ตอนที่ 9 เริ่มออกสำรวจ
หลังจากที่คุณปู่และคุณย่ากลับไปแล้ว เจ้าใหญ่ก็เดินมาถามเธอ “แม่ครับเมื่อไรพ่อจะกลับมาบ้านครับ” เขาเป็นห่วงว่าพ่อจะกลับมาไม่ทันช่วงฤดูหนาว การเดินทางในช่วงนั้นคงจะลำบากน่าดู
“อีก 3 เดือนพ่อก็กลับมาแล้ว”
ไม่ได้กลับมาธรรมดา น่าจะบาดเจ็บกลับมาด้วย
ถึงแม้ว่าเซียงเซียงจะไม่รู้เรื่องภารกิจของเขา แต่ก็คิดว่าหลังจากบาดเจ็บแล้ว ผู้บังคับบัญชาคงไม่อยากให้เขากลับไปเสี่ยงชีวิตในขณะที่มีภรรยาและลูกน้อยอยู่ที่บ้านละมั้ง
ป๋อเหวินจึงให้เงินก้อนใหญ่เขากลับมาเป็นการชดเชย ไม่อย่างนั้นภรรยาตัวร้ายของเขาคงจะไม่ยอมง่ายๆ
“ถึงตอนนั้นพ่อคงจะหนาวน่าดู พวกเราทำอาหารอร่อยๆเอาไว้รอพ่อดีไหมครับ”เขาเสนอ
“ดีลูก แม่คิดจะซื้อผ้าและฝ้ายมาตัดเสื้อผ้าให้พวกลูกใหม่ ชุดที่พวกลูกใส่อยู่มันเก่ามาก กันหนาวไม่ค่อยได้หรอก”เฟยหรงยิ้มดีใจที่แม่คิดถึงตนและน้อง
“ของผมยังใส่ได้แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ตัดให้น้องสักตัวดีกว่า ผมได้ยินย่าพูดว่าผลผลิตปีนี้ค่อนข้างดีที่บ้านใหญ่จึงค่อนข้างยุ่ง แม่ไม่ได้ออกไปทำงานก็คงจะไม่ได้ค่าแรงและส่วนแบ่งอะไรเลย
ครอบครัวเรามีเงินเดือนจากพ่อเป็นรายได้ทางเดียวเท่านั้น ควรจะใช้จ่ายให้ประหยัดลงนะครับ รอให้ผมโตกว่านี้ผมจะออกไปช่วยทำงานแทนครอบครัวของเราเอง”
เขาพูดอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ สีหน้าและแววตาไม่เหมือนกับคนที่จะเติบโตเป็นตัวร้ายสักนิด เซียงเซียงเห็นแล้วรู้สึกอยากตั้งใจจะเลี้ยงพวกเขาอย่างดีที่สุดมากขึ้นไปอีก
“วันนี้พวกลูกจะออกไปเล่นอีกไหม”
“ไม่แล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนลงสิเจ้าใหญ่แม่จะทายาให้ ที่หลังเป็นรอยแดงเดี๋ยวจะเป็นแผลเป็นเอาได้”
เธอพกกระเป๋ายาสามัญประจำบ้านมาด้วย ในนั้นมีของที่ต้องใช้ทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีวิตามินบำรุงร่างกาย แคลเซียม น้ำมันปลา วิตามินซี วิตามินบี อาหารเสริมอีกมากมาย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเงินเก็บทั้งชีวิตของเธอจมอยู่ที่อะไรนอกจากเรื่องของกิน
“ผมเป็นลูกผู้ชายไม่กลัวที่จะเป็นแผลเป็นหรอกแม่ มันคือร่องรอยของการต่อสู้”
เขาพูดอย่างกล้าหาญ ด้านข้างมีน้องชายที่นอนหลับปุ๋ยไปพักใหญ่แล้ว
“จ้ะ แม่รู้ว่าลูกของแม่นั้นกล้าหาญที่สุด”เซียงเซียงนำน้ำเกลือออกมาล้างแผล และนำยาที่ช่วยสมานแผลมาทาให้เขา รอจนแห้งดีแล้วจึงดึงเสื้อกลับมาให้บุตรชาย
ห่มผ้าให้พวกเขาทั้งสองคน จากนั้นก็เอนตัวลงนอนด้วยเหมือนกัน นึกขึ้นได้ว่าควรเขียนจดหมายหาป๋อเหวินก็เลยลุกขึ้นมา
เธอเล่าเรื่องครอบครัวคร่าวๆ และเรื่องที่ทุกคนคิดถึงอยากให้เขากลับมาบ้านได้แล้ว
อีกทั้งยังทิ้งท้ายว่าหากงานนี้อันตรายเกินไปก็กลับมาบ้าน มาทำงานแลกแต้มค่าแรงอย่างที่บ้านใหญ่ทำก็ได้ ไม่รู้ว่ามันจะถึงมือเขาทันช่วงที่เขาต้องรับภารกิจที่ต้องได้รับบาดเจ็บเจียนตายหรือไม่
หลังจากที่ต้องเผชิญเรื่องราวที่ไม่คาดฝันอย่างหิมะถล่ม เซียงเซียงดูจะเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นเป็นเท่าตัว แค่ได้รู้ว่าพ่อกับแม่ปลอดภัยเธอก็ดีใจมากแล้ว
เธอไม่อยากจะทำให้ป๋อเหวินต้องรู้สึกกดดันมากเรื่องที่ตนเองเป็นคนที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว การมีชีวิตรอดย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว เงินนั้นหากมีชีวิตอยู่ก็ย่อมหาใหม่ได้เสมอ
หลังจากที่ป๋อเหวินบาดเจ็บสาหัสกลับมาเธอต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ตอนนี้ในมิติเต็มไปด้วยเนื้อหมูร้อยกว่ากิโลกรัม และเสบียงต่างๆที่เธอตุนเอาไว้
แต่พื้นที่มีว่างมากพอที่จะลักลอบนำของบางอย่างไปขาย แต่ว่าเธอจะขายอะไรดีหนอ?
เรื่องนี้ไม่ยากมีเนื้อหมูเยอะก็ต้องขายเนื้อหมูอยู่แล้ว!
ถ้ายังใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน เธอและเด็กๆก็เสี่ยงที่จะอดตาย เงิน 350 หยวนเป็นเงินจำนวนไม่น้อยแต่ถ้าไม่รู้จักประหยัดอดออม ไม่ว่าช้าหรือเร็วเงินก็หมดอยู่ดี
นอนคิดไปเรื่อยๆเหม่อมองเพดานเธอเองก็หลับไปเช่นกัน ที่มุมหนึ่งของมิติบ่อน้ำที่เคยแห้งขอดค่อยๆมีน้ำเพิ่มขึ้นมาประมาณ 3 เซนติเมตร
แม้จะไม่ใสมากแต่ก็สะอาดมากพอให้ดื่มได้ ทว่าเจ้าของมิตินั้นไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เลยแม้แต่น้อย
“แม่ผมปวดฉี่”เสียงเฟิงเหมียนเรียกปลุกให้เธอตื่นขึ้น
“มาเดี๋ยวแม่พาไปนะ”เหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลา 6 โมงเย็นพอดีเธอต้องอุ่นข้าวต้มให้พวกเขาสักหน่อย
เมื่อได้ยินเสียงดังเจ้าใหญ่ก็ตื่นเหมือนกัน ปกติแล้วหน้าที่พาน้องไปเข้าห้องน้ำเป็นของเขา แม่เคยบอกว่าขี้เกียจตื่นกลางดึก
ถ้านอนฉี่รดที่นอนเขาจะต้องรับผิดชอบซักผ้าและทำความสะอาดที่นอนให้น้องเอง มาวันนี้แม่กลับลุกพาน้องไปแบบไม่อิดออด
ดีเหลือเกินที่แม่พูดว่าแม่จะดีต่อเขาและน้องมากขึ้น เห็นคุณแม่น่ารักแบบนี้เขาชักอยากให้พ่อกลับมาบ้านไวไว และมีน้องให้เขาเพิ่มอีกสักคน
“ไปกินข้าวเย็นกัน แม่อุ่นข้าวต้มให้แล้ว” หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเบาๆคนละชาม
เธอก็นวดแป้งทำซาลาเปาเอาไว้จำนวนมากเผื่อว่าพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางเข้าตลาดแต่เช้าแล้วจะไม่ตื่น ในซาลาเปามีทั้งไส้หมูและไส้ผักปะปนกันไป ถือโอกาสฝึกให้พวกเด็กๆรับประทานผักไปในตัวด้วย
ผักหลังบ้านมีจำนวนไม่น้อย สามารถนำมาใช้ทำไส้ผักได้ แบบไม่ต้องกังวล ใส่เห็ดหอมและแครอทเพิ่มลงไป อร่อยมากๆ
เด็กชายทั้งสองคนก็มาช่วยปั้นด้วย เซียงเซียงจึงได้โอกาสสอนวิธีทำซาลาเปาให้พวกเขาอย่างละเอียด จำได้หรือไม่ได้เธอก็ไม่ได้ตำหนิ
“พรุ่งนี้แม่จะไปตลาดสักหน่อย หมูหมดแล้วต้องไปหาซื้อมาเพิ่ม และก็ว่าจะไปซื้อผ้าฝ้ายให้พวกลูกด้วย”
“แม่จะตัดชุดให้ผมเหรอครับ นี่ผมไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม ได้กินไข่ กินเนื้อ ทั้งได้ตัดชุดใหม่ แถมแม่ยังกอดพวกเราด้วย”เฟิงเหมียนถามขึ้น
“อยากให้แม่ตีเรียกสติไหมล่ะจ๊ะ”เซียงเซียงเงยหน้าขึ้นมาจากเตาถามลูกชายตัวเล็กยิ้มๆ
“ไม่ครับ แหะๆๆ”
การได้ใช้เวลาร่วมกันทำให้เธอได้สอนและสอดแทรกข้อคิดต่างๆให้พวกเขา และได้ทำความรู้จักตัวตนของลูกชายของเธอด้วย เด็กๆทั้งสองคนเป็นเด็กฉลาดที่เรียนรู้ได้เร็ว พูดแค่ไม่กี่ครั้งก็จำได้แล้ว
ทำซาลาเปาเสร็จเธอก็พาเจ้าเล็กไปอาบน้ำ แต่เจ้าใหญ่นั้นเริ่มอายไม่อยากให้เธออาบให้
เธอจึงต้มน้ำให้บุตรชายนำไปอาบและคอยอยู่แถวๆนั้นเผื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ
อากาศค่อนข้างเย็นเธอไม่อยากให้พวกเขาป่วย ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เธอจะจุดเตียงเตาเอาไว้ให้พวกเขานอนอยู่เสมอ
“เอาละ 2 ทุ่มพวกลูกไปนอนเถิด แม่อาบน้ำแล้วก็จะตามเข้าไปเหมือนกัน”
“ครับ ฝันดีครับแม่”เจ้าใหญ่พาน้องเข้าห้องนอน ปล่อยให้เซียงเซียงจัดการธุระส่วนตัว
เธอล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างไม่คุ้นชิน ไม่เคยนอนแต่หัวค่ำมากขนาดนี้มาก่อนจึงพลิกไปพลิกมาอยู่บ่อยครั้งจนกระทั่งหลับไป
พอได้นอนอย่างเต็มอิ่มจึงทำให้ตื่นมาทำโจ๊กข้าวฟ่างและนึ่งซาลาเปาแต่เช้าตรู่
เฟยหรงและเฟิงเหมียนอยู่ในช่วงที่กำลังเจริญเติบโตจะขาดโปรตีนจากไข่และเนื้อสัตว์ไม่ได้
เธออยากไปสำรวจสถานที่และความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ จึงจะทำทีไปซื้อเนื้อเพิ่มพอเป็นพิธี และก็จะหาซื้อของใช้จำเป็นกลับมาด้วย
เซียงเซียงไม่ค่อยชอบอากาศหนาวจึงไม่อยากออกเดินทางในหน้าหนาวที่มักจะมีหิมะตก มันเป็นความกลัวที่ค่อนข้างฝังใจเธอไปแล้ว
ทำอาหารเสร็จแล้วพวกเด็กๆยังไม่ตื่นเธอจึงเดินไปอาบน้ำก่อน เมื่ออาบเสร็จแล้วก็ปลุกเด็กๆให้ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อรับประทานอาหารเช้ากัน
เฟยหรงช่างสังเกตมากเขาถามเธอว่าไหนบอกว่าหมูหมดแล้ว เธอไปเอาเนื้อมาจากไหนเธอก็ตอบสั้นๆว่าหมักเกลือเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่ได้เซ้าซี้มาก
“ซาลาเปาอร่อยมากๆเลยครับแม่”เจ้าเล็กบอกมารดา
ดูเหมือนว่าแม่ของเขาจะทำอาหารอร่อยมากๆ ซาลาเปาไส้หมูนี่อร่อยจนเขาน้ำตาไหล
เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่ตนต้องนอนหิวโหยจนปวดท้องไปหมด เขาจึงตั้งใจว่าจะไม่ดื้อกับมารดาเด็ดขาด
“อร่อยก็ดีแล้ว แม่จะได้ทำให้กินบ่อยๆ”
“วันนี้อยู่แต่ในบ้านหรือไม่ก็อย่าออกไปเล่นไกลมากนักล่ะ ก่อนไปแม่จะไปบอกคุณย่าให้คอยดูพวกลูกๆด้วย”
“ผมจะดูแลน้องให้ดีครับแม่ไม่ต้องห่วง”เซียงเซียงพยักหน้าให้บุตรชาย จากนั้นก็เดินไปบอกแม่สามีที่บ้าน
ไม่มีใครอยู่ที่บ้านหวังเพราะพวกเขาออกไปช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ นอกจากสะใภ้ใหญ่ที่เพิ่งตั้งครรภ์ และสะใภ้รองที่ท้องโตอยู่
หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จก็จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขารอคอย เพราะรัฐจะแจกจ่ายธัญญาหารต่างๆให้พวกเขา โดยเฉพาะการฆ่าหมูหลังจากจัดการแบ่งปันผลผลิตเหล่านี้ให้พวกเขาเสร็จ
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเซียงเซียงเพราะเธอไม่เคยไปทำงานเพื่อแลกแต้มค่าแรงแม้แต่น้อย
เธอจึงเดินตรงไปตามถนน เดินไปสหกรณ์ในชุมชน พยายามแต่งตัวด้วยชุดสีพื้นเพื่อไม่ให้ชาวบ้านหมั่นไส้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปสักหน่อย
แม้ว่าร้านค้าในสหกรณ์จะไม่ได้มีของมากมายให้เลือกสรรเทียบไม่ได้กับร้านค้าในย่านใจกลางเมือง แต่ก็ยังมีของใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อครัวเรือน เช่น ข้าวสาร น้ำมัน น้ำปลา ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูแต่ของพวกนี้ต้องใช้คูปองจากทางรัฐในการจับจ่าย ใช้สอย
เธอยังมีของพวกนี้อยู่จำนวนมากจึงซื้อไปเพียงอย่างละ 2 ขวดเท่านั้น ซื้อไปเพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัย ด้วยอานิสงส์ที่ป๋อเหวินได้รับคูปองจำนวนมาก เธอจึงสามารถเลือกซื้อของได้มากกว่า คนอื่น
เซียงเซียงจึงเลือกซื้อสาหร่ายแห้งไป 1 ชั่งเพื่อใส่ในต้มจืดให้พวกเด็กๆ เป้าหมายหลักในการออกมาเดินเลือกซื้อของก็เพื่อมาดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านในยุคนี้ ว่าเหมือนสภาพที่เธออ่านมา และความเป็นจริงมากแค่ไหน
และก็เพื่อเป็นการให้ทุกคนรู้ว่าเธอออกมาซื้อของ จะได้อธิบายที่มาของไข่ไก่และอาหารอีกจำนวนมากได้ เธอไม่อยากถูกล่าแม่มดหรือว่าถูกชาวบ้านเผาไฟ
