Chapter 11 “หึงแต่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้”
“เอ่อ…ฟะฟองวะว่ามันเร็วไปนะคะพี่หมอพะนาย”ตอนนี้ฉันได้แต่ก้มหน้าพูดโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับเขา
“เฮียคิดว่าเวลาไม่ใช้สิ่งสำคัญหรอกนะครับ ขอแค่ให้ใจของหนูฟองตรงกับใจของเฮียก็พอแล้ว หรือหนูฟองไม่ได้ชอบเฮีย!”เขาพูดประโยคสุดท้ายจบ พี่หมอพะนายก็กอดรัดเอวฉันแน่นขึ้นจนรู้สึกอึดอัด
“ไม่ใช่ว่าฟองไม่ได้ชอบพี่หมอพะนายนะคะ แต่ฟองแค่คิดว่าเราสองคนควรที่จะลองศึกษานิสัยใจคอของกันและกันจริงๆ ซะก่อน เผื่อวันหนึ่งพี่หมอรู้จักนิสัยที่แท้จริงของฟองพี่หมออาจจะเลิกชอบฟองไปเลยก็ได้ใครจะรู้”ฉันกำลังพูดตามที่ใจคิดเพราะว่าการที่เราจะรักใครคบใคร เราก็ควรจะรักเขาที่เป็นตัวตนของเขาจริงไม่ใช่แค่รู้จักเขาแค่ผิวเผลอแล้วคิดว่านั้นคือนิสัยจริงๆ ของเขา บางทีถ้าเรารู้จักนิสัยจริงๆ เราอาจรับตัวเขาไม่ได้หรือเขานั่นแหละที่จะรับเราที่เป็นแบบนั้นไม่ได้
“ใครสอนให้พูดประโยคที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัวขนาดนี้หะ ยัยขี้เมาของเฮีย”เขาโยกตัวของฉันที่นั่งอยู่บนตักของเขาไปมาเบาๆ แถมขำหึๆ ในลำคอเหมือนเรื่องที่ฉันกำลังพูดกับเขาเป็นเรื่องที่ตลกมาก
“นี่พี่หมอ ฟองจริงจังอยู่นะ”ฉันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาที่เขาทำเหมือนไม่ได้สนใจกับเหตุผลของฉัน แถมยังมาทำท่าเหมือนฟังเรื่องตลกอะไรสักอย่าง
“โอเคๆ ครับเฮียไม่หัวเราะแล้วก็ได้เอาเป็นว่าเฮียยอมรับการศึกษาดูใจแบบรู้จักนิสัยและตัวตนของเราทั้งสองคนก่อนจะคบเป็นแฟนกันก็ได้ครับหนูฟอง”ฉันอมยิ้มแล้วหยุดขยับตัวให้หลุดจากอ้อมแขนที่เขาโอบเอวของฉันอยู่ แล้วเงยหน้าไปสบตาของเราสบตากันจนฉันรู้สึกว่าใบหน้าของพี่หมอพะนายกำลังจะเคลื่อนเข้ามาจูบฉัน จนฉันต้องยกมือดันหน้าของเขาออก
“หยุดเลยคะ ฟองจะกลับเข้าไปในงานประกวดแล้วไปเตรียมตัวแสดงละครคะ”ฉันดันตัวของพี่หมอพะนายออกเพื่อให้ฉันได้ลุกขึ้นยืนได้
“เดี๋ยวสิครับแต่ระหว่างที่เราศึกษาดูใจกันหนูฟองไม่มีสิทธิ์ไปศึกษาดูใจกับผู้ชายคนอื่นเด็ดขาดเลยนะ”
“ค่ะฟองจะคุยกับพี่หมอพะนายแค่คนเดียว”ฉันยิ้มกว้างเพื่อเอาใจเขาแล้วฉุดให้เขาลุกขึ้นยืน เพื่อที่จะกลับเข้าไปในงานประกวดพร้อมกันจากการประกวดดาวเดือนปรากฏว่าผลของการประกวดเป็นไปตามที่ทุกคนคาดการณ์กันไว้ เพราะผู้ที่ได้รับตำแหน่งเดือนคณะประจำปีนี้คือไบเลย์จากสาขาปิโตรเลียมเคมีและได้รับตำแหน่งดาวคณะคือฟองจันทร์จากสาขาเครื่องกล
ตอนนี้เธอกำลังยืนถ่ายรูปอยู่บนเวทีพร้อมกับรับดอกไม้ที่มีคนที่มาเชียร์เอามาให้ เป็นการให้คะแนนในการแข่งขันขวัญใจของชาวอินทาเนียที่ฟองจันทร์เธอได้รับไปสองตำแหน่งทั้งดาวคณะวิศวกรรมประจำปีนี้และขวัญใจของชาวอินทาเนีย
คำว่า "อินทาเนีย" ได้ถูกนำมาใช้สำหรับนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในความหมายถึง วิศวกรที่กำลังอยู่ในระหว่างการเรียนรู้และมีการใช้ต่อกันมา จนเป็นคำเรียกของนิสิตนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ในปัจจุบัน
“ยินดีด้วยนะเว้ยฟองจันทร์ ฉันคิดแล้วว่ายังไงแกก็ต้องได้ตำแหน่งดาวคณะแน่ๆ”ตอนนี้ฉันลงมาจากบนเวทีแล้วและงานประกวดได้เสร็จสิ้นลงไปเรียบร้อย
“ขอบใจทุกคนมากๆ นะที่พวกเราเหนื่อยด้วยกันมาทั้งซ้อมการแสดงและทำหน้าที่ต่างๆ ในการแสดงละครมนต์รักลูกทุ่งออกมาจนชนะการประกวด ตำแหน่งดาวคณะที่ได้ ฟองจะถือว่าได้มาเพราะเพื่อนๆ ทุกคนในสาขาเครื่องกล”
“อย่างนี่! ต้องไปฉลองกันหน่อยแล้วพวกเรา”ติวเตอร์ที่เป็นหัวแรงในครั้งนี้นัดเพื่อนๆ ทุกคนไปเลี้ยงฉลองที่ร้านหมูกระทะหลังมอ
“ไปกันเลย!!!”จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายเพื่อที่จะไปร้านหมูกระทะหลังมอตามที่ได้ตกลงกันไว้
“พี่หมอพะนาย ไปกินหมูกระทะหลังมอกับพวกเราไหมคะ”ฉันถามพี่หมอพะนายที่เขากำลังยืนคุยกับพี่คิงและพี่เจมส์อยู่ทางออกจากหลังเวที ที่มีรุ่นพี่ผู้หญิงหลายคนในคณะกำลังมองเขาด้วยสายตาอย่างกับจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้วอะไรเนี้ยนี่ไอ้ฟองเป็นดาวคณะแต่รู้สึกว่าผู้ชายที่กำลังตามจีบฉันจะฮอตกว่าฉันซะอีกและเหมือนคนในงานจะรู้จักพี่หมอพะนายกันดีกว่าเขาคือใคร
“ไปไอ้คิงกับไอ้เจมส์ไปด้วยนะ”เขาตอบรับคำชวนของฉันแล้วจับมือฉันไว้แน่น รอบตัวของเราสองคนมีแต่สายตาจับจ้องและเหมือนจะงงๆ กับความสัมพันธ์ของเราสองคน
“แหมน้อยๆหน่อยไอ้หมอพะนาย แกไม่ต้องจับมือน้องฉันแน่นขนาดนั้นหลอกยังไงตำแหน่งดาวคณะก็จารึกไว้บนหน้าอยู่แล้ว เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะไอ้เพื่อนรัก”พี่หน้าโจรป่าพูดล้อเลียนพี่หมอพะนายจนโดนตบหน้าไปหนึ่งทีเต็มๆ
“หุบปากไปเลยไอ้คิงถ้ายังอยากใช้ปากในการกินหมูกระทะ”
“ยินดีด้วยนะครับน้องฟองจันทร์วันนี้น้องสวยมากๆ เลยไปเดทกับพี่ไหม”พี่เจมส์ที่เดินมาใกล้ฉันแล้วยิ้มจนเหมือนหลับตา เพราะปกติตาของพี่เขาก็ตี่อยู่แล้ว
“เสือกของกู!”พี่หมอพะนายที่กำลังเถียงกับพี่คิงอยู่ผลักหัวพี่หมอเจมส์ออกไปไกลๆจากตัวฉัน ที่ยืนยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรออกมานี่ยังไม่ถึงสองชั่วโมงที่ฟองจันทร์ได้รับตำแหน่ง เริ่มต้นจากเพื่อนๆ ของเขาที่แกล้งทำหน้าม่อใส่เธอเขายังหึงจนแทบจะฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ถ้าตัดไปวันจันทร์หน้าที่เปิดเรียนเขาไม่อกแตกตายเลยหรือยังไง
ณ.ร้านหมูกระทะหลังมอ
“ฟองจันทร์แกมานั่งตรงนี้ๆ” แสตมป์ที่กำลังโบกไม้โบกมือให้กับฉันที่กำลังเดินเข้าไปภายในร้านหมูกระทะ
“ได้แสตมป์” ร้านหมูกระทะที่หลังมอจะเป็นร้านที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นมีโคมไฟญี่ปุ่นแขวนประดับอยู่เต็มหน้าร้าน โต๊ะญี่ปุ่นตั้งอยู่ในบริเวณหน้าร้านสำหรับคนที่อยากนั่งบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแต่ภายในร้านก็จะมีโต๊ะและเก้าอี้ไม้เป็นแบบชุดโต๊ะทั่วไปมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สำหรับลูกค้าที่มากิน
ฉันกำลังเดินนำพี่หมอพะนาย พี่คิง พี่หมอเจมส์ ไปยังโต๊ะที่แสตมป์ตะโกนเรียกตั้งแต่อยู่หน้าร้านเป็นโต๊ะชุดที่ใหญ่ที่สุดในร้านคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะประกอบด้วย แสตมป์ ติวเตอร์ นิดหน่อย ป๋องแป้ง บิ๊ก
“นี่สั่งกันยัง” ฉันกำลังนั่งข้างแสตมป์และพี่หมอพะนายก็นั่งลงตรงข้ามกับฉันเพราะฉันนั่งริมสุด ถัดจากพี่หมอก็เป็นพี่คิงกับพี่หมอเจมส์ที่นั่งลงข้างๆ เขา
“กินแบบบุฟเฟ่ต์รอแกกับพี่ๆ มาแล้วไปตักพร้อมกัน”
“งั้นไปตักกันเถอะฟองหิวมาก ตอนนี้เหมือนจะกินช้างทั้งตัวได้แล้ว” ฉันลุกขึ้นเดินไปโซนที่เป็นบุฟเฟ่ต์มีทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อปลา และอาหารทะเล อีกฝั่งจะเป็นผักและเส้นและถัดไปจะเป็นของหวานที่นี่มีไอติมเป็นถังใหญ่ๆ เหมือนที่ขายตามห้างทั่วไป ส่วนน้ำจะมีทั้งน้ำผลไม้ น้ำอัดลมและน้ำเปล่า ให้ลูกค้าได้เลือกตามใจชอบ
“หนูฟองเอาน้ำจิ้มอะไรครับ” พี่หมอพะนายเดินมาใกล้ฉันที่กำลังตักหมูสองชั้นที่ติดมันใส่จานสองจานแล้วของชอบต้องเอาไปเยอะๆ
“ฟองเอาน้ำจิ้มซีฟู้ดผสมกับน้ำจิ้มหมูกระทะนะคะ”
“ได้ครับเดี๋ยวพี่ตักให้นะ เรานี่กินอะไรแปลกๆ นะหนูฟอง” พี่หมอพะนายเดินมาโยกหัวฉันอย่างหมั่นใส่นิดๆ แล้วเดินไปตักน้ำจิ้มให้ฉันตอนนี้ฉันกำลังจะเดินเอาอาหารที่ตักเสร็จแล้วเอากลับไปไว้ที่โต๊ะที่เพื่อนๆ เริ่มนำอาหารมาไว้จะเต็มโต๊ะกันอยู่แล้ว
“มีใครจะเอาน้ำอะไรบ้างเดี๋ยวฟองเดินไปเอามาให้” ฉันถามเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งวุ่นวายกับการนำอาหารต่างๆ ลงกระทะทั้งต้มทั้งปิ้งกันอยู่
“เดี๋ยวนิดและป๋องแป้งไปเอาเป็นเพื่อนนะ” นิดหน่อยลุกขึ้นเดินออกมาจากเก้าอี้เพื่อเธอจะไปเอาน้ำกับฉัน
“พวกเราเอาโค้กนะ” ติวเตอร์ตอบแทนทุกคนแล้วคีบหมูสองชั้นลงบนกระทะที่เริ่มร้อนแล้ว
“ได้ว่าแต่พี่หมอพะนายเอาโค้กเหมือนกันไหมคะ” พี่หมอพะนายเขาพึ่งจะเดินกลับมาจากที่ตักน้ำจิ้มมาสองถ้วยและวางลงตรงที่ฉันนั่ง
“ก็ได้ครับ”
“เธอใช่ฟองจันทร์ดาวคณะวิศวะปีนี้หรือเปล่า” ผู้ชายท่าทางเจ้าชู้เดินมาทักฉันที่กำลังตักน้ำแข็งเพื่อให้นิดหน่อยเปิดน้ำโค้กเทใส่แก้วและป๋องแป้งที่ยืนถือแก้วน้ำรออยู่
“ใช่ค่ะเราเอง”
“ดูใกล้ๆ แล้วเธอสวยมากเลยนะมีแฟนยัง เราจีบได้หรือเปล่า” นี้เขาพึ่งจะทักฉันไปแค่สองประโยคถามจีบฉันเลยเหรอเร็วไปไหม
“เอ่อคือว่า…” ฉันกำลังช็อกที่ผู้ชายปริศนาคนนี้พูดออกมา มันอึ้งมากคือทำไมเขาพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ง่ายๆ เลยไม่อายบ้างเลยเหรอคนในร้านที่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ ในสาขาของฉันก็เริ่มมองมาทางฉันกับผู้ชายปริศนาคนนั้นกันอย่างสงสัย
“หนูฟองครับ” พี่หมอพะนายเดินทำหน้าทะมึนตึงเข้ามาแทรกกลางระหว่างผู้ชายคนนั้นแล้วเขาก็ฉวยโอกาสแย่งแก้วในมือของฉันที่ตักน้ำแข็งค้างไว้ไปถือไว้เอง
“หนูฟองหิวมากนิครับไปกินได้แล้วหมูสุกแล้ว ส่วนคนอื่น! อย่าไปสนใจเลยครับ!!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ แบบคนที่กำลังพยายามข่มอารมณ์ไว้เต็มที่แล้วก็หันไปจ้องหน้าผู้ชายคนนั้นนิ่งๆ พร้อมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“โอเคค่ะพี่หมอ ฝากแก้วน้ำด้วยแล้วกันนะคะ เอ่อเธอเราไปกินหมูกระทะก่อนนะโทษทีนะ” ฉันหันไปขอโทษผู้ชายคนนั้นที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ
ภายในโต๊ะหมูกระทะ
ตอนนี้ฉันกำลังกินหมูที่พี่หมอพะนายเขากำลังปิ้งและคีบชิ้นที่สุกให้กับฉันโดยที่ตัวของเขาไม่กินเองชักชิ้น
“พี่หมอพะนายกินบ้างสิคะอย่ามัวแต่คีบมาไว้ให้ฟอง ไม่หิวหรือไง” ขนาดที่ถามเขาแต่มือก็คีบหมูที่พี่หมอพะนายเขาคีบให้เข้าปากไปด้วยมันอร่อยจนหยุดไม่อยู่จริงๆ
“น้องฟองจันทร์สงสัยไอ้พะนายมันอย่างให้น้องป้อนหรือเปล่า” พี่หมอเจมส์ที่นั่งถัดไปโผล่หน้าเข้ามาแซวเพื่อนของเขาแล้วหัวเราะกันเสียงดัง
“เอ่อไอ้หมอพะนาย ความจริงมึงก็ไม่น่าจะเรียกร้องความสนใจแบบนั้นเลยโตๆ แล้วนะเพื่อน” พี่คิงอีกคนที่แซวพี่หมอพะนายแล้วก็หันไปนินทาพี่หมอพะนายให้เพื่อนๆ ฉันฟัง แต่เขากับทำแค่ยักไหล่ แล้วปิ้งหมูให้ฉันต่อ
“อะอ้าปากสิคะ” ฉันที่ทนเห็นเขาทำท่าไม่ทุกข์ร้อนและไม่กินอะไรสักอย่างนอกจากน้ำโค้กเพราะมัวแต่จะปิ้งให้ฉัน แล้วเขาก็อ้าปากรับหมูที่ฉันคีบมาจ่อริมฝีปากของเขาแล้ว
“ขอบคุณนะครับหนูฟอง” พี่หมอพะนายเคี้ยวหมูไปยิ้มไปด้วย หน้าของเขาเริ่มแดงและลามไปยังใบหูทั้งสองข้างแล้วพวกเราที่กินอาหารที่เอามาจนหมดเกลี้ยงและไปเอาอาหารมากินใหม่อีกรอบกันจนอิ่ม กำลังจะเช็กบินเพื่อแยกย้ายกันกลับ
“ฟองจันทร์ใช่ไหมครับ” อยู่ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาหล่อเดินเข้ามาที่โต๊ะและยืนถามฉันขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ชะใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถามเขากับแบบงงที่มีแต่ผู้ชายเดินมาทักนี้เป็นลายที่สองแล้วนะที่เดินเข้ามาหาฉันที่อยู่ในร้านหมูกระทะหลังมอแห่งนี้ แล้วยังไม่นับรวมสายตาของผู้ชายในร้านที่ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาในมหาลัยทั้งนั้น
“ตัวจริงน้องใกล้ๆ สวยจังเลยนะครับ!” ผู้ชายหน้าหล่อพูดแล้วยิ้มหวานแบบสาวๆ ที่เห็นต้องใจละลายให้กับฉัน
“ขะขอบคุณมากค่ะ” ฉันเริ่มพูดด้วยเสียงสั่น มองหน้าพี่หมอพะนายที่ตอนนี้เขากำมือแน่นมาก สายตากำลังจ้องผู้ชายคนนั้นอย่างข่มอารมณ์อีกแล้ว
“น้องฟองจันทร์พอจะให้ไลน์พี่ได้ไหมครับ"ผู้ชายหน้าหล่อเขายังคงถามฉันต่อ แบบไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองที่กำลังจะเกิดขึ้น
“คือไม่ได้หรอกค่ะ” ตอนนี้ฉันอยากรีบๆ จ่ายเงินแล้วออกไปจากร้านหมูกระทะที่มันดูอึกอักและทุกคนในโต๊ะที่กำลังนั่งมองและไม่มีใครคุยอะไรกันชักคน
“ทำไมเหรอครับ” ผู้ชายหน้าหล่อเขายังคงตามตื๊อฉันไม่เลิกรา
“เพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ฟองกำลังศึกษาดูใจกันอยู่และฟองสัญญากับเขาแล้วว่าจะไม่คุยกับคนอื่นขณะที่เรากำลังคุยๆ กันอยู่คะ” พอฉันชี้นิ้วไปหาพี่หมอพะนายแล้วผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นก็หันไปมองตามนิ้วของฉัน แล้วเดินหน้าเสียออกไปจากโต๊ะของพวกเราทันที
“เช็กบินแล้วกลับกันเถอะฟองอยากกลับไปพักแล้ว”
“ได้ๆ” จากนั้นพี่คิงที่อยู่ในฐานะพี่ใหญ่ก็เดินไปจ่ายเงินสำหรับโต๊ะของพวกเรา
“กลับกันเถอะค่ะพี่หมอพะนาย” ฉันบอกเขาที่ตอนนี้กำลังยืนยิ้มหน้าบานแล้วก็เดินตามฉันออกไปจากร้าน
“เดี๋ยวครับหนูฟอง” พี่หมอพะนายเขาจับมือฉันให้หยุดเดินแล้วก้าวมายืนเคียงข้างกันกับฉันพร้อมกับก้มลงมากระซิบข้างใบหูของฉันอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมหนูฟองทำให้เฮียหลงหนูหัวปรักหัวปรัมอย่างนี้ครับ แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เฮียก็ไปไหนไม่รอดแล้วนะ”
