ยาจกเช่นข้าไฉนกล้ารักท่าน

120.0K · จบแล้ว
ทีปสิขา
80
บท
11.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ด้วยความใกล้ชิดให้ทั้งสองเกิดความหวั่นไหว แต่ด้วยยาจกเช่นนางฤาจะกล้าอาจเอื้อมรักกับคุณชายได้

นิยายจีนโบราณนิยายรัก

บทที่ 1 วันปีใหม่

แคว้นเทียนกู่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของมหาราชวังอันใหญ่โต ภายใต้การปกครองของหวงต้ากวงฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ย้อนกลับไปนับร้อยปี แคว้นเทียนกู่ได้สิ้นอำนาจลง ประชาชนเรือนแสนจึงขาดผู้นำ เหล่าบรรดาขุนนางทั้งหลายไร้ที่พึ่ง แลหันมาช่วงชิงอำนาจกันเองเพื่อการเป็นใหญ่ ความวุ่นวายปั่นป่วนกินเวลานานไปนานหลายฤดู ทว่าการช่วงชิงอำนาจยังไม่สิ้นสุด แลผู้คนล้มตายยอดอยากเป็นจำนวนมาก

ยามนั้น หวงฝ่ากวาน ผู้มีศักดิ์เป็นทวดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน มีอำนาจเบ็ดเสร็จในหลายแคว้นเล็งเห็นความทุกข์ยากของผู้คน จึงได้สั่งให้องค์ชายสามนามว่า หวงเฟยชวี่ มาปกครองแคว้นเทียนกู่ และสถาปนาให้รับตำแหน่งเป็นผู้ปกครองแคว้น

นับจากนั้นมาสืบมาเป็นร้อยปียศตำแหน่งของตระกูลหวงได้ถูกลดทอนอำนาจลงจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเพียงพ่อค้าประจำแคว้นเทียนกู่เท่านั้น หาใช่ผู้ปกครองแคว้นเฉกเช่นร้อยกว่าปีก่อน ซึ่งทางการได้แต่งตั้งขุนนางเข้ามาดูแลแคว้นเทียนกู่แทน

ภายในจวนของตระกูลหวงมีป้ายบรรพชนที่สลักนามของ หวงเฟยชวี่ ไว้บนสุด ทุกคนในบ้านต่างรู้ว่าบรรพบุรุษได้สืบเชื้อสายมาจากฮ่องเต้องค์ก่อน ๆ จึงทำการดูแลและจัดงานรำลึกถึงบรรพชนในทุก ๆ ปีไม่เคยขาด ก่อนเสียงจุดประทัดในวันขึ้นปีใหม่จะดังขึ้นพร้อมกันเกือบทุกหลัง แล้วตามด้วยเด็กเล็กร้องไห้งอแงเพราะกลัวเสียงของประทัดนั้น

หวงไป๋หลานนายหญิงตระกูลหวงกำลังจัดข้าวของต่าง ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับบ่าวไพร่ในจวนพากันสวมชุดสีแดงเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่

“ทั้งหมดเรียบร้อยดีแล้วฤาไม่” น้ำคำหวานเอ่ยขึ้น ก่อนที่หญิงรับใช้จะค้อมตัวลงเล็กน้อย

“เรียบร้อยดีแล้วเจ้าค่ะนายหญิง” หญิงกลางคนพยักหน้า พลางหันกลับมายังป้ายบรรพชนที่ตั้งเด่นหราอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มประสานมองตรงไปยังสามี ก่อนเขาจะเข้ามาทำความเคารพบรรพบุรุษเพื่อแสดงความกตัญญู

โคมไฟสีแดงนับร้อยเรียงรายไปตามทางเดินของถนนในตลาด เสียงเรียกขานของบรรดาเหล่าแม่ค้าพาให้บรรยากาศในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่คึกคักกว่าที่เคย

ในขณะที่ชาวเมืองกำลังยิ้มแย้มมีความสุขอยู่นั้น แม่ค้าคนหนึ่งได้ส่งเสียงโวยวายโดดเด่นออกมา จนผู้คนพาแตกตื่นกันมองไปยังนางเป็นจุดเดียวกัน เห็นแม่ค้าผู้นั้นกำลังเอาไม้ไล่ตีหัวขโมย ที่บังอาจฉกไก่ต้มไปทั้งตัว แม้เท้าของนางมีอาการบาดเจ็บแต่ก็รวบรวมกำลังที่มี วิ่งไล่ฟาดฟันหัวขโมยผู้นั้นไปอย่างไม่ลดละ

“หัวขโมย ช่วยข้าด้วย ช่วยจับนังหัวขโมยที” หญิงกลางคนวิ่งไล่ไปพร้อมกับตะโกนดังลั่น หากแต่ไม่มีใครช่วยได้ นางติดตามหัวขโมยปริศนาได้สักระยะ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่เท้า จึงทำให้ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ อีกทั้งหัวขโมยว่องไวรวดเร็วปานสายฟ้า เพียงพริบตาเดียวก็หายลับไป หญิงกลางคนหลับตาลงแล้วยืนหอบครู่หนึ่ง

“หากข้าจับตัวเจ้าได้เมื่อใด จักฉีกเนื้อเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ นังหัวขโมยชั้นต่ำ” หญิงกลางคนอาฆาตด้วยความโกรธ หลังจากพูดจบ จึงถอดใจแล้วกลับไปร้านด้วยอาการกะเผลกไม่สู้ดีนัก ท่ามกลางเสียงประทัดยังคงจุดเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกความสุขของผู้คนในเมืองได้เป็นอย่างดี

ถัดจากตัวเมืองอันกว้างใหญ่ออกไปได้ไม่ไกลนัก หัวขโมยก็วิ่งลัดเลาะกลับมายังศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาเร้นห่างจากผู้คน หญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดปี ถกผ้าคลุมศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับดอกเหมย นางมีดวงตากลมโตแลขนตาเป็นแพยาว เรียวปากจิ้มลิ้มอมชมพู อีกทั้งผิวกายขาวละเอียดผุดผ่อง แม้อาภรณ์ที่สวมใส่จะขาดวิ่นด้วยเพราะเป็นชุดที่นางขโมยมาเมื่อหลายปีก่อน

หลันฮวาค่อย ๆ ล้มตัวลงนั่งหอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้กับศาลเจ้านั้น พลางจับไก่ต้มที่ได้ขโมยมาขึ้นมอง แล้วจับคอมันตั้งขึ้น

“วันนี้ผู้คนในเมืองต่างมีความสุข คงมีเพียงข้ากับเจ้าเท่านั้นกระมัง ที่มิได้รู้สึกตื่นเต้นกับเทศกาลนี้เท่าใดนัก แต่เอาล่ะ วันนี้ข้าก็ขอบใจเจ้า ที่เสียสละชีวิตเพื่อให้ข้าได้ลิ้มรสหวาน ๆ” หญิงสาวใช้มือจิ้มไปหัวของไก่ต้มตัวนั้น แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข สายลมกลางหุบเขาพัดโชยมาให้หลันฮวาพอมีแรงลุกขึ้นเดินกลับไปยังศาลเจ้า

หลังจากเข้ามาในศาลเจ้าซึ่งใช้เป็นที่หลบภัย หลันฮวาหันมองดูให้แน่ใจ เมื่อพบว่าไม่มีผู้ใดตามมาจึงรีบปิดประตูศาลเจ้าในทันที นางเดินกลับเข้ามานั่งลงบนกองฟางพร้อมกับไก่ต้ม

“นาน ๆ จักได้กินอาหารเลิศรสเช่นนี้ ขอข้ากินให้จุใจทีเถิด” นางยกไก่ขึ้นมาอย่างไม่รีรอ แล้วกัดกินด้วยความหิวโหย ร่างบางนั่งแทะไก่ทั้งตัวด้วยความเอร็ดอร่อย

ภายในศาลเจ้าที่เก่าจนไม่รู้ว่าจะพังลงมาเมื่อใด นางใช้เป็นที่หลบฝนและผู้คนมานานหลายปี หลายครั้งนางนึกโกรธชะตาของตัวเอง ที่กลายเป็นหัวขโมยให้ผู้อื่นสาปแช่ง แต่ด้วยความอดอยาก หากไม่ทำเช่นนี้มีฤาจะรอดชีวิตมาได้

หญิงสาวยังคงมีความสุขอยู่กับรสชาติของไก่ต้ม นางใช้ฟันฉีกแล้วเคี้ยวกลืนในเวลาอันรวดเร็ว สิ่งของหลายอย่างที่กองอยู่ด้านในนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่นางขโมยมาทั้งสิ้น ด้วยความอยู่รอดและขาดการอบรมจึงทำให้หลันฮวามีนิสัยโกหกแลปลิ้นปล้อนจนไม่น่าคบหา