ยัยไอดอลตกอับคนนี้ต้องเป็นของผม

101.0K · ยังไม่จบ
Jolene โจลีน
40
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่เห็นเพียงรูปถ่าย จากภารกิจชุบชีวิตวงไอดอลจึงกลายมาเป็นภารกิจรัก

นิยายรักโรแมนติกประธานรักหวานๆรักแรกพบเศรษฐีวงบันเทิง25+

ตอนที่ 1 ไอดอล

“ขอโทษนะคะ ทำอะไรอยู่เหรอคะ”

ณัฐธิดาเอ่ยถามชายวัยกลางคนที่กำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ แถวห้องแต่งตัวศิลปิน เธอแต่งหน้าแต่งตัวพร้อมแล้วสำหรับงานมินิคอนเสิร์ตเปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลังเดินออกมาจากห้องน้ำก็เจอชายคนนี้เดินป้วนเปี้ยนหน้าห้องแต่งตัวที่ติดป้ายว่าห้ามบุคคลภายนอกเข้า

เขาสะดุ้งโหยงแล้วหันมายิ้มอย่างเป็นมิตรให้เธอ

“อ๋อ ไม่มีอะไรครับ พอดีพี่เป็นแฟนคลับพวกน้องอยู่ เลยอยากมาขอลายเซ็นครับ”

“แล้วทำไมไม่รอให้งานเริ่มคะ”

“เอ่อ...พี่มีธุระด่วนน่ะ ยังไงน้องไนน์ช่วยเซ็นให้หน่อยได้ไหมครับ” เขาละล่ำละลักบอก ก่อนจะหยิบอัลบั้มเพลงและปากกาเมจิกออกมาจากกระเป๋าสะพาย

“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ คราวหน้าเจอกันช่วงแจกลายเซ็นหน้าเวทีดีกว่าค่ะ” ณัฐธิดายิ้มให้พลางกล่าวอย่างสุภาพ

“ได้เลยครับ ขอบคุณมากครับ”

เธอรับอัลบั้มและปากกามาจากเขา แล้วรีบเซ็นให้บนปกอัลบั้มที่เพิ่งปล่อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของวง BELOVED ซึ่งเธอมีเป็นหัวหน้าวง

“พี่ชื่ออะไรคะ” ณัฐธิดาเอ่ยถาม

“เกรียงไกรครับ”

หญิงสาวเขียนขอบคุณให้เขาสั้น ๆ ก่อนจะยื่นอัลบั้มเพลงกับปากกาคืน

“คือ...พี่ขออะไรเพิ่มอีกอย่างได้ไหมครับ”

“ยินดีค่ะ ถ้าไนน์ให้ได้นะคะ”

“ขอซื้อต่อกางเกงในหนูได้หรือเปล่า เอาตัวที่กำลังใส่อยู่ตอนนี้เลย จะได้ไม่ต้องซัก”

เธอได้แต่อ้าปากค้าง แทบจะไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน พลางมองคนตรงหน้าเต็ม ๆ ตา ภายนอกเขาก็ดูเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่สุภาพภูมิฐาน จนเมื่อเอ่ยประโยคเมื่อสักครู่ออกมา

ณัฐธิดาข่มความโกรธไว้ในใจเพราะเธอเป็นไอดอล เป็นบุคคลสาธารณะ ไม่สามารถด่าให้เสียภาพลักษณ์ได้

“คงไม่ได้หรอกค่ะ ขอตัวนะคะ”

“นี่กำลังเล่นตัวเพื่ออัปราคาเหรอ งั้นพี่ให้ห้าพัน” เขาพุ่งไปคว้าแขนเธอที่กำลังจะเดินผ่านเข้าห้องแต่งตัว

“ปล่อยค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์จับตัวหนูนะคะ ไม่งั้นหนูจะร้องให้คนช่วย และแจ้งความที่คุณมาคุกคาม” เธอสะบัดแขนออกอย่างแรงจนหลุดจากการจับกุม

“ใจเย็น ๆ นะ งั้นพี่เสนอหนึ่งหมื่นเป็นไง”

“สงสัยคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว กลับไปซะเถอะค่ะ อย่ามาทำตัวหื่นกามแถวนี้” เธอพยายามที่จะไม่เสียมารยาทแล้ว แต่ก็อดไล่เขาไม่ได้จริง ๆ

“งั้นแลกไลน์กันไว้ดีกว่าไหม เผื่อวันไหนหนูเปลี่ยนใจขึ้นมาจะได้ติดต่อหาพี่ได้” เขายังไม่ยอมแพ้

“ไม่เปลี่ยนใจแน่นอนค่ะ!” ณัฐธิดากระแทกเสียงใส่อย่างเหลืออด

“มีเรื่องอะไรกัน เสียงดังไปถึงข้างในเลย” ปรียาดา ผู้จัดการวงเปิดประตูออกมาถาม

“ก็ผู้ชายคนนี้สิคะ มาขอซื้อกางเกงในหนู ขนาดปฏิเสธไปแล้วยังไม่ยอมฟังเลย”

“พี่แค่จะให้รายได้เสริมเท่านั้นเอง หนูนี่หยิ่งจริง ๆ วงก็ไม่ดังแต่ยังเล่นตัวขนาดนี้ ขอให้อยู่รอดจนถึงปีหน้าละกันนะ ไปล่ะ” เขายิ้มหยันแล้วหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าณัฐธิดาจะเสียงดังจนเรียกคนอื่นมาอีก

“จะไปต่อปากต่อคำกับเขาทำไม ทีหลังถ้าไม่ชอบก็มาบอกพี่สิ”

“คะ? เป็นใครก็ต้องไม่ชอบอยู่แล้วนี่คะ”

“ก็ไม่เสมอไปหรอก”

“หมายความว่ายังไงเหรอคะ” ณัฐธิดามองท่าทีอ้ำอึ้งของผู้จัดการสาว

“ไอดอลอยู่ได้ด้วยแฟนคลับนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาคอยซัปพอร์ต วงเราคงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้ อะไรหาเงินได้และไม่ผิดกฎหมายก็ทำ ๆ ไปเถอะน่า”

“หนูอยากเป็นศิลปินที่ใช้ความสามารถค่ะ”

“เฮ้อ ตอนนี้เธออาจจะยังไม่เข้าใจนะว่าอุดมการณ์กินแทนข้าวไม่ได้หรอก” ผู้จัดการสาวส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“งั้นพี่จะให้หนูถอดกางเกงในแลกเงินเหรอคะ”

“เอาล่ะ ๆ พี่ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเธอแล้ว อย่าลืมว่าตอนนี้สถานการณ์ของเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ในฐานะหัวหน้าวง เธอต้องเป็นเสาหลักให้ได้มากกว่านี้นะ”

“ค่ะ หนูจะทำงานให้หนักขึ้น”

“รีบไปเตรียมตัวหลังเวทีได้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปตามคนที่เหลือก่อนนะ” ปรียาดาเดินกลับเข้าห้องไป

ณัฐธิดาเดินไปรอเพื่อนคนอื่น ๆ ที่หลังเวทีพลางเช็กความเรียบร้อยของตัวเอง เมื่อสมาชิกมากันครบห้าคนแล้วทั้งหมดจึงทำการแตะมือบูมกันเล็กน้อย เพื่อเรียกกำลังใจก่อนขึ้นเวทีตามธรรมเนียมของวง

ที่ที่พวกเธอขึ้นแสดงเป็นภายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ต้นสังกัดจ่ายค่าโฆษณาและเช่าสถานที่ให้วงของเธอได้เปิดตัวอัลบั้มเพลงชุดแรกในวันนี้

พวกเธอเริ่มเดินเรียงแถวกันขึ้นเวทีเมื่อพิธีกรประกาศเรียก พร้อมกับเสียงดนตรีที่เริ่มดังขึ้น สมาชิกในวงเลือกร้องเพลงไตเติลที่ใช้โพรโมตอัลบั้มชุดนี้ก่อนเป็นเพลงแรก ตามด้วยเพลงอื่นอีกสองเพลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพลงป๊อปจังหวะเร็วที่เน้นการเต้นด้วยท่าทางน่ารักตามคอนเซ็ปต์วง

ระหว่างทำการแสดงก็มีคนที่เดินผ่านไปมาหยุดยืนดูและยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปของพวกเธอบ้างประปราย ซึ่งไอดอลสาวแต่ละคนก็งัดทุกสกิลที่มีอยู่เพื่อตกคนดูให้ได้มากที่สุด

ถึงแม้นี่จะเป็นอัลบั้มแรก แต่พวกเธอก็เดบิวต์มาเป็นเวลาสองปีกว่าแล้ว ถือว่าไม่ใช่วงน้องใหม่อะไร โชคร้ายที่ตอนนั้นมีค่ายเพลงเกาหลียักษ์ใหญ่หลายค่ายเดบิวต์ศิลปินช่วงเดียวกันพอดี ทำให้วง BELOVED ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เพราะถูกแย่งพื้นที่สื่อไปจนหมด

ซิงเกิลแรกที่ปล่อยออกมาก็ดันไปคล้ายกับศิลปินเกาหลีรุ่นพี่หลายวงจนโดนคนด่าว่าเป็นของก็อป แต่พวกเธอก็กอดคอกันเผชิญกับกระแสต่อต้านต่าง ๆ จนผ่านมันมาได้

ณัฐธิดาที่อายุยี่สิบสามปีซึ่งถือว่ามากที่สุดในวง คอยให้กำลังใจและช่วยน้อง ๆ ซ้อมร้องซ้อมเต้น เพราะคนอื่นยังเป็นนักศึกษากันอยู่ จึงไม่ค่อยมีเวลาว่างแบบเธอ

ณัฐธิดาเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ในมหาวิทยาลัยเปิด เลยมีเวลาว่างตั้งแต่สมัยเรียน จนสำเร็จการศึกษาได้ภายในสองปีครึ่ง จากนั้นเธอก็สมัครเป็นไอดอลตามความฝัน แม้ฝันจะเป็นจริงช้าไปหน่อย แต่ก็ยังโชคดีที่ออดิชันผ่านในวัยยี่สิบนิด ๆ

ก่อนหน้านี้สมัยยังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เธอเคยออดิชันไปหลายที่แล้วแต่ก็ไม่เคยผ่านสักที จนคิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ติดอีกก็คงต้องส่งเรซูเมไปที่บริษัทต่าง ๆ เพื่อหางานประจำทำ แต่สุดท้ายเธอก็ผ่านการคัดเลือกของค่ายใหญ่จนได้

ระหว่างฝึกซ้อมณัฐธิดาต้องทำงานพาร์ตไทม์หลายอย่างในตอนกลางวัน ส่วนช่วงเย็นก็ต้องรีบนั่งรถเมล์ไปซ้อมที่บริษัทจนดึกดื่นแทบทุกคืนเพื่อหาเลี้ยงชีพ เพราะครอบครัวไม่ได้มีเงินคอยซัปพอร์ต แม้กระทั่งค่าเรียนเต้นเธอก็แอบเก็บเงินค่าขนมด้วยการอดข้าวกลางวันโดยไม่บอกให้พ่อแม่รู้ ที่จริงบริษัทมีครูสอนเต้นให้ แต่ณัฐธิดาไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลยไปเรียนจากข้างนอกเสริม เพื่อให้ตามคนอื่นในคลาสให้ทัน

เมื่อเพลงสุดท้ายจบลงทุกคนในวงก็ลงไปแจกลายเซ็นและถ่ายรูปคู่กับแฟนคลับ ซึ่งการถ่ายรูปนี้คือรายได้หลักของวง เมื่อสิ้นเดือนสมาชิกทุกคนจะได้ส่วนแบ่งจากยอดที่มีคนมาถ่ายรูปด้วย เพราะแฟนคลับจะต้องจ่ายตังค์ก่อนเข้ามาต่อแถวขอถ่ายรูปและลายเซ็น

งานถ่ายรูปและแจกลายเซ็นเริ่มตั้งแต่ตอนสิบเอ็ดโมงจนถึงสองทุ่ม มีเวลาให้เหล่าไอดอลสาวพักกินข้าวเที่ยงและเติมหน้าเพียงหนึ่งชั่วโมง

ปกติพวกเธอต้องไปออกงานร้องเพลงทุกสุดสัปดาห์ และเรียกแฟนคลับให้มาถ่ายรูปคู่ด้วยกันจนเลิกค่ำแบบนี้บ่อย ๆ ไม่มีวันหยุดเหมือนอาชีพอื่น

เมื่อถึงเวลาเลิกงานทุกคนจึงเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย แล้วนั่งรถตู้เพื่อกลับไปยังบริษัท

ระหว่างทางณัฐธิดารู้สึกเหนื่อยมากจึงงีบหลับ ก่อนจะตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคุยกันแว่วเข้ามาในโสตประสาท

“พวกเราโดนด่าอีกแล้ว” เสียงพริมซึ่งเป็นนักร้องหลักของวงพูดขึ้นทำลายความเงียบ

“คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ” ญาณินที่นั่งติดกันหันไปสนใจทันที

“ก็เรื่องก๊อปเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ แต่ครั้งนี้แรงกว่าเดิมเพราะโดนด่าเรื่องแอ๊บแบ๊วด้วย”

“อ้าว มันแปลกตรงไหน ก็คอนเซ็ปต์ของวงเราเป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่”

“มีคนด่าว่าแก่แล้วแต่ยังกล้าทำท่าทางแบบนั้นอยู่อีก” พริมเลื่อนอ่านคอมเมนต์ที่คนส่วนใหญ่กดถูกใจ ปกติจะโดนกล่าวหาว่าเลียนแบบศิลปินเกาหลีวงนั้นวงนี้ แต่คราวนี้เหมือนจะโดนหมั่นไส้เพิ่มขึ้น

คำพูดนี้ของรุ่นน้องทำเอาณัฐธิดาลืมตาขึ้นมาทันที สังหรณ์ใจว่าอสจจะเป็นเรื่องของตัวเอง

“ไหน พี่ขอดูหน่อย” เธอพูดพลางยื่นมือไปขอโทรศัพท์จากพริม

ในทวิตเตอร์มีภาพนิ่งและคลิปจากงานเมื่อเช้าที่เพิ่งผ่านมา คนที่ตกเป็นประเด็นก็คือตัวเธอตามคาดจริง ๆ

ณัฐธิดาเลื่อนนิ้วลงไปอ่านคอมเมนต์เรื่อย ๆ ส่วนใหญ่คนวิจารณ์เรื่องอายุและเสียงร้องของเธอที่คล้ายกับเสียงเป็ด

“พี่ไนน์โอเคไหมคะ พริมขอโทษ” พริมถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นรุ่นพี่สาวเงียบไป

“ขอบใจนะ พริมไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องคิดมากหรอก พี่ไม่เป็นไร เดี๋ยวคนก็ลืมกันอยู่ดี” ณัฐธิดายื่นมือถือคืนแล้วเอนหลังพิงเบาะเหมือนเดิม

ที่จริงเธอก็พอจะรู้ตัวว่าไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ เลยพยายามซ้อมหนักมาตลอดสองปีจนแทบไม่ได้นอน ทั้งที่เงินเดือนจากการเป็นไอดอลก็อยู่ที่สองพันนิด ๆ เท่านั้นเอง เนื่องจากเธอเป็นคนที่มีคนชอบน้อยที่สุดในวง ทำให้มียอดผู้ติดตามและมาขอถ่ายรูปคู่น้อยจนรายได้ก็น้อยตามไปด้วย

หญิงสาวปิดเปลือกตาลง กลุ้มใจว่าสัญญาห้าปีที่เซ็นกับบริษัทในตอนนี้ผ่านมาถึงครึ่งทางแล้ว แต่วงก็ยังไม่ไปถึงไหนเลย ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งมีวงเด็ก ๆ เกิดใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วทีนี้เธอควรจะทำยังไงต่อไปดี หรืออาชีพนี้จะไม่เหมาะกับคนอย่างเธอจริง ๆ