี้ไปหมด โดยที่คนตรงกันข้ามไม่ยอมแตะต้องอาหารตรงหน้าเลยสักแอะ
จนเธอต้องชะงักการเอื้อมไปตักคากินุ่มเยิ้ม ที่วางอยู่ตรงกลางลง
“คุณไม่ทานเหรอ?” อยู่ๆ สันหลังก็ชาวาบขึ้นมา กลืนน้ำลายลงคอแทบจะไม่ได้
“ทานเถอะ เอาให้เต็มที่...เพราะอาจจะไม่ได้ทานแบบนี้อีกแล้ว”
“หมายความว่ายังไง!” ว่าอย่างตกใจ พร้อมหันไปมองเหล่าบอดี้การ์ด ที่พากันเดินเรียงเข้ามาด้วยทีท่าอันน่าเกรงขาม
“อาหารมื้อสุดท้ายไง” ช้อนในมือร่วงผล็อยลงมา ใจเต้นแรงขึ้น เหงื่อแทบจะแตกพลั่ก
มองอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกกระดาก อยากจะขย้อนมันออกมาให้หมด
“นี่คุณเอายาพิษใส่เข้าไปในอาหารเหรอ?” ลำคอพากันตีบตันขึ้นมา ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร มองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนๆ ค่อยลุกจากเก้าอี้
เอามือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงสแล็กสีดำอย่างสบายๆ เดินมุ่งหน้ามายังเธออย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ให้คำตอบอะไร
“หรือว่า...คุณจะให้รจนากินเสร็จแล้วก็ฆ่ารจนาทิ้งเลย ฆ่าหั่นศพ หรือว่าเอาไปขายทอดตลาดมืด!” ความคิดไปต่างๆ นานา เริ่มประเดประดังเข้ามา แขนขาไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด
หรือว่ายาพิษในอาหารทำให้เราไม่มีแรงนะ?
เจ้าของร่างสูงที่ไม่ยอมปริปากอะไร หยิบตะเกียบที่วางอยู่ขึ้นมา แววตาใสที่มองเขาอยู่ตลอดลุกวาวขึ้น
ภาพฆาตกรใช้ตะเกียบทิ่มไปที่ลูกตาเหยื่อ ทำให้เธอหลับตาปี๋ แม้จะร้องออกไป ยังร้องไม่ได้...
“เพลาลงบ้างนะ หนังฆาตรกรโรคจิตน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาเชิงขันเล็กน้อย พร้อมเอาตะเกียบเคาะที่ศีรษะเธอเบาๆ สองสามทีเชิงหยอก
“หา?” เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พร้อมขยับแขนขาตัวเองไปมา จับลำคอที่เหมือนบีบเข้านั้นด้วย
“หมายความว่า คุณไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปในอาหาร แล้วก็ไม่ได้จะเอาตะเกียบทิ่มตารจนาใช่ไหม?” เขาส่ายหน้าเชิงขัน ยอมในความช่างจินตนาการของเธอ จินตนาการแบบไปเรื่อย
“มันมีอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่านั้น...เธอมีประโยชน์มากกว่านั้น” เขาเดินกลับไปนั่งยังเก้าอี้ของตัวเอง แบบสบายๆ ไม่ได้รีบร้อน
“ประโยชน์? ประโยชน์อะไร?” ว่าอย่างระแวงอีกครั้ง เขาในวันนี้ไม่เหมือนผู้ชายที่ทำเป็นจีบเธออยู่ทุกวัน
“ไอ้ปอมันยังแคร์เธออยู่” ชื่อของบุคคลที่ถูกเอ่ยถึง ทำเอารจนาชะงัก กะพริบตาปริบๆ หัวสมองเริ่มทบทวนคำพูดคำเตือนของ ‘เขา’ ประเดประดังเข้ามา
“เดี๋ยวนะ...อย่าบอกนะว่า ที่ทำมาเป็นจีบ ก็เพราะว่าจะยั่วอารมณ์พี่ปอ?” เสียงของเธอแข็งขึ้นราวกับจะโกรธ นั่นทำให้ทรงยศยิ้มออกมาได้ เพราะเธอเข้าใจอะไรได้เร็ว
“คนจิตใจพระเอกอย่างมัน อยากจะปกป้องคนทั้งโลกจากวายร้ายเป็นเรื่องปกติ” หญิงสาวแค่นหัวเราะออกมา เชิงเข้าใจในความหมายของเขาได้อย่างทันที
“กำลังจะบอกว่า ที่พี่ปอเขาแคร์รจนา เพราะว่าเขาแค่เป็นห่วงแบบทั่วไป ไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกพิเศษอะไรว่างั้น?” เขาพยักหน้าแบบแทบไม่ต้องคิดให้มาก
“ไม่มีผู้ชายคนไหน ชอบผู้หญิง...ที่ดูไม่ได้หรอก” พูดแบบเว้นระยะ เพื่อใช้สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
คำว่า ‘Beauty standard’ ปลิวแว่วเข้ามาในหัว
‘จะไม่มีใครรักเธอ ถ้าเธอไม่สวย’ เป็นคำกล่าวที่ช่างเป็นอมตะ แม้ว่าตลอดทั้งชีวิตจะไม่เคยได้รับมันมาก่อนเลยก็ตาม
หญิงสาวค่อยๆ ถอนหายใจออกมา
“โห่ ไอ้เราก็แอบไปภูมิใจด้วยนะ ว่าขนาดอ้วนยังมีคนมาชอบมารัก เซ็งเป็ดเลย” แต่ก็เลือกที่จะแก้สถานการณ์ให้มันติดตลกไป เพราะชอบทดสอบ ทดลองเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว
“ความอ้วนนอกจากจะทำให้เธอดูไม่สวยแล้ว มันยังทำให้เธอเสียสุขภาพด้วย”
“ก็รู้ แล้วคุณมายุ่งกับรจนาเพื่อแค่จะยั่วพี่ปอแค่นั้นน่ะนะ?” มันดูจะไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่
“นี่คือเหตุผลที่ฉันบอกว่า อาหารแบบนี้เธอจะได้ทานเป็นมื้อสุดท้าย”
“ยังไงคะ?”
“ฉันอยากให้มันเสียดายเธอ” คำตอบของเขาทำเอาหญิงสาวต้องยั้งริมฝีปากเอาไว้ อ๋อ...เขาคิดว่าที่พี่ปอถอนหมั้นจากเรา เพราะว่าเราไม่สวยอย่างนั้นสินะ
รจนาพยักหน้า พยักหน้าให้กับความคิดของตัวเอง
“ยังไงล่ะ?”
“เธอจะต้องลดความอ้วน” หญิงสาวอ้าปากค้างแบบแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนหัวเราะลั่นออกมา
“รจนาก็ลดมาเป็นปีๆ แล้ว มันลดไม่ได้ไง ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะลด” เธอพูดราวกับว่าคำพูดของเขานั้นช่างตลกเหลือแสน
“ฉันจะเป็นคนทำให้เธอลดได้เอง”
“ยังไงเหรอ? คุณจะพารจนาไปดูดไขมันออกที่เกาหลีเหรอคะ!” เธอว่าอย่างตื่นเต้น แต่แววตากลับติดเล่น..มากกว่าจะจริงจัง
“ฉันเอาจริง ไม่ได้เล่น” เขาว่าเสียงเข้มขึ้น จ้องเธอเชิงตำหนิ เพราะดูออกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่ตัวเองพยายามจะสื่อ
“ก็รู้ แล้วมันจะยังไงล่ะ ลดความอ้วนนะคุณ ไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ฉันมีวิธีของฉัน”
“แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่รจนา ถ้ารจนาทำไม่ได้ คุณก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”
“จะทำให้ดู” เขาว่าพร้อมมองไปยังเหล่าลูกน้อง ที่กรูกันเข้ามาที่โต๊ะอาหาร กำลังจะจับจานทุกอย่างออกไป
“เดี๋ยวๆๆๆ อย่าเพิ่ง! รจนายังทานไม่ได้หมดเลยนะ!”
“แต่หมดเวลาแล้ว เก็บให้หมด” ทีท่าจริงจังของเจ้าของบ้านทำเอาเธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองตามอาหารเลิศรสเดินจากไปต่อหน้าต่อตา
“ต่อไปนี้ ฉันจะเป็นคนควบคุมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายของเธอทั้งหมด”
“บ้าไปแล้วเหรอ คุณไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้กับรจนานะ!” เขาลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงอีกครั้ง แววตาคมกริบที่ติดไปทางเรียวรีเล็กน้อย ตระหง่านรับสันจมูกโด่งพุ่ง ฉายความยิ้มเล็กๆ อยู่ในนั้นออกมา
“เธอควรจะดีใจ ที่จะได้กลับไปผอมอีกครั้ง” ทรงยศไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ ว่าเมื่อก่อนรจนามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะเขาไม่เคยคิดที่จะสนใจโลกภายนอก
นอกจากมุ่งหน้าทำทุกอย่างให้ธุรกิจของบิดาเข้มแข็ง หลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งอย่างเต็มตัว หลังจากที่อดทนรอมานานแสนนาน
“รจนาไม่ได้อยากผอม!”
“จะไม่มีใครรักเธอ ถ้าเธอไม่สวย”
“ผอมไม่เท่ากับสวย!”
“แต่เธอตอนผอม สวย” พูดเสร็จก็สะดุดเล็กน้อย ใช่...เขาเห็นรูปเธอเมื่อก่อนมาบ้าง จากการไปสืบค้นประวัติ
“ฉะนั้น เธอก็ควรจะผอม” เขาว่าพร้อมหลบสายตาและเดินกลับ ปล่อยให้หญิงสาวได้ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น
ความคิดในหัววิ่งปรูดปราด มีอะไรสนุกๆ ให้ทำขนาดนี้ ต้องคว้าไว้ซะหน่อย
“ถึงจะไม่มีใครชอบรจนา แต่พี่กานต์เขาก็ชอบรจนาเสมอนะคะ”
“นั่นเพราะว่ามันชอบเธอ ตั้งแต่ตอนที่เธอสวยอยู่” ทรงยศเม้มริมฝีปากเข้า เขาไม่ชอบเวลาที่ตัวเองเผลอพูดว่าเธอสวยเลยสักนิด
เพราะมันเป็นคำหายาก หากได้พูดสักที คนพูดเองก็ยังถึงกับต้องสะดุด
“นั่นมันก็เป็นความชอบที่มั่นคงดีไม่ใช่หรือ”
“แต่ลึกๆ มันก็อยากจะให้เธอผอมและกลับไปสวยเหมือนเดิมนั่นแหละ” รจนาคิดตามสิ่งที่เขาพูด พร้อมแอบจดเอาไว้ในใจ ยังไงเรื่องนี้เธอก็จะต้องพิสูจน์ ไม่ใช่จะมาเชื่อคำพูดเอาลอยๆ ของใครต่อใคร
“ไม่รู้แหละ ยังไงรจนาก็จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อให้ใครกลับมาเด็ดขาด”
“ฉันไม่ได้จะให้เธอกลับไปคบกับมัน”
“ฉันแค่ต้องการ...ให้มันเสียดายเธอ ก็เท่านั้น” หญิงสาวถอนหายใจออกมายืดยาวอีกครั้ง
“เพื่อ?”
“หน้าที่ของเธอ คือต้องผอม...ส่วนจะต้องทำยังไงบ้าง ฉันจะเป็นคนจัดการทั้งหมด” แล้วเธอก็อ้าปากหาวหวอดขึ้นมา จ้องหน้าเขาด้วยความเบื่อหน่าย
“รจนาหิว...เอาอาหารมื้อสุดท้ายมาให้ทานหน่อย!!!!”
รจนาตั้งใจเลยว่า เธอจะไม่มีวันยอมเดินตามเกมของใครง่ายๆ แต่จะพาเขาสนุกและหัวหมุนสุดเหวี่ยงไปเลย กับเกมนี้
จะไม่มีใครรักเธอถ้าเธอไม่สวยงั้นหรือ...อยากจะทำลายไอ้ความเชื่อพวกนี้จังโว้ย!
