ตอนที่ 3 แรกพบสบตา
ธีร์ หนุ่มหล่อนักธุรกิจวัยย่างสามสิบเดินเข้ามาในห้องประชุมที่มีคณะกรรมการนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
การประชุมใหญ่ครั้งนี้เป็นการสรุปยอดขายอัลบั้มรายเดือนของศิลปินในค่าย
นักร้องทุกคนทั้งเดี่ยวและกลุ่มต่างก็ทำยอดได้เป็นที่น่าพอใจตามเป้า ยกเว้นก็แต่วง BELOVED เกิร์ลกรูปล่าสุดของบริษัทที่ยอดขายอัลบั้ม รายได้จากการถ่ายรูปคู่ และกำไรในการขายของที่ระลึกต่าง ๆ ดิ่งปักลงเหวทุกไตรมาสจนแดงเถือก แม้ว่าจะได้ออกอัลบั้มแรกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแต่กระแสก็ไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครจ้างไปร้องเพลงจนค่ายต้องควักทุนออกเองทุกครั้ง เพื่อให้ศิลปินวงนี้ได้มีโอกาสขึ้นโชว์ตามงานต่าง ๆ บ้าง
“เปิดตัวอัลบั้มแรกกระแสไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ ที่ผ่านมาก็เห็นว่าขาดทุนยับแทบทุกเดือน คุณปรียาดามีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างครับ” ธีร์ถามผู้จัดการวง BELOVED ขึ้นเมื่อฟังรายงานจนจบ
เขาเพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกาด้านบริหารธุรกิจ แม้จะเรียน ๆ เล่น ๆ แต่ก็เข็นตัวเองจนจบได้ในวัยยี่สิบแปดปี แล้วกลับมาทำงานในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่กับครอบครัว
“ฉันเสนอว่าเราควรจะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์วงค่ะ ตอนนี้ค่าเฉลี่ยอายุของเมมเบอร์ก็ยี่สิบกว่า ๆ กันแล้ว อาจจะไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ใสซื่อบริสุทธิ์ ซิงเกิลหน้าเราควรจะปรับให้ดูโตขึ้นดีไหมคะ”
“น่าสนใจดีนะครับ แล้วแนวไหนที่คุณอยากทำ” ชายหนุ่มถามต่อ
“ฉันว่าให้ฉีกแนวไปเซ็กซีเลยค่ะ”
“มีใครมีความคิดเห็นเพิ่มเติมไหมครับ” ธีร์หันไปมองคนอื่นรอบโต๊ะประชุมที่มีฝ่ายบริหารและผู้จัดการราว ๆ สามสิบคน ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“ผมเห็นด้วยครับ งั้นให้ธีร์รับผิดชอบโพรเจกต์หน้าของวงนี้ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลยุทธ์แล้วกันนะ นายโอเคไหม” ธาม ประธานกรรมการของบริษัท และเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของธีร์เสนอขึ้น ก่อนจะหันไปถามความสมัครใจของน้องชาย
“ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา” ธีร์เองก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานชิ้นแรกเหมือนกัน
“มีใครจะเสนออะไรอีกไหมครับ...งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอยุติการประชุมเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณทุกท่านมากครับ” ธามลุกขึ้นกล่าวปิดการประชุม ก่อนที่คนทั้งหมดจะทยอยเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยวก่อนครับคุณปรียาดา ผมขอข้อมูลของวงนี้อย่างละเอียดทางอีเมลนะครับ”
“ได้ค่ะ แล้วฉันจะรีบส่งไปให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ไม่ถึงชั่วโมงก็มีแจ้งเตือนในกล่องจดหมายขาเข้าของเขา ธีร์เปิดอ่านประวัติอย่างละเอียดของวง BELOVED ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ไล่มาจนถึงแนะนำสมาชิกวงแต่ละคน สายตาคมสะดุดที่รูปของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้น และริมฝีปากรูปกระจับแดงระเรื่อ ความสวยของเธอดึงดูดความสนใจเขาให้อยากรู้จักในทันที ก่อนจะเลื่อนสายตาลงอ่านข้อมูลเธออย่างเงียบ ๆ
นางสาวณัฐธิดา ลี้รัตนชัย อายุยี่สิบสามปี ส่วนสูงร้อยห้าสิบ น้ำหนักสี่สิบ ตำแหน่งเมนแดนซ์ของวง ความสามารถพิเศษคือภาษาอังกฤษ ชอบทำอาหารเป็นงานอดิเรก
ธีร์คิดในใจว่าคนนี้แหละไทป์เขา อยากจะขอบคุณพี่ชายที่โยนงานนี้ให้จริง ๆ เธอจะต้องเสร็จเขาเหมือนกับดารานางแบบคนอื่น ๆ เพราะเขาชอบสาวตัวเล็กแต่หน้าอกใหญ่แบบนี้ เห็นทีไรก็อดเข้าไปจีบไม่ได้ทุกที ว่าแล้วร่างสูงก็วางแผนชั่วในหัวเพื่อให้เธอตกเป็นของเขาโดยเร็วที่สุด โดยชายหนุ่มลืมไปเสียสนิทเลยว่าเป้าหมายที่ได้รับมอบหมายมาคือให้ช่วยทำให้วงนี้มียอดขายดีขึ้นต่างหาก
เมื่อถึงเวลาสี่โมงเย็น ณัฐธิดาที่นั่งต่อเลโก้กับเด็ก ๆ ก็เข้าไปลาแพรววนิตเพื่อเตรียมตัวไปห้องซ้อม
“เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งนะ” แพรววนิตบอกพี่เลี้ยงสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ ไนน์ไปรถเมล์ก็ได้ค่ะ” แม้จะเป็นศิลปินแล้ว นอกจากเวลาไปออกงานที่มีรถตู้ของบริษัทคอยรับส่ง ณัฐธิดาก็เดินทางด้วยรถเมล์ประจำ
“อย่าเลย เดี๋ยวไปไม่ทัน ตอนนี้รถเมล์คนแน่นด้วย”
“จริงด้วย ขอบคุณมาก ๆ นะคะ น้องพี น้องพุฒิ พี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ครับ” ณัฐธิดาโบกมือลาเด็กทั้งสองที่ยังต่อเลโก้กันอยู่
“แล้วมาเล่นกันใหม่ค้าบ”
“บ๊ายบายค้าบพี่ไนน์”
“สวัสดีค่ะพี่แพรว” หญิงสาวหันไปไหว้ลาเจ้านาย
“จ้า เจอกันพรุ่งนี้ เดี๋ยวพี่โอนค่าแรงใส่บัญชีที่ไนน์ให้ไว้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
แพรววนิตโทรเรียกคนขับรถให้ไปส่งณัฐธิดาที่ค่ายเพลง แล้วนั่งมองลูก ๆ เล่นกันต่อระหว่างรอสามีเลิกงาน วันนี้เธอมีเวลานอนกลางวันยาว ๆ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ลูกปิดเทอม ปกติเธอฝากแม่บ้านให้ช่วยดูแลลูกไว้แค่แป๊บเดียวก็ต้องรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เพราะแม่บ้านทุกคนต่างก็มีงานของตัวเองอยู่แล้ว แถมบางทีลูกเธอก็ชอบพูดภาษาอังกฤษขึ้นมาจนแม่บ้านไม่เข้าใจว่าเด็ก ๆ ต้องการอะไร พอมีณัฐธิดาเธอจึงหมดห่วง
แพรววนิตยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปลูก ๆ ทั้งสองแล้วส่งให้สามี เป็นการบอกนัย ๆ ว่าลูกเมียรออยู่ให้รีบเลิกงานได้แล้ว
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงณัฐธิดาก็มายืนอยู่หน้าตึกสูงตระหง่านหลายสิบชั้นที่มีศิลปินดังเดินเข้าออกแทบตลอดเวลา ตอนมาที่นี่ครั้งแรกณัฐธิดาเดินหลงจนเกือบไปออดิชันไม่ทัน โชคดีที่มีผู้ชายคนหนึ่งใจดีพาเธอไปส่งถึงหน้าห้องออดิชันได้ทันเวลา
ตอนนั้นเขายังเป็นแค่เด็กฝึกหัดแต่ตอนนี้กลายเป็นนักร้องดังไปแล้ว เวลาเจอกันทีไรเธอจึงต้องเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่กล้าเข้าไปทักทาย เพราะคิดว่าเขาน่าจะจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ แล้วเธอจะเป็นฝ่ายหน้าแตกเสียเอง อีกอย่างเดี๋ยวคนเอาไปเมาท์ว่าเธอเกาะเขาดังด้วย แค่นี้ก็โดนด่าเยอะแล้ว ขืนมีข่าวว่าไอดอลหญิงสนิทกับผู้ชาย มีหวังต้องโดนแฟนคลับอีกฝ่ายรุมทึ้งจนดับสนิทแน่
ณัฐธิดามัวแต่คิดถึงเรื่องในอดีตเพลินจนชนเข้ากับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งหน้าประตูทางเข้าบริษัท เธอไม่ทันตั้งตัวจึงเซจนเกือบล้มลง ดีที่เขาคว้าเอวเธอไว้ได้ทันแล้วออกแรงดึงจนร่างบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด
“ขอโทษค่ะ เป็นอะไรไหมคะ” ณัฐธิดาเงยหน้าขึ้นมอง
ผู้ชายตรงหน้าผิวขาวดูสะอาดสะอ้าน ผมสีนิล ดวงตาเรียวคมสีเดียวกับเส้นผม จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากอมชมพูราวผู้หญิงที่กำลังอ้าค้างเล็กน้อย
“มะ ไม่เป็นไรครับ”
ธีร์ถึงกับลมหายใจสะดุดกึก ใบหน้าสวยหวานของเธอตรึงสายตาเขาเอาไว้จนไม่อาจละไปไหนได้ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ
ตัวจริงสวยยิ่งกว่าในรูปซะอีก
ร่างนุ่มนิ่มที่แนบชิดกันอยู่ทำให้เขาได้กลิ่นหอมจาง ๆ เธอสูงแค่ไหล่เขาเท่านั้นเอง และนั่นยิ่งทำให้หญิงสาวดูน่าทะนุถนอมจนเขาไม่อยากปล่อยมือ
“เอ่อ ปล่อยได้แล้วค่ะ” ณัฐธิดาเอ่ยทัก ก่อนจะยืนทรงตัวเมื่อเห็นเขานิ่งไปชั่วขณะหลังจากตอบเธอ โดยที่มือใหญ่ยังคงโอบรอบเอวเล็กไว้แน่น
“ขอโทษครับ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เมื่อรู้ตัวธีร์ก็รีบปล่อยมือจากเธอราวต้องของร้อน
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอยิ้มให้ตามมารยาทแล้วรีบเดินจากมาอย่างสุภาพ ก่อนจะเข้าไปในตึกแล้วใช้บัตรพนักงานทาบบนประตูปีกผีเสื้อให้เปิดออก เธอเดินไปกดลิฟต์ข้างในตัวอาคาร ประตูลิฟต์เปิดออกทันทีโดยไม่ต้องยืนรอ ณัฐธิดาจึงสาวเท้าเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
“รอด้วยครับ”
เธอรีบกดเปิดประตูลิฟต์ให้เขาเข้ามาด้วย พลางนึกในใจว่ารู้สึกคุ้นหน้าเขาจากที่ไหนสักแห่ง
“ชั้นไหนคะ”
“ชั้นห้าสิบครับ ขอบคุณครับ”
เมื่อเธอรู้ว่าเขาขึ้นไปชั้นผู้บริหารก็นึกออกแล้วว่าเขาคือหนึ่งในทายาทของบริษัทนี้ที่เพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เพราะเพื่อนร่วมวงของเธอเคยเอารูปเขาที่โดนซุบซิบตามหน้าข่าวบันเทิงมาให้ดู ผู้ชายคนนี้ได้ฉายาว่าเป็นไฮโซที่ควงสาวแทบไม่ซ้ำหน้า แต่ถึงอย่างนั้นผู้หญิงสวย ๆ ก็เลือกที่จะเข้าหาเขาอยู่ดี
ลิฟต์เลื่อนขึ้นไปชั้นบนเรื่อย ๆ ณัฐธิดาขยับตัวออกห่างชายหนุ่มจนชิดผนังลิฟต์ด้านหนึ่ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกแล้วมีพนักงานคนอื่นจากชั้นศูนย์อาหารกรูกันเข้ามานับสิบคน
ทว่าก่อนที่คนตัวเล็กจะโดนเบียดจนแบน จู่ ๆ ก็มีมือแข็งแรงดึงต้นแขนเธอให้สลับที่ไปยืนอยู่ข้างหลังร่างสูงใหญ่ราวกับกำแพงแทน
แค่เห็นแผ่นหลังกว้างณัฐธิดาก็จำได้ว่าเขาคือคนที่เธออยากถอยห่างเมื่อกี้ แทบไม่เชื่อสายตาว่าคนระดับนั้นจะมาสนใจพนักงานต๊อกต๋อยอย่างเธอ หรือบางทีเขาอาจจะทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนอยู่แล้วก็ได้
เมื่อขึ้นไปชั้นที่สูงขึ้นคนก็เริ่มเบาบางลง ธีร์ขยับออกห่างเพื่อให้คนตัวเล็กข้างหลังได้หายใจสะดวกขึ้น
ณัฐธิดายิ้มและผงกศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณเขาขณะก้าวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นของเธอพอดี ทำเอาคนใจง่ายหัวใจเต้นรัวราวจังหวะกลองชุดจนกลัวคนอื่นภายในลิฟต์ที่เงียบเชียบแบบนี้จะได้ยินเข้า ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อได้เจอกับผู้หญิงที่ราวกับนางในฝันตัวเป็น ๆ จะทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
ธีร์มองส่งหญิงสาวที่เล็งไว้จนประตูลิฟท์ปิดลง ที่จริงฝ่ายบริหารมีลิฟต์ส่วนตัวที่พนักงานทั่วไปใช้ไม่ได้ แต่การเสียเวลาในลิฟต์วันนี้ก็คุ้มค่าแล้ว เพราะเขาได้โชว์เท่เหมือนพระเอกซีรีส์ต่อหน้าเธอ และหวังว่าเธอจะประทับใจฉากที่เขาเอาตัวบังคนให้เมื่อกี้ ร่างสูงยืนยิ้มมุมปากเล็ก ๆ อย่างอารมณ์ดีจนไปถึงชั้นของตัวเอง
