
บทย่อ
“เฮียเคยได้ยินมาว่าชาววิศวะเขาเล่าลือกันว่าเกียร์อยู่ที่ใครใจอยู่ที่เธอถ้าเฮียอยากได้เกียร์ต้องทำยังไงเหรอครับ”“ต้องจีบสิค่ะ!!!”ไวมาก!!! ปากใครละถ้าไม่ใช้ฟองจันทร์คนนี่ที่ ฉันเผลอหลุดปากตอบ
Chapter 1 วันวุ่นวายในกรุงเทพ
“เมื่อไหร่จะมาถึงหะไอ้แสตมป์ เพื่อนรอจนรากจะงอกแล้วนะโว้ย!”ผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มสวยอย่างโดดเด่น ที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่นั่งสำหรับรอผู้โดยสาร กำลังโวยวายเสียงดังจนคนรอบข้างที่เดินผ่านไปเธออย่างตำหนิ
“ใจเย็นสิโว้ย รถติดอยู่”ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาคมแต่ผิวขาวเหมือนคนมีเชื้อสายจีน ตอบมาตามสายของเพื่อนสาวคนสนิทไปอย่างใจเย็น ด้วยบุคลิกที่เป็นคนขี้เล่นเขาเลยไม่ซีเรียสที่ถูกอีกคนโวยวายใส่อย่างอารมณ์เสีย
“นี่รอจะสองชั่วโมงแล้วนะ อยู่ดาวอังคารเหรอหะ”
“เออๆจะรีบไปแค่นี้นะขับรถก่อน”สาวน้อยจอมโวยวายเธอคือกัญญาภัค โซติกา หรือเพื่อนๆเรียกจะว่าฟองจันทร์เป็นนักศึกษาปี1คณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องกลของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
ที่ฉันต้องมานั่งรอเพื่อนที่กำลังจะมารับอย่างนี้เพราะว่าฉันอยากที่จะเดินทางมากรุงเทพคนเดียวโดยที่ทางบ้านไม่ต้องมาส่ง
โดยอ้างเหตุว่าอยากฝึกช่วยเหลือตัวเอง ทั้งที่ความจริงหอพักก็ยังไม่มี แสตมป์เพื่อนสนิทของฉันมีแค่สองคนและยังเป็นผู้ชายทั้งคู่
ผู้ชายอีกคนชื่อติวเตอร์เรียนวิศวะที่เดียวกัน มันบอกว่าจะมากรุงเทพวันเสาร์เห็นว่าเอาของมาไว้ในหอแล้วกลับบ้าน ส่วนตัวฉันมาก่อนวันรับน้องหนึ่งอาทิตย์ที่เธอเลือกคบเพื่อนผู้ชายทั้งที่เป็นผู้หญิงคงเพราะความเคยชินมาจากที่บ้านที่เป็นอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน
เกิดมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาวก็อยู่แต่กับผู้ชาย ขนาดแม่ของเธอพยายามผลักดันให้ลูกสาวไปแข่งขันทุกอย่างที่เรียกว่ากุลสตรีต้องมีแต่ก็ยังเอานิสัยผู้ชายบางอย่างมาใช้เวลาลืมตัว จนถูกแม่ดุเอาบ่อยๆ
ปัจจุบัน…
เหตุผลที่แสตมป์มารับฉันช้าก็เพราะว่ามันไปเที่ยวกลางคืนกลับมานอนที่หอตอนตีสองทำให้ตื่นสาย หลังจากที่ฉันนั่งเครื่องบินมาถึงสนามบินดอนเมืองจะสองชั่วโมงแล้ว
“เฮ้ยมาแล้วโว้ย”เสียงดังลั่นจากแสตมป์ที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาฟองจันทร์ที่นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่
“อะกระเป๋าลากให้ด้วย เป็นการลงโทษที่แกมาสาย”ฉันพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำหน้าไป โดยไม่สนใจเสียงเพื่อนที่โวยวายอยู่ที่เดิม
ภายในรถ…
“แล้วนี่ตกลงจะเอาไงเรื่องหอพัก”ไอ้แสตมป์หันมาถามฉัน ตอนนี้มันกำลังขับรถออกจากสนามบินเพื่อไปหาหอพักที่ฉันไม่มีข้อมูลอะไรอยู่ในหัวหรือตัวเรียกใดเอาไว้เลย
“คงต้องลองไปหาดูก่อนเอาใกล้หอแกไม่ก็ติวเตอร์ มันจะได้ง่ายเวลาไปเรียน” ฉันพูดขนาดที่ก้มหน้าเล่นมือถือไปแก้เบื่อเพราะรถติด
“ไปหาอะไรกินกันก่อนนะโว้ย! หิวยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“ดีเหมือนกันห้างแถวนี้แล้วกันนะ"
ร้านที่พวกเราสองคนมากินก็คือ MK
“ไอ้แสตมป์หนึ่งอาทิตย์ที่ต้องอยู่กับแกสองคน ฟองไม่ต้องกิน MKทั้งอาทิตย์เลยเหรอ”ตอนนี้พนักงานกำลังทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟ สีหน้าไอ้แสตมป์มันโคตรมีความสุขกับMK เอิ่มมมค่ะเพื่อนฉันมันกินได้ทุกวันจริงๆ บางทีกินติดต่อกันทุกวันเป็นเดือนก็เคยมาแล้ว มันน่าจะให้พ่อแม่เปิดร้านเองเลยถ้าจะกินบ่อยขนาดนั้นและบุคคลที่ได้รับกรรมมากินเป็นเพื่อนมัน ก็คือ...ฟองจันทร์ผู้น่ารักกับมนุษย์เย็นชาอย่างไอ้ติวเตอร์
“เถอะหน้า ออกจะอร่อยแกหยุดบ่นแล้วกินไปฟองจันทร์!”
หอพักใกล้มหาลัย
หลังจากท้องอิ่มฉันก็ต้องมาเดินหาหอพัก ดูมาจะเป็นสิบที่แล้วแต่ก็ยังไม่มีที่ไหนที่ฉันถูกใจเลยสักแห่ง...
“เอาหอนี่เลยไหมเป็นหอหญิงด้วย แม่แกจะได้ไม่เป็นห่วง” ไอ้แสตมป์หันมาถามฉันด้วยสายตาแบบเอาซักทีเถอะกูเหนื่อยแล้ว
“ไม่เอา บรรยากาศมันน่ากลัวยังไงไม่รู้!?”ฉันทำหน้าสยดสยอง สภาพหอพักข้างนอกหอเป็นตึกคูหาสี่ชั้นอาคารเป็นตึกสีส้มใหม่กลางเก่า แต่พอเข้ามาดูห้องเท่านั้นแหละทางเดินน่ากลัวไปมันมืดๆ อย่างไงก็ไม่รู้ แถมยังไม่ค่อยมีคนอยู่ด้วยฉันพยายามคิดไปว่าช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอมทีก็เลยไม่ค่อยมีนักศึกษาเข้ามาพักอาศัย แต่ยังไงฉันก็คิดว่าจะไม่อยู่ที่นี่เด็ดขาด
“เอาไงฟองจันทร์?”
“ฉันคิดว่าจะขอไปนอนค้างที่หอพักของแกซักคืนหน่อยได้ไหม”สุดท้ายฉันก็ไม่ได้หอพักในวันนี้ เพราะความไม่รอบคอบของตัวเองแท้ๆฉันทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้เพราะนอกจากไม่มีหอพักแล้ว ฉันยังไม่ได้ซื้อชุดนักศึกษาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ควรจะมีก่อนเปิดเรียนเลย!
พอหาหอพักได้ก็ต้องไปหาซื้อของเข้าหออีก ชีวิตที่อยู่ข้างนอกสำหรับฉันที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตคนเดียวมาก่อน....เป็นไงล่ะความซวยมาเยือนตั้งแต่วันแรกที่มาถึงกรุงเทพเลยไหมล่ะ
