Chapter 10 หมอพะนาย & เดือนวิศวะ
หลังจากที่ฉันไปซื้อข้าวมันไก่ไม่เอาหนังไก่มาให้พี่หมอพะนายแล้วเขาก็กินข้าวที่ฉันซื้อมาอย่างรีบๆ
“พี่หมอพะนายมีเรียนต่อตอนบ่ายโมงเหรอคะดูรีบๆ”ฉันถามเขาแล้วก็คีบก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกินต่อ
“ครับ พอดีตอนบ่ายมีแล็บ ต้องเข้าห้องก่อนเวลา10นาทีเพื่อเช็กอุปกรณ์ต่างๆ” แล้วเขาก็รีบกินข้าวต่อให้หมดจานไม่ถึง สิบนาทีด้วยซ้ำ กินเร็วมาก
“อ่อๆค่ะ ฟองว่านะพี่หมอพะนายไม่น่าจะมากินข้าวไกลถึงคณะวิศวะเลยน่าจะกินที่คณะแพทย์”
“ไม่ได้หรอกต้องรีบทำคะแนนครับ เดี๋ยวหนูฟองก็ได้เป็นดาวคณะแล้วเฮียต้องรีบประกาศตัวเป็นแฟนของเรา ก่อนที่จะมีผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับหนูฟองของเฮีย”ประโยคที่ฟังดูห่ามๆ และน้ำเสียงที่ใช้พูดดูเหมือนจะติดแข็งๆ ตรงคำว่าผู้ชายคนอื่น ท่าทางเหมือนเด็กหวงของเล่นที่เขาชอบแต่ทำไมเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเขากำลังหลงรักฉันอย่างหัวปรักหัวปรัม ดูแล้วน่ารักจนเหมือนฉันจะชอบพี่หมอพะนายมากขึ้นทุกวันแล้ว พี่หมอพะนายเล่นเสน่ห์ยาแฝดใส่ฉันหรืออย่างไรกัน
“เหลือเวลาอีก20นาทีก่อนบ่ายโมงเฮียรีบไปก่อนนะหนูฟอง ตอนเย็นเฮียจะไลน์มาถามว่าเราเลิกกี่โมงแล้วจะมารับที่คณะ”
“ค่ะ!ไม่ต้องรีบมากขับรถระวังๆ ด้วยนะคะพี่หมอพะนาย”พี่หมอพะนายเขาพูดแล้วยิ้มยิงฟันขาวๆ จนตายาหยีให้กับฉัน จากนั้นเขาก็รีบเดินออกไปจากโรงอาหารในทันที
15 นาที ก่อนสอบแคลคูลัส1
พวกเราจะสอบเก็บคะแนนแคลเวลาสิบสามนาฬิกาสามสิบนาที เหลือเวลาอีกสอบห้านาทีก็จะถึงเวลาสอบและพวกเราก็นั่งรอเวลา อยู่ระเบียงหน้าห้องเรียน
“ไฮ!ฟองจันทร์ ยูเรียนแคลเหรอวันนี้”ไบเลย์ที่เดินมากับกลุ่มเพื่อนๆ ผู้ชายของเขาประมาณห้าคน แต่ละคนจัดได้ว่าหน้าตาหล่อในแบบลุคคุณหนูกันทุกคนเลย
“อ้าวไบเลย์ ใช่วันนี้มีควิซก่อนเรียนอีก 15 นาที”ฉันพูดแล้วยิ้มให้เขา แล้วถามเขากับอย่างคนที่ค่อนข้างสนิทสนมเพราะช่วงนี้ได้เจอกันบ่อยตอนไปซ้อมเดินเพื่อประกวดดาวเดือนคณะนั่นแหละ
“แล้วยูละเรียนอะไร”ไบเลย์ที่ยืนมองหน้าฉันนิ่งมาก เหมือนเขากำลังเหม่อลอยกับอะไรชักอย่าง จนไม่ได้สนใจว่าฉันกำลังถามอะไรเขาอยู่
“ไบเลย์! เฮ้ยยูโอเคไหม”ฉันกำลังโบกไม้โบกมือไปมาผ่านใบหน้าของเขา จนเพื่อนไบเลย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ สะกิดบ่าไหล่เขาแรงๆ จนตัวของเขาเอนไปเอนมาชนกับฉันที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ริมฝีปากของไบเลย์ชนเข้ากับจมูกของฉันเต็มๆ แรง
“โอ๊ยเจ็บ!”
“เฮ้ยซอรี่ยูจริงๆนะฟองจันทร์”ไบเลย์ทำหน้ารู้สึกผิดมาก เหมือนกับเขาได้ไปฆ่าใครตายมา...ทั้งๆที่แค่ชนฉันแรงไปหน่อย รู้สึกเหมือนฟันของเขาจะโดนจมูกของฉันเลยมันรู้สึกเจ็บๆ บริเวณจมูกที่โดนชน
“ไอ้ฟองแกเป็นอะไรมากเปล่า”ติวเตอร์ที่เห็นเหตุการณ์ถามฉันขึ้นอย่างตกใจเช่นกัน เพื่อนๆ สาขาเครื่องกลที่ทั้งนั่งและยืนอยู่บริเวณหน้าห้องเรียนก็หันมามองฉันกับไบเลย์ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วงนะ”ฉันยิ้มแห้งๆให้กับไบเลย์ที่ยังไม่เลิกทำหน้าตาสำนึกผิด ทั้งที่มันเป็นอุบัติเหตุ
“เฮ้ยไบเลย์ ไปเรียนได้แล้วเหลือเวลาอีกแค่5นาทีอาจารย์จะสอนแล้ว”
“ไอซอรี่ยูมากๆ นะฟองจันทร์”จากนั้นไบเลย์ก็โดนเพื่อนของเขาลากเดินไปห้องที่เขามีเรียน
“สมน้ำหน้าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”เสียงไอ้แสตมป์สายเผือกพูดเยาะเย้ยฉันที่กำลังเอามือลูบๆ คลำๆ บริเวณจมูกที่โดนชน
“ไอ้แสตมป์เงียบปากไปเลย เข้าห้องสอบ”แล้วเพื่อนๆทุกคนก็ทยอยกันเดินเข้าห้องเพื่อไปนั่งโต๊ะที่อาจารย์จัดไว้เพื่อสอบเก็บคะแนนก่อนเรียน
บันทึกของหมอพะนาย
ผมกำลังทำแล็บโทรศัพท์ของผมก็สั่นขึ้นมา ทีแรกผมคิดว่าทำแล็บเสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยเปิดโทรศัพท์ดูว่าใครส่งอะไรมา แต่คนที่ส่งข้อความมาหลายครั้งติดต่อกัน ทำให้ผมต้องเดินไปขออนุญาตอาจารย์เพื่อออกไปใช้โทรศัพท์
“อาจารย์หมอครับผมขออนุญาตออกไปโทรศัพท์ข้างนอกสักครู่นะครับ พอดีโทรศัพท์ของผมมีข้อความเข้าหลายรอบมากกลัวว่าคนส่งเข้ามา จะมีเรื่องสำคัญนะครับ”ที่ผมต้องขออนุญาตอาจารย์หมอก่อนใช้โทรศัพท์ เพราะในห้องแล็บห้ามใช้โทรศัพท์เด็ดขาด เนื่องจากแล็บของบทนี้ต้องใช้ความพยายามและสมาธิมากเพราะเนื้อหาที่พวกเรากำลังเรียนในภาควิชาพยาธิวิทยาค่อนข้างที่จะยากมากอาจารย์หมอเป็นผู้ชายรูปร่างผอมสูงเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่เริ่มมีผมสีขาวแซมกับผมดำบ้างแล้ว ถือเป็นอาจารย์ที่มีความอาวุโสมากๆในคณะแพทย์และท่านก็ประจำอยู่ที่ภาควิชาพยาธิวิทยาเป็นอาจารย์ที่คุมแล็บเรื่องนี้อีกด้วย
“ได้ๆ แต่ต้องรีบคุยรีบกลับมาทำแล็บให้เสร็จนะนายธีรพิชญ์ เพราะวันนี้อาจารย์มีธุระต้องรีบไปทำก่อนหนึ่งทุ่มถ้าเธอทำแล็บเสร็จไม่ทันก็ต้องมาซ้อมแล็บกับเพื่อนกลุ่มวันมะรืนนะ”
“ได้ครับอาจารย์ ผมจะรีบไปแล้วรีบกลับมาทำแล็บขอบคุณครับ”จากนั้นผมก็เดินออกมาจากห้องแล็บไปนั่งที่ระเบียงไม่ไกลจากห้องแล็บแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากในกระเป๋ากางเกงนักศึกษาเพื่อดูว่าข้อความที่ส่งเข้ามามีเรื่องอะไร
(ในโปรแกรมไลน์)
ฟองจันทร์ ‘พี่หมอพะนายคะคือวันนี้ฟองต้องซ้อมละครวันสุดท้าย กว่าจะเสร็จน่าจะเกือบ 23.30นาที หรืออาจจะดึกกว่านั้น’
ฟองจันทร์ ‘ฟองเลยจะบอกว่าวันนี้พี่หมอพะนายไม่ต้องมารับฟองหรอกนะคะ’
ฟองจันทร์ ‘เดี๋ยวฟองกลับพร้อมเพื่อนก็ได้คะวันนี้ เพราะวันนี้ต้องกลับค่อนข้างดึกมากกว่าทุกวัน ฟองเกรงใจพี่หมอพะนายที่จะต้องมารอฟอง!’
หนูฟองนั้นเองที่เป็นคนส่งของความมาหาผมตั้งหลายรอบ เธอบอกไม่ให้ผมไปรับเธอกลับพร้อมกันวันนี้
หมอพะนาย ‘หนูฟองจะไม่ให้เฮียไปรับเหรอครับวันนี้!?'
ฟองจันทร์ ‘ค่ะพี่หมอ ไม่ต้องมารอรับฟองนะคะ เดี๋ยวฟองกลับพร้อมเพื่อนก็ได้คะวันนี้’
หมอพะนาย ‘ไม่เป็นไรเฮียจะไปรับหนูฟองดึกแค่ไหนก็จะรอนะครับ’
ฟองจันทร์ ‘ไม่ต้องมารับก็ได้คะ!...คือฟองเกรงใจ’
หมอพะนาย ‘ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เอาเป็นว่าเจอกันตอนค่ำๆ เฮียรีบไปทำแล็บต่อแล้วนะครับ’
ผมพิมพ์ข้อความเสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้าไปไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมรีบเดินกลับเข้าไปในห้องแล็บโดยที่ไม่รอให้หนูฟองของผมเธอตอบกลับมา เอาเป็นว่าถ้าผมจะไปรับยังไงเธอก็ห้ามไม่ได้
เวลา 19.00นาที
ตอนนี้ฉันกำลังซ้อมละครมนต์รักลูกทุ่ง พวกเราเริ่มซ้อมละครตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วและฉันก็ได้ส่งข้อความไปบอกไม่ให้พี่หมอพะนายมารับแต่เหมือนเขาจะไม่สนใจที่ฉันพิมพ์ข้อความส่งโปรแกรมไลน์ไปบอกเขาเลยสักนิด
“พวกเราพักกินข้าวกันก่อนนะ ค่อยซ้อมต่อ” ติวเตอร์บอกให้ทุกคนที่ซ้อมอยู่พักกันก่อน และเดินไปหากลุ่มบิ๊กที่กำลังทาสีฉากที่วาดขึ้นมาเพื่อประกอบการแสดงละครมนต์รักลูกทุ่งกันอยู่เพื่อหยุดพักกินข้าวกันก่อน
“หนูฟองครับ!...” พี่หมอพะนายกำลังเดินเข้ามาหาฉัน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่และดื่มน้ำดับกระหาย
“ค่ะ! อ้าว!พี่หมอพะนายมารอรับฟองกลับพร้อมกันจริงๆ เหรอคะ ก็ฟองบอกไปในแชทแล้วว่าวันนี้จะกลับดึกมาก และไม่แน่ใจด้วยว่าจะได้กลับกี่โมงด้วย พี่หมออย่ารอเลยนะคะ” ฉันมองร่างสูงที่ดูจะพูดอะไรไปแล้วเขาไม่คิดจะฟังกันสักนิดเขาวางถุงอาหารลงกับโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่และนั่งลงข้างฉัน หยิบกระดาษทิชชูมาชับหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อและความมันให้กับฉันที่นั่งดูดน้ำเปล่าดับกระหายอยู่
"ขอบคุณค่ะ"ฉันยิ้มบางๆ ให้กับเขาด้วยความเขินอายกับสายตาเพื่อนๆ ที่ต่างหันมามองทางเราอย่างสนใจ
“ครับและไม่ต้องมาไล่ให้เฮียกลับเลยนะ ยังไงเฮียก็จะต้องกลับคอนโดพร้อมกับหนูฟองวันนี้ เรามากินข้าวกันดีกว่านะครับ” จ๊ะก็มันความตั้งใจของพี่แกไอ้เราจะทำอะไรได้ละคะ ฉันยิ้มบางๆ ให้เขา
“ค่ะพี่หมอฟองจะไม่ไล่ให้กลับก็ได้ แล้วอย่ามาบ่นให้ได้ยินทีหลังว่าเบื่อที่นั่งรอฟองนานนะคะ” ฉันพูดกับเขาอย่างงอนๆ แล้วหันไปเปิดถุงอาหารที่เขาซื้อมาหลายอย่างกว่าครั้งที่แล้วอีก
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะวันนี้เฮียเตรียมหนังสือเรียนมาอ่านรอหนูฟองแล้ว” เขาพูดอย่างคนเหนือกว่าแล้วยักคิ้วให้กับฉันอย่างเจ้าเล่ห์
"โหแล้วนี่พี่หมอพะนายซื้อของกินมาเยอะแยะขนาดนี้ คิดว่าจะกินหมดไหมคะวันนี้"ฉันมองถุงบรรจุอาหารหลากหลายชนิด พร้อมกับกลืนน้ำลาย ถ้าจะให้ไอ้ฟองกินหมดนี่!บอกฝ่ายคอร์สตูมเสื้อผ้าตัดชุดให้ดาวคณะใหม่เลยเถอะ วันประกวดคงยัดตัวหมูน้อยอย่างฉันใส่ชุดไม่ได้แน่น!
“อ่อ!พวกอาหารนี่! เฮียซื้อมาเยอะก็เพราะว่ากะจะเอามาฝากเพื่อนๆ ของหนูฟองด้วยครับ” พี่หมอพะนายพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของฉันที่มองถุงอาหารมามากมายจนคิดว่ากินสองคนคงไม่หมดแน่ๆ
“ขอบคุณมากนะครับเฮียหมอ!” ไอ้แสตมป์ที่นั่งอยู่ด้วยหันไปพูดกับพี่หมอพะนายแบบสนิทสุดๆ
“ไม่เป็นไรแสตมป์เฮียเต็มใจ ตามสบายเลยนะ” หลังจากนั้นไอ้แสตมป์ก็เอาถุงอาหารที่มากกว่าสิบอย่าง ไปแจกจ่ายเพื่อนๆ ที่นั่งกินข้าวกล่องเป็นกลุ่มๆ อยู่ตามโต๊ะ ส่วนตัวฉันเลือกอาหารไว้สามอย่างสำหรับฉันกับพี่หมอ
“พี่หมอพะนายกินข้าวกันเถอะค่ะ” หลังจากที่ฉันเปิดอาหารใส่ถ้วยจานพลาสติกเรียบร้อยแล้ว เรียกพี่หมอพะนายที่ก้มเล่นโทรศัพท์อยู่
“ครับหนูฟอง” แล้วเราสองคนก็กินข้าวกันไปคุยกันไปเรื่อยจนอิ่มฉันก็เก็บถ้วยจานพลาสติกไปทิ้งแล้วกลับไปซ้อมละครต่อโดยที่พี่หมอพะนายเขาก็เอาชีทการเรียนของเขาขึ้นมาอ่านจริงๆ ทั้งที่พวกเราร้องเพลงและพูดเสียงดังกันมากแต่พี่หมอโคตรนิ่งอ่านหนังสือแบบไม่สนใจพวกเราเลยชักนิด
เที่ยงคืน
ตอนนี้พวกเราซ้อมเสร็จแล้ว กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนพอดี! พวกเรามาซ้อมกันตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืนเป็นกิจกรรมที่ทุกคนในสาขาทุ่มเทกันมากเหนื่อยจริงแต่วันพรุ่งนี้พวกเราก็จะได้พักกันหนึ่งวัน เพราะวันมะรืนก็ประกวดแล้ว พอคิดถึงวันประกวดฉันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“พี่หมอพะนายคะ กลับคอนโดกันเถอะ” พี่หมอที่กำลังอ่านหนังสือแบบลืมโลกภายนอก เงยหน้าขึ้นมามองฉันตอนนี้พี่หมอพะนายใส่แว่นเวลาปกติจะไม่เห็นเขาใส่แว่นแต่พอเวลาอ่านหนังสือเขาจะใส่แว่นเป็นประจำก็อดสงสัยไม่ได้อยู่เหมือนกันว่าตกลงเขาสายตาสั้นหรือยังไง แล้วเวลาปกติทำไมไม่ใส่
“มีอะไรติดบนหน้าเฮียเหรอจ้องเฮียตาไม่กะพริบเลยนะเรา” พี่หมอพะนายพูดแล้วก็ขยับหน้ามาใกล้ฉันจนฉันรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่กำลังเป่าลดลงบนใบหน้าของฉัน
“ปะเปล่าค่ะ ฟองแค่สงสัยว่าพี่หมอพะนายสายตาสั่นเหรอคะ” ฉันผลักเขาออกเบาๆ แล้วหันไปหยิบกระเป๋าของฉันที่วางไว้ข้างๆ กระเป๋าของเขา
“พี่ไม่ได้สายตาสั่นหรอกครับแต่แว่นนี้คือแว่นถนอมสายตาและยังช่วยให้สายตาของคนที่ใส่ผ่อนคลายไปในตัว มันเป็นเทคโนโลยีใหม่จากอเมริกาหนะครับ” พี่หมอพะนายลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเก็บชีทเรียนเก็บเข้าในกระเป๋าแล้วจูงมือฉันเดินไปที่รถ
ณ.คอนโด
“ถึงห้องแล้วรีบๆ อาบน้ำเข้านอนนะครับหนูฟอง อย่ามัวแต่ไปอัพเฟสบุ๊คละจะตีหนึ่งแล้วรีบๆ นอนเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะเรา”
“ค่ะพี่หมอ” เดี่ยวนะเขารู้ได้ยังไงว่าฉันชอบอัพข้อความต่างๆ ในเฟสบุ๊ค อย่างนี้เขาไม่รู้หมดเหรอเรื่องที่ฉันโพสต์บ้าบ่อดึกๆ ดื่นๆ ตายแล้ว อายจนไม่กล้ามองหน้าพี่หมอพะนาย
“ไม่ต้องอายหรอกครับหนูฟองเพราะพี่อ่านหมดแล้ว”
“หะแล้วพี่หมอมีเฟสบุ๊คของฟองตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” อึ้งมากต่อไปนี้ไอ้ฟองจะไม่เพ้อตอนดึกๆ อีกแล้ว นอกจากจะคิดว่าไม่มีใครสนใจฉันเพราะรูปโปรไฟล์ของฉันเป็นรูปถ่ายที่เห็นแค่ครึ่งหน้าและตัวใครจะคิดว่ามีคนจำได้ ปกติเฟสบุ๊คของฉันจะมีแต่เพื่อนสนิทและครอบครัวเท่านั้น
“เฮียขอมาจากไอ้คิงนะครับ” จบทำไมพี่รหัสหนูทำกับน้องอย่างนี้ค่ะพี่โจรป่า!
“เอาเป็นว่าฝันดีนะครับหนูฟองของเฮีย” พี่หมอพะนายก้มลงมากระซิบข้างหูของฉันแล้วแอบหอมแก้มฉันอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เปิดประตูห้องเขาเข้าไปในห้องทันที
“ช็อก!!!” รอบสองใครจะคิดว่าจะโดนขโมยหอมแก้มแบบรวดเร็วยิ่งกว่าอินเตอร์เน็ต
วันประกวดดาวเดือนคณะวิศวกรรม
วันนี้เป็นวันที่ฉันจะวุ่นวายมากเริ่มตั้งแต่มาแต่งหน้าทำผมตอนตีสี่และฉันยังต้องเตรียมตัวอีกหลายอย่างทั้งแสดงละครทั้งตอบคำถามและเดินโชว์บนเวทีเหนื่อยมาก
ส่วนพี่หมอพะนายเขาส่งข้อความมาบอกว่าจะเข้ามาดูฉันประกวด แต่เขาจะไปทำธุระแทนพี่ชายของเขาก่อนอาจจะมาถึงช้า
“ไฮ! ฟองจันทร์ยูสวยมากวันนี้!!!” ไบเลย์ที่เดินมาหยุดข้างๆ ฉันที่ยืนรอสแตนบายรอให้พี่สตาฟเรียกไปเดินโชว์ตัวบนเวทีก่อนรอบแรก
“ขอบใจที่ชมเรานะ ไบเลย์เองก็หล่อมากๆ วันนี้” ฉันยิ้มให้เขา
“ชมไอตรงๆ ขนาดนี้ก็เขินเป็นนะยู” ไบเลย์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยไปมาอย่างแก้เก้ออย่างคนที่กำลังไปไม่เป็น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมเขินได้น่ารักขนาดนี้ค่ะคุณลูกครึ่ง” ฉันแกล้งพูดแซวไบเลย์แล้วหัวเราะล้อเลียนเขาพี่เขินจนหน้าแดงมากยิ่งไบเลย์ขาวยิ่งเห็นชัด
“น้องฟองจันทร์ค่ะ มาเตรียมเดินขึ้นไปบนเวทีได้แล้วค่ะ” พี่สตาฟผู้หญิงบอกให้ฉันไปเตรียมขึ้นเวที
“ไปแล้วนะ” ไบเลย์ยักคิ้วให้ฉันบรรยากาศบนเวทีเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสำหรับไอ้ฟองคนนี้มากๆ คนทั้งมหาลัยมาดูการประกวดดาวเดือนของคณะเรากันเยอะมากไม่คิดว่าคนจะสนใจกิจกรรมนี้กันเยอะขนาดนี้ ตอนนี้ฉันพยายามบอกตัวเองว่าหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินให้ดีที่สุดไม่ต้องตื่นเต้นพอเดินเสร็จแล้วกลับลงมาหลังเวทีฉันก็เจอพี่หมอพะนายยืนหน้าบูดและเหมือนจะโกรธใครชักคนมามากๆ แถมสายตาของเขายังจ้องกันกับไบเลย์อย่างกับพวกเขาพร้อมที่จะมีเรื่องกันตอนนี้มากรังสีอำมหิตกำลังแผ่กระจายทั่วบริเวณจนบรรยากาศโดยรอบดูมาคุแบบแปลกพิกล
“พี่หมอพะนายมานานหรือยังคะ ทันได้เห็นฟองขึ้นไปเดินบนเวทีไหมคะ” ฉันพูดขึ้นเสียงดังเพื่อให้เขาเลิกจ้องตาอย่างกับพร้อมจะฆ่าฟันกันกับไบเลย์มาสนใจฉันที่กำลังยืนมองเขาอยู่
“เฮียหมอมาตั้งแต่แกชมไอ้ไบเลย์ว่าหล่อแล้วแหละฟองจันทร์” แสตมป์ที่ยืนรอขึ้นเวทีเดินมากระซิบกระชากฉันเสียงเบา ตายแล้วไหมเนี้ยไอ้ฟอง
“พะพี่หมอพะนายค่ะ” ฉันเรียกเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นๆ กลัวเขาจะโกรธหรือตอนนี้จะไม่ทันแล้ว ถึงฉันกับพี่หมอพะนายจะไม่ได้ตั้งสถานะว่าเราครบเป็นแฟนกัน แต่ฉันก็ถือว่ากำลังศึกษาดูใจกันแบบค่อยเป็นค่อยไปอยู่นะ
“ครับ!” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระแทกออกจะเย็นชาด้วยซ้ำ ฉันตัดสินใจจูงมือเขา เดินออกไปจากหลังเวทีเพราะเพื่อนๆ และรุ่นพี่ในคณะที่ยืนอยู่เริ่มหันมามองฉันกับพี่หมอพะนายสลับกันแล้ว
“พี่หมอพะนายโกรธฟองเหรอเปล่า” พอเราสองคนเดินมาหยุดที่ม้านั่งใต้ตึกบริเวณที่ไม่ไกลจากงานประกวดมากนักแต่ก็ไม่มีผู้คนที่นี่เงียบมากผู้คนจะไปอยู่กันที่บริเวณจัดงานเพราะสาขาแรกน่าจะเริ่มแสดงละครกันแล้ว ฉันก็ตัดสินใจถามเขาออกไป
“เฮียรู้ว่าตอนนี้เฮียยังไม่มีสิทธิ์หวงหรือหึงหนูฟองเพราะเฮียมันก็แค่คนตามจีบหนูฟองเราไม่ได้เป็นแฟนกันนี่ครับ” พี่หมอพะนายพูดเสียงเหมือนน้อยใจ แต่อยู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมาเหมือนคนคิดอะไรชักอย่างออกกะทันหัน
พี่หมอพะนายเขายกตัวฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาให้ขึ้นมานั่งบนตักของเขาแล้วเอาคางเกยบนไหล่ของฉันแขนทั้งสองข้างของเขาก็กอดเอวฉันไว้แน่นพร้อมกับกระซิบข้างหูของฉัน
“หนูฟองเป็นแฟนกับเฮียนะ!”
