บท
ตั้งค่า

บทที่6 เกิดเรื่องแล้ว!

คนกลุ่มใหญ่เดิมฝ่าไอหมอกหนาทึบเข้าสู่อำเภอเหอ โดยมีม่านอาคมสีทองอร่ามเป็นเกาะคุ้มกัน ระยะทางเมิ่งหลานก็ใช้เวทชำระล้าง ค่อยชะล้างไอหมอกพิษด้วยพลังวิญญาณอันน้อยนิดของตน

ไอหมอกสีม่วงที่หนาทึบเกินไป จนบดบังวิสัยทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า หากไม่ทำเช่นนั้น นางผู้ที่เดินนำหน้ากลุ่มคนของสำนักกระบี่จิงเทียน คงได้ล้มหัวคะมำ พานให้อับอายขายขี้หน้าเป็นแน่

ไป๋อีที่อยู่ด้านหลัง ยังคงจับจ้องไปยังร่างของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่วางตา กำไลที่สวมบนข้อมือนาง เป็นอาวุธวิเศษที่สามารถกลบกลิ่นอายของปีศาจในตัวได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ของสิ่งนี้ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่า คนที่อยู่บนหุบเขาไฉซางผู้นั้นให้ความสำคัญกับปีศาจสาวตนนี้มากเพียงใด ถึงขั้นรับมาเป็นศิษย์...

ทันทีที่สายลมพัดไอหมอกสีม่วงทึบจางหาย ภาพของอำเภอเหอที่ซ่อนภายใต้หมอกหนาพลันปรากฏขึ้น

เบื้องหน้าก็พวกเขาคือถนนที่รกร้างไร้คนสัญจร ชาวเมืองส่วนใหญ่ปิดประตูเรือนมิดชิด ขังตัวเองตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะเกรงกลัวว่าตนเองจะติดโรคประหลาดนั้นไปด้วย 

เมื่อมีคนแปลกหน้ามาเยือน พวกเขาเพียงแค่แง้มบานประตูหน้าต่าง ชะโงกหน้าออกมาสอดส่อง ก่อนที่จะมันปิดลงเช่นเดิมราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หลายครั้งที่มีคนจากสำนักเซียนมาเยือนอำเภอแห่งนี้ ทว่าคนเหล่านั้นกลับไม่สามารถแก้ปัญหาหมอกพิษได้เสียที นานวันเข้าชาวบ้านก็เลิกตั้งความหวังกับคนจากสำนักเซียนไปแล้ว จึงได้แต่ขังตัวอยู่ในเรือน เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหมอกสีม่วง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคประหลาดที่เกิดขึ้นทั่วเมือง

ทางด้านเมิ่งหลาน นางได้เดิมตามกลิ่นอายพลังวิญญาณของซางเหยียนผู้ซึ่งเป็นศิษย์พี่ ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าเรือนหลังใหญ่แห่งหนึ่ง

"แม่นาง เหตุใดถึงไม่เดินต่อแล้วล่ะ" หนึ่งในศิษย์ของสำนักกระบี่จิงเทียนเอ่ยถาม

"ถึงแล้ว" 

จากนั้นเท้างามก็ยกขึ้นทับเข้าที่ประตูบานใหญ่

ปัง! 

"..."

ด้วยการกระทำที่คล้อยกับอันธพาลทวงนี้ของหญิงสาวทำให้กลุ่มคนด้านหลังพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

แต่มีหรือที่คนอย่างเมิ่งหลานจะสนใจ นางเพียงไหวไหล่แล้วขยับปากเอ่ยอย่างไร้เสียงว่า ก็ช่วยไม่ได้ มือมันไม่ว่าง ก่อนที่นางจะสาวเท้าเดินเข้าไปในตัวเรือน

ทันทีที่คนกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้น คนที่อาศัยอยู่ในเรือนก็หันมาทองผู้มาเยือนเป็นตาเดียว

"เสี่ยวหลาน เจ้ามาได้อย่างไร" ก็ยังคงเป็นซางเหยียนที่เอ่ยทักก่อนใครพวก เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร

เมิ่งหลานส่งยิ้มให้แก่ผู้เป็นศิษย์ของตน ก่อนจะปลดเกาะป้องกันออกหลังจากที่ตนได้เดินเข้ามาด้านในเรือนแล้ว 

ภายในเรือนแห่งนี้ถูกซางเหยียนกางเขตอาคมไว้หมดแล้ว หมอกพิษที่ลอยคลุ้งอยู่ทั่วเมืองจึงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ เป็นเหตุให้อากาศในเรือนบริสุทธิ์มากกว่าภายนอก

"ตาเฒ่านั้น ให้เข้ามาส่งยาให้ท่าน" ว่าแล้วก็ลวงขวดยาออกมาจากถุงเฉียงคุนส่งให้ชายหนุ่ม

ทันทีที่รู้ว่านางมาด้วยเหตุอันใด ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็พลันยิ้มกว้างขึ้น การที่ปีศาจน้อยปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั้นก็หมายความว่าท่านอาจารย์ค้นพบวิธีถอนพิษของหมอกพิษสีม่วงได้แล้ว

หลังจากที่รับขวดหยกจากเมิ่งหลานแล้ว ก็พึ่งจะสังเกตเห็นอาภรณ์ตัวงามของผู้เป็นศิษย์น้องเต็มได้ด้วยรอยขีดขาดจนเกือบจะกลายเป็นเศษผ้าอยู่รอมร่อ จึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสัย "แล้วนี่เจ้าได้โดนอะไรมา เหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้"

พอสิ้นเสียงของซางเหยียน ร่างบางพลันตวัดสายตามาไปที่ร่างผู้เป็นศิษย์เอกแห่งสำนักกระบี่จิงเทียนที่ตอนนี้กำลังสอบถามสถานการณ์ของอำเภอเหอกับศิษย์สำนักกงซินด้วยความขุ่นเคือง และเล่าเรื่องระหว่างทางให้เขาฟัง

"เขารู้แล้วว่าเจ้าเป็นปีศาจ" คิ้วของซางเหยียนขมวดขึ้นเป็นปม

เมิ่งหลานพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า "โชคดีที่แม่นางเยว่เหยาของท่านมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นข้าคงได้สิ้นชีวิตภายใต้คมกระบี่ของเขาไปแล้ว"

ย้อนนึกถึงเรื่องนั้นทีไร นางก็รู้สึกหวาดเสียวที่ลำคอไม่หายเสียที

"ไป๋อีผู้นั้นเป็นศิษย์เอกของสำนักกระบี่จิงเทียน ว่ากันว่าเขามีสัมผัสที่ไวต่อไอปีศาจเป็นพิเศษ ต่อไปเจ้าต้องอยู่ให้ห่างจากเขาให้มาก หากไม่จำเป็นก็ได้ต้องเข้าใกล้เขาเป็นดีที่สุด เจ้าเข้าใจหรือไม่" ซางเหยียนกำชับเสียงเข้ม ทว่าสายตาก็ยังไม่วายส่องสองหานางอันเป็นที่รัก แต่เมื่อไม่เห็นนางอยู่ในกลุ่มจึงได้ถามขั้นอีกครั้ง "อาเหยา นางไม่มาด้วยหรือ"

ร่างบางเลิกคิ้วแล้วตอบกลับไปว่า "นางเข้ามาก่อนพวกเรา ท่านยังไม่เจอนางอีกงั้นหรือ..."

ซางเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งในทันใด ในใจก็พลันรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา ตามนิสัยของเยว่เหยา นางหุนหันพลันแล่นและอารมณ์ร้อน หากรู้ว่าตนอยู่ที่อำเภอเหอ นางตรงพุ่งเข้ามาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเป็นแน่

และยิ่งเสี่ยวหลานบอกว่านางเข้ามานานแล้ว ทว่าจนถึงยามนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา สิ่งเดียวที่เป็นได้ได้ในตอนนี้คือ เยว่เหยาต้องเกิดเรื่องแล้วเป็นแน่!

เมื่อได้ดังนั้นซางหยียนก็ไม่รอชา รีบพุ่งทะยานออกไปด้านนอกทันที

"นี่!...เฮ้อ..." เมิ่งหลานถอนหายใจออกมา ปกติแล้วซางเหยียนเป็นคนที่ใจเย็น รอบคอบ ทว่าพอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเยว่เหยาทีไร ก็จะหลายคนเป็นใจร้อนขึ้นทันที ใจร้อนวู่วามยิ่งว่านางเสียอีก

"เอ๊ะ...นั่นเขารีบร้อนไปไหนหรือ" เป็นชายหนุ่มที่เคยถามทางนางเมื่อครั้งที่อยู่บนเขาไฉซางเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นซางเหยียนเร่งรีบจากไป

"ไปตามหาแม่นางเยว่เหยา"

"อ๋อ!" เขาพยักหน้าก่อนจะหันมาค้อมกายให้หญิงสาวแล้วเอ่ยว่า "ข้าเป็นอาจารย์น้อยของสำนักกงซินนามว่าเหลียงซ่ง พวกเราเคยพบกันที่บนเขาไฉซาง แม่นางยังจำได้หรือไม่"

"เหตุใดจะจำได้" เป็นเพราะเขามาเยือนเหยียนจึงต้องลงจากเขา เหตุการณ์นั้นนางยังจำได้ดี เมิ่งหลานยิ้มก่อนจะค้อมตัวตอบ "ยินดีที่ได้พบคุณชายเหลียงอีกครั้ง คุณชายเรียกข้าว่าเมิ่งหลานก็ได้"

"แม่นางเมิ่ง" เขาขานเรียกอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า "ข้าได้ยินว่าแม่นางมาส่งยาให้ซางเหยียน ผู้อาวุโสจ้าวทำยาถอนพิษได้แล้วหรือ"

"ก็คงใช่กระมัง"

"แล้วยาถอนพิษที่ว่านั้นอยู่ที่ใดหรือ" เหลียงซ่งถามด้วยความกระตือรือร้น เขาค้นคิดวิธีถอนพิษอยู่แรมเดือน ในที่สุดก็มีทางออกเสียที การที่เขาแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือที่เขาไฉซางนับว่าไม่เสียเปล่าแล้ว ดีจริงๆ จะได้กลับสำนักเสียที

"ข้าให้ซางเหยียนไปแล้ว"

"..."

มิใช่ว่าซางเหยียนพึ่งออกไปหรอกหรือ

เหลียงซ่งมองเมิ่งหลานสลับกับประตูใหญ่ก็พลันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แล้วเมื่อไรเขาจะได้กลับบ้าน

ส่วนเมิ่งหลานนั้น นางไม่สนใจท่าทีราวกับกินยาขมของเหลียงซ่ง เพราะอย่างไรยาก็ส่งมอบแล้ว ภารกิจที่จ้าวเต๋อฝากฝังก็เสร็จสิ้นแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้นอนมาทั้งคืน และตอนนี้นางก็ง่วงมาก อยากหาที่นอนพักสักงีบ พรุ่งนี้ค่อยเดินทางกลับ จึงหันมาถามเรื่องที่พักกับเขา "คุณชายเหลียง ที่นี่ยังมีห้องว่างอีกหรือไม่"

"อ๋อ...มี" เมื่อได้สติเหลียงซ่งจึงนำทางหญิงสาวไปยังห้องที่ว่างอยู่แล้วเอ่ยว่า "ที่นี่ไม่มีคนอยู่ แต่ก็ให้ศิษย์ของสำนักคอยมาทำความสะอาด เจ้าพออยู่ได้หรือไม่"

เมิ่งหลานกวาดตาสำรวจรอบห้องพักก่อนจะพยักหน้า "ขอบคุณมาก"

หลังจากที่ข้ามพ้นเขตประตู ร่างบางก็เปิดประตูลงทันที โดยไม่สนว่าศิษย์ผู้นั้นของสำนักกงซินยังอยู่หรือไม่ นางเดินทางมาทั้งคืน ไหนจะต้องวิ่งหนีกระบี่พิฆาตของไป๋อีผู้นั้นอีก เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!

แต่เมื่อกำลังจะล้มตัวลงนอน ก็พลันฉุดคิดได้ว่าอาภรณ์ตัวงามขาดไม่เหลือชิ้นดี จึงนำชุดใหม่จากถุงเฉียงคุณมาเปลี่ยน จากนั้นจึงทิ้งตัวลงเตียงนุ่มอีกครั้ง ไม่นานนักร่างบางก็เข้าสู่ห้วงนิทรา...

ในขณะที่เมิ่งหลานกำลังอยู่ในห้วงฝันอันแสนหวาน พลันได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากลานเรือน ขนตาแพรยาวกะพริบขึ้นถี่ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ปรับให้คุ้นชินกับความมืด ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังลอดออกมาจากทางหน้าประตู

"แม่นางเมิ่ง! เกิดเรื่องขึ้นกับศิษย์พี่ของเจ้าแล้ว!"

ปึง! ปึง! ปึง!

"แม่นางเมิ่ง!"

เหลียงซ่งตบประตูด้วยความร้อนใจ เมื่อหนึ่งเค่อ[1]ก่อนหน้านี้ เยว่เหยาศิษย์หญิงงามแห่งสำนักกระบี่จิงเทียนปรากฏขึ้น โดยมีร่องรอยบาดแผลเต็มตัวด้วยสภาพอิดโรย ก่อนที่นางจะหมดสติได้พึมพำออกมาว่า 'เกิดเรื่องขึ้นกับซางเหยียน' แล้วล้มพับไป เขาจึงรีบมาแจ้งข่าวให้แก่เมิ่งหลานทันที

"เรื่องอะไรขึ้นกับซางเหยียน!" ร่างบางโผล่พรวดออกมาอย่างรวดเร็ว

"เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์พี่ของเจ้า พวกเราก็ยังไม่แน่ใจ ต้องเราให้แม่นางเยว่ฟื้นขึ้นมาก่อน ถึงถามละเอียดที่เหลือได้"

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำเมิ่งหลานก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ไปถึงก็พบว่าศิษย์หญิงของสำนักกงซินกำลังช่วยรักษาให้กับเยว่เหยาอยู่นางจึงเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด ข้าจะรักษาเอง!"

ร่างบางเดิมแทรกคนเข้าไป แล้วลวงเอาเข็มทองออกมาจากถุงเฉียงคุนวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะใช้ปราณพลังควบคุมเข็มทองทั้งเก้าพุ่งเข้าหาร่างของหญิงงามที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงนุ่ม

เข็มทองของเมิ่งหลานตรงเข้าไปยังจุดชีพพรสำคัญทั้งเก้าอย่างแม่นยำ ด้วยการสอนอันเข้มงวดของจ้าวเต๋อ ทำให้นางสำเร็จวิชาฝังเข็มด้วยเวลาเพียงไม่กี่เดือน

เฮือก!

----------------------------------------------------------------

[1] หนึ่งเค่อ เทียบเท่ากับ 15 นาที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel