บทที่ 13 ขโมยสินค้า
“หลับสนิทเลยเชียว” หญิงสาวชะเง้อคอมองชายสองคน พลันปล่อยยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนแอบย่องไปยังรถม้าที่ผูกติดอยู่กับต้นไม้อีกต้นหนึ่ง
“เป็นรถม้าขนสินค้าเช่นนั้นฤา” เมื่อรู้แน่ชัดแล้ว นางจึงหันกลับไปยังชายสองคนที่นอนหลับไม่ได้สติอีกครั้ง
“ในเมื่อเขาหลับอยู่เช่นนั้น..แลไร้ผู้ใดเฝ้า ก็เป็นเวลาของข้าสินะ...” หลันฮวาแย้มยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ พลันเดินไปลูบหัวม้าที่ยืนกินหญ้าอยู่
“เจ้าม้าน้อย อย่าเสียงดังไป ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ ข้าเพียงแต่จะดูของข้างในหน่อยเท่านั้นเอง” หลันฮวากระซิบกับม้าทั้งสอง ก่อนจะหันไปแกะเชือกที่ผูกรัดกล่องสินค้า
นางใช้แรงที่มีแกะทีละชั้นช้า ๆ ก่อนเสียงพลิกตัวของชายผู้นั้นจะทำให้นางรีบหาที่ซ่อนตัว เมื่อเห็นว่าเขายังคงหลับใหลต่อไปโดยไม่รู้สึกตัว หลันฮวาจึงออกมาจากที่ซ่อน แล้วตั้งหน้าตั้งตาแกะเชือกที่ผูกรัดอีกครั้ง จนในที่สุดก็เปิดสินค้าพวกนั้นได้สำเร็จ
“ข้าวสาร ข้าวเต็มไปหมดเลย” เมื่อเห็นดังนั้นหญิงสาวจึงเบิกตากว้าง พลันหันไปแกะกล่องใบใหญ่อีกอันหนึ่ง
“นี่คือ..เครื่องลายครามที่มีราคาสูงลิบ” ดวงตากลมโตวาวระริกด้วยความอยากครอบครอง นางรีบถอดเสื้อตัวนอกออกเพื่อใช้ในการบรรจุข้าวของกลับไป
ในขณะที่กำลังมุ่งมั่นกับการขโมยสินค้าอยู่นั้น นางมิได้รู้เลยว่า มีใครบางคนกำลังจับจ้องมองตรงมา หลันฮวาหอบเอาเครื่องลายคราม รวมถึงข้าวสารลงในห่อเสื้อด้วยความรีบร้อน ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ติดแน่นฝังลึก ยังคงจดจ่ออยู่กับถังข้าวสารขนาดใหญ่
“ท่าทางคล่องแคล่ว แลชำนาญในการขโมยเช่นนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน” หวงซีเหรินตื่นมาแล้วพบการกระทำของหญิงปริศนาที่บังอาจมาขโมยสินค้าจากรถม้า ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบเอาดาบออกมา แล้วเดินเข้าไปด้านหลังนางอย่างเงียบ ๆ
หลันฮวาชะงักพลันในทันที เมื่อมีดาบเล่มยาวมาทาบแนบที่คอ กว่านางจะรู้สึกตัว ก็ไม่สามารถกระดิกร่างกายต่อต้านสิ่งใดได้ สายตาของนางสั่นไหวไปมา ด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“ทิ้งทุกอย่างในมือของเจ้า แล้วลงมาจากรถม้าของข้า!” น้ำเสียงเข้ม ของผู้เป็นเจ้าของดาบยิ่งทำให้หลันฮวาจำต้องทิ้งทุกอย่างไว้ พลางหมุนตัวกลับมายังต้นเสียง พร้อมเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม นางเบิกตากว้างแล้วเลื่อนมอง ชายในอาภรณ์สีขาวสะอาด เขาช่างงดงามราวกับภาพวาด ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่ง นัยน์ตามีสีดำคลับ ผิวละเอียดอ่อนดังทรายขาว ทว่าภายใต้ความงดงามนั้น ในมือของเขากำลังถือดาบหมายเอาชีวิตนาง
“ขะ ข้า...” หลันฮวาอึกอัก ทว่าหลักฐานที่นางทิ้งไว้ไม่อาจกล่าวคำแก้ตัวใดออกมาได้ หญิงสาวทำได้เพียงกะพริบตามองชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนอู่เจ๋อจะรู้สึกตัวแล้วรีบวิ่งมายังหวงซีเหรินทันที พร้อมกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นอิสตรีที่แต่งตัวมอมแมมราวกับหญิงขอทาน กำลังถูกซีเหรินทาบดาบไว้ที่คอ
“คุณชาย เกิดอะไรขึ้น!” น้ำเสียงตระหนกของอู่เจ๋อ สวนทางกับท่าทางนิ่งเฉยของซีเหริน
“นางกำลังขโมยสินค้าของเรา” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ โดยไม่ละสายตาจากนาง มือหนายังคงทาบดาบไว้ หมายคาดโทษ ก่อนที่หลันฮวาจะส่ายศีรษะไปมาแล้วทิ้งตัวลงนั่งทันที
“ข้า..ข้า...ข้าผิดไปแล้ว” น้ำเสียงใสพูดออกมา ก่อนที่หวงซีเหรินจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“พอถูกจับได้ ก็พูดเช่นนี้ทุกคน เหตุใดก่อนทำผิดจึงไม่ทบทวนให้ดี”
“ข้ากลัวแล้ว ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก ขอให้ท่านเมตตาหญิงตาดำ ๆ เช่นข้าด้วยเถิดนะเจ้าคะ” หลันฮวาคิดหาทางรอดตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมาแล้วแกล้งบีบน้ำตาใส่
“ข้า...ตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง ท่านปล่อยข้าไปเถิด อย่าได้ถือโทษเอาความข้าเลย ที่ข้าต้องขโมยเพราะข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยมาสามวันแล้ว ข้าหิวมาก..จำเป็นต้องเอาตัวรอดเลยทำเช่นนั้น” หญิงสาวพูดเกินจริงไปบ้าง เพื่อให้เขาเห็นใจ ก่อนเหลือบมองเขาเป็นระยะ เพื่อดูท่าทางว่าจะยอมใจอ่อนฤาไม่
“คุณชาย..ดูท่าแล้วนางไม่น่าไว้ใจอย่างมาก” อู่เจ๋อเห็นท่าทางของนางแล้วจึงหันมากระซิบกับผู้เป็นนาย
“แล้วใครว่าข้าจะไว้ใจนาง” ซีเหรินตอบพร้อมกับจับจ้องมองตรงไปยังหญิงที่แต่งตัวมอมแมม ก่อนสังเกตท่าทางของนางอีกครั้งแล้วนึกบางอย่างได้
“อู่เจ๋อ..บางทีนางอาจจะเป็นขโมยที่ทางการกำลังประกาศจับตัวอยู่ ท่าทางคล่องแคล่วเช่นนี้ ไม่มีทางที่นางจะทำเพียงครั้งแรก” หวงซีเหรินประเมินลักษณะท่าทาง ของหัวขโมยตรงหน้าแล้วพูดออกมาทันที
เมื่อหลันฮวาได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนั้น จึงรีบโวยวายเพื่อกลบเกลื่อนความผิด
“ไม่ใช่นะ ข้าไม่ใช่หัวขโมยที่ท่านคิด ข้าพึ่งทำเป็นครั้งแรกเท่านั้น”
“คิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าเช่นนั้นฤา” หวงซีเหรินเอ่ยถาม ก่อนที่หญิงสาวจะเม้มปากแน่นแล้วนึกบางอย่างได้ จึงรีบล้วงเงินออกมาเท ให้ชายหนุ่มดูเป็นหลักฐาน
“เพราะข้ามีเงินติดตัวมากมาย ข้าจะเป็นหัวขโมยผู้นั้นได้อย่างไร” ก่อนที่ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองเงินนั้น แล้วพิจารณาท่าทางของนางอีกครั้ง
“เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่นำเงินนี้ไปซื้ออาหาร ไหนบอกกับข้าว่าเจ้าอดอาหารมาแล้วสามวันแล้วอย่างไร” หวงซีเหรินย่อตัวลงแล้วทอดสายตามองนางด้วยต้องการจับพิรุธ ก่อนอีกฝ่ายจะหลบสายตาเขาในทันทีพร้อมกลืนน้ำลายอึกใหญ่
