ตอนที่ 4 จูบแรก
“วันนี้พี่มีเรื่องสำคัญจะแจ้ง”
ปรียาดาพูดขึ้นพลางเปิดประตูเข้ามาในห้องซ้อม เรียกความสนใจจากทุกคนที่กำลังซ้อมเต้นหน้ากระจกเงาบานใหญ่ได้เป็นอย่างดี ณัฐธิดาจึงเดินไปปิดเพลง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ น้ำเสียงจริงจังมากเลย” ของขวัญ น้องเล็กวัยสิบแปดของวงเอ่ยถามเป็นคนแรก
“เมื่อเช้าฝ่ายบริหารประชุมกันแล้วลงมติว่าพวกเราจะต้องเปลี่ยนคอนเซ็ปต์วงให้น่าสนใจขึ้นน่ะ”
“เปลี่ยนเป็นแบบไหนเหรอคะพี่ดา” พริมถามอย่างตื่นเต้น
“เราจะปล่อยซิงเกิลใหม่ด้วยลุกเซ็กซีในเดือนหน้า ระหว่างนี้จะมีคนสำคัญมาช่วยวางแผนการตลาดให้พวกเราด้วย พี่อยากให้ทุกคนเชื่อฟังและทำตามคำแนะนำของเขา อย่าดื้อล่ะ”
“ใครเหรอคะ” ญาณินถามหลังอีกฝ่ายพูดจบ
“คุณธีร์ ประธานฝ่ายกลยุทธ์น่ะ”
“ฮะ? จริงเหรอคะ แบบนี้เราก็จะได้คุยกับเขาบ่อย ๆ หรือเปล่า” พริมถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
“น้อย ๆ หน่อยพริม พี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะลงมาคุมเองหรือเปล่า อาจจะส่งเลขามาเป็นตัวแทนก็ได้”
“ก็ดีนะคะ เราจะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง”
ณัฐธิดาไม่ได้สนใจชื่อของเขาเท่าไหร่ แต่สนใจประเด็นหลักคือคอนเซ็ปต์ใหม่ของวงมากกว่า
“พรุ่งนี้งดซ้อมหนึ่งวันเพราะจะมีถ่ายแบบปกนิตยสารตอนเย็นนะ เจอกันที่นี่เวลาเดิมแล้วนั่งรถตู้ไปพร้อมกัน วันนี้หมดเวลาซ้อมแล้ว กลับบ้านกันดี ๆ นะทุกคน” ปรียาดาบอกเด็กในสังกัดให้เลิกซ้อมเพื่อแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ณัฐธิดาบอกลาทุกคนก่อนจะเดินแยกไปเข้าห้องน้ำคนเดียว เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเธอจึงลงไปชั้นหนึ่งเพื่อไปยืนรอรถเมล์ที่หน้าบริษัท แต่ทันทีที่ประตูอัตโนมัติหน้าตึกเปิดออก
ซ่า...
สายฝนห่าใหญ่เทลงมาจากท้องฟ้าที่มืดครึ้มโดยที่ณัฐธิดายังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เธอออกไปไม่ได้เพราะไม่ได้พกร่มมา หญิงสาวหันหลังกลับเดินเข้ามาในตึกเหมือนเดิม นาฬิกาเรือนใหญ่บนผนังโชว์ว่าเวลานี้สามทุ่มกว่าแล้ว รถเมล์คันสุดท้ายหมดตอนสี่ทุ่ม แต่ฝนดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกง่าย ๆ เลย
เธอหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงวอร์มเพื่อเช็กดูเงินในบัญชีธนาคารว่าเหลือเท่าไหร่เผื่อจะต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านจริง ๆ ตอนนี้ใกล้สิ้นเดือนแล้ว เงินที่แพรววนิตโอนให้รวมกับเงินเดือนที่เหลืออยู่รวมกันแล้วไม่ถึงหนึ่งพันบาท ถ้าจ่ายค่าแท็กซี่ไปข้าวเที่ยงคงต้องกินมาม่าตั้งแต่พรุ่งนี้
ณัฐธิดาถอนหายใจอย่างแรงเพราะรู้สึกเวทนากับชีวิตตัวเอง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนที่กำลังตกกระหน่ำออกไปรอที่ป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าบริษัทไปร้อยเมตร
เมื่อมาถึงที่หมายร่างบางก็ตัวเปียกโชกไปครึ่งตัว มือเล็กปัดเส้นผมที่ปรกหน้าออก หยดน้ำที่ไหลจากผมซึมหายไปในเสื้อจนชุ่มกว่าเดิม แต่เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้ว หวังแค่ได้กลับบ้านไปพักผ่อนเร็ว ๆ เป็นพอ
ณัฐธิดานั่งรอไปชั่วโมงกว่าก็ไม่มีสายที่เธอต้องการขึ้นผ่านมาเนื่องจากฝนทำให้รถติดหนักมาก แทบไม่ขยับเลย ตอนนี้ฝนซาไปมากจนเหลือตกแค่ปรอย ๆ ทำให้หญิงสาวตัดสินใจที่จะเดินแทน เพราะขืนยืนรอเหมือนเดิมก็เสียเวลาเปล่า ป้ายรถเมล์ข้างหน้าที่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จะมีรถเมล์หลายสายขับผ่าน น่าจะมีตัวเลือกมากกว่าป้ายนี้ แต่ยังไม่ทันก้าวออกไปเกินสามก้าว รถยนต์ที่จอดอยู่ชิดทางเท้าก็ลดกระจกฝั่งข้างคนขับลงมา
“ไนน์ จะไปไหน ขึ้นมาสิ”
เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นทำให้ณัฐธิดาหันไปมองทันที เธอเพ่งมองใบหน้าหล่อคมที่ยื่นมาเรียกชื่อเธอจากฝั่งคนขับก็จำได้ทันทีว่าเขาคือธีร์ ผู้ชายที่เจอกันเมื่อเช้า ไม่รอช้าร่างบางรีบเดินมาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับขึ้นมาไปนั่งบนรถยุโรปคันหรู
ตั้งแต่จำความได้ถึงแม้แม่จะสอนว่าอย่าขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด แต่ตอนนี้เธอรู้จักเขาแล้ว อีกไม่นานคงได้ร่วมงานกัน และเขาก็ยังเป็นเจ้านายของเธออีกด้วย น่าจะไว้ใจได้กว่าขึ้นแท็กซี่ด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะคุณธีร์”
“จะไปไหนเหรอ”
เขาไม่แปลกใจที่เธอรู้จักเขาโดยไม่ทันได้แนะนำตัว เพราะผู้หญิงทั้งบริษัทก็ต้องรู้จักเขากันทั้งนั้น
“กลับบ้านค่ะ คุณธีร์ส่งไนน์ที่ป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้นะคะ”
“บ้านคุณอยู่ตรงนั้นเหรอ” เขาแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวไนน์ขึ้นรถเมล์จากตรงนั้นดีกว่า”
“ได้ยังไงล่ะ ดูสภาพคุณตอนนี้ซะก่อน”
สายตาคมมองลงไปยังเสื้อยืดสีขาวของอีกฝ่ายที่เปียกแนบไปกับลำตัวด้านหน้า จนมองเห็นชั้นในสีชมพูและเนินอกอวบที่โผล่พ้นบราอย่างชัดเจนจากแสงไฟข้างทาง เขาเพิ่งรู้ว่าเธอซ่อนรูปเพราะตอนนี้เสื้อโอเวอร์ไซซ์ตัวบางแทบไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเลย
“ว้าย อย่ามองนะคะ” หญิงสาวมองตามสายตาเขาก่อนจะรีบเอามือกอดอก
“ให้ผมไปส่งดีกว่าครับ บอกที่อยู่ของคุณมา”
ณัฐธิดาจำใจต้องบอกทางไปบ้านของเธออย่างไม่มีทางเลือก เมื่อรถจอดติดไฟแดงอีกครั้งธีร์ก็ถอดเสื้อเบลเซอร์ตัวนอกแล้วคลุมทับร่างกายส่วนบนของเธอที่ยังกอดอกอยู่
“ขอบคุณนะคะ”
“คุณตัวเปียกอยู่ ผมลดแอร์ให้นะ”
“ขอบคุณค่ะคุณธีร์” ณัฐธิดายิ้มให้กับความใจดีของเจ้านายหนุ่ม
เขายังไม่ทันได้มองรอยยิ้มของเธอให้เต็มตาก็โดนรถคันหลังบีบแตรไล่เสียก่อน ธีร์จึงต้องรีบหันหน้ากลับไปทางเดิมก่อนจะออกรถ
“พรุ่งนี้มีถ่ายแบบใช่ไหมครับ”
“คุณรู้ด้วยเหรอคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“ผมเป็นคนติดต่อนิตยสารไปเองครับ”
“แล้วเป็นคอนเซ็ปต์แบบไหนเหรอคะ บอกได้ไหม”
“ชุดว่ายน้ำครับ”
“เอ่อ...จะดีเหรอคะ ไนน์ไม่เคยถ่ายรูปชุดว่ายน้ำมาก่อนเลยค่ะ”
“งั้นลองซ้อมโพสต์ท่าให้ผมดูก่อนถ่ายจริงก็ได้นะครับ” ธีร์หันไปบอกคนข้างตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ ไนน์เกรงใจ เดี๋ยวเปิดรูปนางแบบในเน็ตดูก่อนก็ได้” เธอเห็นประกายวิบวับไม่น่าไว้ใจในดวงตาของเขาแวบหนึ่ง
ไม่นานรถยนต์ก็แล่นมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กสองชั้น หลังคาสีส้มอิฐ ปิดไฟมืดทั้งหลังยกเว้นหน้าบ้าน เพราะเวลานี้พ่อแม่ของเธอเข้านอนกันแล้ว
“หลังนี้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ณัฐธิดายื่นเสื้อคลุมคืน
“งั้นผมของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ”
แทนที่จะหยิบเสื้อคลุมไปเขากลับปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกแล้วโน้มตัวเข้าหาหญิงสาว ฝ่ามือใหญ่ยื่นไปจับท้ายทอยเล็กให้เงยหน้า ก่อนจะฉกริมฝีปากหนาเข้าประกบอย่างรวดเร็ว
“อื้อ ทำอะไรคะ”
ดวงตากลมเบิกโพลงอย่างตกใจ ปล่อยมือออกจากเสื้อคลุมที่ถืออยู่แล้วใช้มือทั้งสองข้างดันอกล่ำสันออกห่าง
“ค่ารถไงครับ”
“คนฉวยโอกาส”
“ว่าเจ้านายแบบนี้ได้ยังไง หรืออยากโดนทำโทษ”
“อย่าหักเงินเดือนไนน์เลยนะคะ” ณัฐธิดารีบเปลี่ยนโทนเสียงเป็นอ้อนวอนแทน
“ไม่หักหรอก ตอนนี้ขอทำโทษด้วยวิธีของผมก่อน”
กล่าวจบธีร์ก็รวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว อีกมือจับท้ายทอยบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากหนาพรมจูบหนัก ๆ ไปทั่วดวงหน้าสวย เส้นผมที่เปียกน้ำทำให้เธอดูเซ็กซีกว่าปกติ เขาไล่สัมผัสลงมาที่ซอกคอระหง สูดดมกลิ่นหอมของเธอเข้าเต็มปอด พยายามห้ามใจไม่ให้มุดหน้าซุกลงกับสิ่งล่อตาล่อใจขนาดใหญ่สองลูกตรงหน้า
“ปล่อยได้แล้วค่ะ” ณัฐธิดาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อได้สติ
“โอเค ๆ รีบกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำนะครับ เดี๋ยวเป็นปอดบวม”
เขามองลงไปที่หน้าอกอิ่มเมื่อพูดคำว่า‘ปอดบวม’ออกมา ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“ไนน์ไปก่อนนะคะ ขับรถกลับดี ๆ ค่ะ”
ณัฐธิดารีบเปิดประตูรถแล้วไขกุญแจประตูใหญ่หน้าบ้าน ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว หลังจากวิ่งมาจนถึงห้องนอนแล้วเธอก็ยืนนิ่ง ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างลูบแก้มแดงที่กำลังเห่อร้อน
นี่เป็นจูบแรกของเธอ แถมกับเจ้านายจอมเจ้าชู้ที่เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียวอีก
เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า
ชายหนุ่มมองตามหลังร่างบางที่วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าบ้านไป เขาคิดว่าคงต้องค่อย ๆ เดินหน้าจีบเธอให้คุ้นเคยกับสัมผัสของเขาไปทีละนิด โดนแค่นี้ยังตกใจจนตาถลน ถ้าวันไหนเขาเผลอใจร้อนขึ้นมาจะไม่เป็นลมเลยเหรอ
