บทที่ 3 สามีอารมณ์ร้าย
“ออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า” เหมาเสี่ยวถงตวาดลั่น สตรีน่าชัง เขาเคยรักสตรีชั่วช้าเช่นนี้ไปได้อย่างไร ไม่ดูแลเขาก็ช่างเถิด แต่ลูกนางกลับไม่เคยเหลียวแล นี่ก็คงจะกลับมาจากในตัวเมืองล่ะสิ ออกไปเช่าบ้านผู้อื่นหลับนอน แต่ไม่เคยอยู่บ้านตนเอง ปล่อยให้เสี่ยวหลงต้องอดมื้อกินมื้อ ถ้าหากเขาเดินได้ปกติดีไม่ป่วยนอนติดเตียง ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ลูกต้องอดอยากเช่นนี้
“ท่านพี่ข้าสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว ยกโทษให้ข้าเถอะนะเจ้าคะ” ยิ่งมาเห็นสภาพสามีในตอนนี้ใจกลับไหววูบ เขาต้องลำบากและทรมานมากแค่ไหนกันนะ
“คนเคยมีสันดานเช่นไร ไม่มีทางจะกลับมาดีได้หรอก ข้าจะเขียนใบหย่าให้แล้วเจ้าก็เอาเงินก้อนสุดท้ายไปจากที่นี่ซะ” เขายอมแพ้แล้ว ไม่อยากจะดึงรั้งนางไว้อีกต่อไปแล้ว สภาพเช่นนี้ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีใครอยากจะอยู่ด้วย
“ข้าไม่ไปเจ้าค่ะ ท่านกับลูกอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่นแหละ” หญิงสาวใช้ความหน้ามึนเข้าสู้ ประคองร่างผ่ายผอมที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกขึ้นมาจากที่นอน กลิ่นอาจมส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว จนนางต้องยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกแทบไม่ทัน
“หากรังเกียจมากนัก ก็ไม่ต้องมาแตะต้องข้า” ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปอีกทาง นึกสมเพชตนเองที่มีสภาพเช่นนี้ เขาไม่อยากจะให้ผู้ใดมองเขาอย่างสงสารเวทนา โดยเฉพาะเมื่อมันออกมาจากภรรยาเขาเอง
“เสี่ยวหลง ไปตักน้ำมาให้แม่หน่อยลูก” แทนที่นางจะต่อบทสนทนากับสามี จือหลินกลับหันมาพูดกับบุตรชายแทน ในเมื่อใจเขายังไม่ยอมเปิดรับก็คงจะต้องให้เวลา ในเมื่อนางเองที่เป็นต้นเหตุให้เขาคิดเช่นนั้นเองจะโทษใครได้
“ขอรับท่านแม่” ร่างเล็กที่ผอมจนคิดว่าหากมีลมพัดก็คงจะปลิวไปกับลม รีบไปทำตามคำสั่งของมารดาอย่างเคร่งครัด วันนี้เขาอารมณ์ดียิ่งนักที่ท่านแม่อยู่บ้าน และยังเป็นครั้งแรกที่พูดจากับเขามากที่สุดในรอบปีอีกด้วย
“นั่นเจ้าจะทำอะไร” เหมาเสี่ยวถงถลึงตาใส่ภรรยา เขาไม่คิดว่านางจะจับเขาถอดชุด แตะเนื้อต้องตัวเขาอย่างไม่นึกรังเกียจแม้แต่น้อย อะไรเข้าสิงนางกันถึงได้แปลกไปมากถึงขนาดนี้เพียงชั่วข้ามคืน
“ข้าจะเช็ดตัวให้ท่านเจ้าค่ะ” ชุดที่เขาสวมมันทั้งเหม็นและเลอะสิ่งปฏิกูลที่เจ้าตัวขับถ่ายออกมาเต็มไปหมด นานแค่ไหนกันนะที่เขาต้องทนอยู่แบบนี้ โดยที่ตัวนางเองเห็นแก่ความสุขสบาย จนละเลยเขาและบุตรได้อย่างไร ในตอนที่นางทุกข์เขาไม่เคยจะทิ้งนางไปเลยสักครั้ง
ข้าขอโทษ ต่อไปนี้ข้าจะดูแลท่านเอง
“อย่ามองข้าด้วยความสงสาร” เมื่อเห็นสายตาของจือหลินที่มองเนื้อตัวเขา มันรับไม่ได้ที่ต้องมามีสภาพเช่นนี้ ถ้าหากวันนั้นเขาไม่ดึงดันจะไปเก็บของป่าบนหุบเขาแล้วพลาดตกลงมา ก็คงจะไม่มีสภาพกายเหมือนผัก
แม้ในวันนั้นมีคนช่วยเขาไว้ได้และไปหาหมอได้ทันท่วงที แต่ทว่าก็ยังต้องใช้เงินในการรักษามากอยู่ดี ตัวเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำจะมีปัญญาหาเงินมาเป็นค่ารักษาได้อย่างไร จนแล้วจนรอดก็ปล่อยเวลาล่วงเลยมาเป็นปี ไม่รู้ว่าจะมีหวังกลับมาเดินได้อีกครั้งหรือไม่
“ท่านแม่น้ำมาแล้วขอรับ” เสี่ยวหลงน้อยหิ้วถังน้ำเข้ามาอย่างทุลักทุเล เนื้อตัวเขาเปียกชุ่มไปแล้วครึ่งตัว ด้วยน้ำหนักน้ำมากกว่าตัวจึงทำให้มันหกไปบ้างในระหว่างที่หิ้วถังน้ำกลับมา
“เหตุใดถึงได้เปียกไปทั้งตัวเช่นนั้นเล่า เสี่ยวหลงอย่าลืมไปเปลี่ยนชุดก่อนกินข้าวล่ะ แม่วางกับข้าวไว้ให้ที่โต๊ะแล้ว เจ้ากินเองได้ใช่ไหม” จือหลินเกือบหลุดขำพรืด เมื่อเห็นสภาพเปียกปอนของบุตรชาย นี่ก็คงจะเป็นอีกคนที่นางจะจับอาบน้ำเสียหน่อย หน้าตามอมแมมเหลือเกิน ทั้งขี้มูกขี้ตาเกรอะกรังไปหมด
“กินได้ขอรับ” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก วันนี้เขาเป็นเด็กดี ท่านแม่ทำอาหารให้กินด้วย เขาจะไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง จากนั้นจึงได้วางถังน้ำไว้ข้างกายมารดา แล้วเดินเลี่ยงออกไปด้านนอกไม่รบกวนอีก
เหมาเสี่ยวถงได้แต่ตะลึงงัน ที่ภรรยาพูดกับบุตรชายไม่ตวาดดุด่า อีกทั้งยังทำอาหารให้เสี่ยวหลงกินอีกด้วย เป็นไปไม่ได้หรอก สตรีอย่างนางคงจะหวังให้พวกเขาสองพ่อลูกตายใจก่อนสินะ คงจะมีแผนอะไรสักอย่างเพื่อกำจัดเขาและลูกให้พ้นทาง
“มาเจ้าค่ะ ทีนี้ถึงตาท่านแล้ว” หญิงสาวจัดการถอดกางเกงของสามีออกไปเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ไม่มีอาการเขินอายทั้งสิ้น ตอนนี้นางไม่มีกะจิตกะใจจะมาคิดสิ่งใด ในสมองคิดเพียงแต่จะรักษาเขาได้อย่างไร ถึงจะหายสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง
“ข้าบอกแล้วอย่างไร ไม่ต้องมาสงสาร ไสหัวออกไปซะ” ยิ่งเห็นสายตาที่มองเขาไม่มีความเขินอาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเสียหน้า สู้ให้นางมองเขาเช่นเดิมก่อนหน้านั้นยังรู้สึกดีเสียกว่า ไม่มีความรักไม่มีความหวังดีพร้อมจะหนีหายไปได้ตลอดเวลา
จือหลินไม่สนใจคำด่าทอของสามี นางจัดการเทน้ำยาฆ่าเชื้อยี่ห้อดังลงในน้ำ และไม่สนใจสายตาสงสัยใคร่รู้ของเหมาเสี่ยวถง
หลังจากที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อกับน้ำสะอาดเสร็จแล้ว นางจึงใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดจากนั้นก็จัดการเช็ดตามเนื้อตัวของสามี เช็ดเนื้อตัวจนสะอาดเอี่ยมแต่ว่าชุดเขานี่สิ ไม่มีที่ดูดีเลยสักตัว หญิงสาวลุกเดินหายออกไปจากห้อง นางกลับมาที่ห้องของตนเอง แล้วเอาผ้าห่มที่สะอาดมีกลิ่นหอมฟุ้งหอบกลับมาที่ห้องสามีอีกครั้ง ก่อนจะนำมันห่อตัวเขาเอาไว้ จากนั้นก็จัดการแบกเขาขึ้นหลังพามานอนห้องของตนเองแทน
ตัวเขาเบาถึงเพียงนี้เชียวหรือ แม้จะแบกลำบากสักหน่อยเพราะตัวนางเองก็เล็กเกินไปเมื่อเทียบกับเหมาเสี่ยวถงในอดีต ส่วนด้านชายหนุ่มที่เห็นว่าภรรยาแบกเขาขึ้นหลัง ยิ่งทำให้ภายในใจเอาแต่ตั้งคำถาม นางทำไปเพื่ออะไรกันแน่
“ท่านพี่ ท่านนอนอยู่ห้องนี้ไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะไปดูลูกสักหน่อยแล้วจะเอาข้าวมาให้ท่านกิน” ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา ก็แทบจะไม่ได้พักเลย ยิ่งนึกถึงบ้านหลังน้อยที่มีแต่ฝุ่นเกาะเต็มไปหมด คงจะต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่แล้วสินะ
เหมาเสี่ยวถงเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรออกมา หญิงสาวก็คร้านจะที่จะรอคำตอบจึงได้ปล่อยให้เขานอนพักผ่อน ตัวนางได้ออกไปดูลูกเสียที
“เสี่ยวหลงยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือลูก” เมื่อมาถึงโต๊ะกินข้าว นางยังคงเห็นบุตรชายนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เด็กน้อยค่อยๆ ละเลียดชิมไข่ตุ๋นเนื้อนุ่มทีละนิด ราวกับกลัวว่ามันจะหมดเร็วเกินไป แต่ที่น่าแปลกใจคือนางบอกให้เปลี่ยนชุดก่อนมากินข้าวไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดยังสวมชุดเดิมอยู่อีกล่ะ
“คือว่า...” เด็กชายก้มหน้างุด เพราะกลัวมารดาจะต่อว่าที่เขาไม่ทำตาม ก่อนจะพูดเสียงอ้อมแอ้มออกไปในที่สุด “มีชุดเดียวขอรับ”
เพียงได้ฟังสิ่งที่เสี่ยวหลงน้อยบอก นางที่เป็นแม่ถึงกับเข่าอ่อน ได้แต่บ่นตนเองด้วยคำว่าเป็นแม่ประสาอะไรรอบที่ร้อยของวัน ถึงได้ปล่อยปละละเลยได้ถึงเพียงนี้ โธ่! เสี่ยวหลงน้อยของแม่
