ปรสิต
พั๊วะ พั๊วะ
"แกรู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป ไอ้ลูกเวร!"
กลางห้องรับแขกของบ้าน พงศ์นิธิกุลเดช คมสันรัวหมัดใส่ลูกชายด้วยความโมโห เขาไม่คิดว่าคิรากรจะกล้าทำแบบนี้กับรามิล
"ถ้าคุณพ่อเป็นห่วงเรื่องเงินลงทุน ภีมหาบริษัทของชาวต่างชาติที่สนใจจะร่วมทุนกับโครงการนี้เอาไว้แล้วนะครับ รับรองว่าคุณพ่อไม่ผิดหวังแน่นอน"
ภีรภัสรีบเข้าไปพยุงคิรากรขึ้น พร้อมกับบอกกล่าวเรื่องเงินทุนที่ตนเองจัดหาเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว
"นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว นายไม่ควรเข้ามายุ่ง รปภ.อยู่ไหน ทำไมปล่อยให้คนนอกเข้ามาในบ้าน มาเอาตัวออกไป"
น้ำเสียงหนักแน่นเฉียบขาดของผู้นำตระกูล ไม่ต่างจากสายฟ้าที่ฟาดลงแสกหน้าของภีรภัสจนด้านชา นอกจากเขาจะไม่ได้รับการยอมรับ ซ้ำยังถูกขับไล่ออกจากบ้านไม่ต่างจากหมาข้างถนน
"หยุดนะครับคุณพ่อ! ภีมเป็นคนรักของผม หมายความว่าต้องเป็นสะใภ้ของคุณพ่อด้วยสิครับ ทีกับรามิลพ่อยังต้อนรับ แล้วทำไมกับภีมพ่อถึงต้องทำแบบนี้ด้วย เรื่องเงินลงทุนพ่อก็ไม่ต้องห่วงแล้ว ภีมเค้าเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ขนาดนี้แล้วพ่อกับแม่ยังจะไม่ยอมรับภีมอีกเหรอครับ"
คุณคมสันและคุณพนิดาจ้องมองลูกชายที่ออกหน้าปกป้องภีรภัสอย่างน่าสมเพช ทั้งคู่ไม่คิดจริง ๆ ว่าลูกชายจะตาต่ำขนาดนี้ คนที่เคยทิ้งเราในวันที่รากฐานไม่มั่นคง แต่กลับมาในวันที่เราแข็งแกร่งมากด้วยทรัพย์สินเงินทอง คนประเภทนี้น่ารังเกียจแค่ไหนใครก็รู้ดี
"หึ ฉันเสียดายเงินที่ส่งแกเรียนจริง ๆ นะตากร แกคิดว่าสิ่งที่ทำให้ฉันโกรธคือเรื่องเงินทุนอย่างนั้นเหรอ แกคิดผิดแล้วล่ะ! แกรู้ตัวไหมว่าสิ่งที่แกทำลงไปมันคือการทรยศหักหลัง ถ้าแกไม่รักรามิลก็ควรบอกเลิกแล้วจบกันด้วยดี แกทำแบบนี้จะมีใครที่ไหนเชื่อใจแกอีก ภาพลักษณ์ของเจ้าของบริษัทเป็นสิ่งแรกที่นักลงทุนเค้ามอง คนที่ทรยศได้แม้กระทั่งคนที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ไม่มีใครเค้าจะเชื่อใจและนับถือแกอีก หึ น่าสมเพชสิ้นดี"
คำพูดของผู้เป็นพ่อบาดลึกลงไปในใจของคิรากร แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจเป็นอื่นได้ อย่างไรเขาก็เลือกแล้วว่าต้องเป็นภีรภัสเท่านั้นที่เขาอยากเดินเคียงข้างกันไปในวันข้างหน้า
"แล้วยังไง ต่อให้ใครมองผมยังไงผมก็ไม่สน ผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ แล้วภีมก็ต้องเป็นสะใภ้ของบ้านนี้ด้วย"
คิรากรเลือกที่จะใช้จุดอ่อนของบิดาขึ้นมาต่อรอง ด้วยว่าผู้เป็นพ่อมักจะพูดเสมอว่าตนเป็นความหวังเดียวของครอบครัว หากทำเช่นนี้คิรากรคิดว่าบิดาต้องยอมรับภีรภัสแน่นอน
"เหอะ! แกคิดว่าฉันจะง้อแกเหรอ ฝันไปซะเถอะ ลูก ฉันจะมีอีกกี่คนก็ได้ ส่วนลูกโง่ ๆ ที่กู่ไม่กลับอย่างแกนะเหรอ ฮึ นับแต่วันนี้ไป แกไม่ใช่คนของ พงศ์นิธิกุลเดช รถทุกคัน ทรัพย์สินทุกอย่างที่เป็นเงินจากฉัน แกต้องคืนมาให้หมด รวมถึงเพนเฮ้าส์ที่แกพาคนอื่นเข้าไปสมสู่นั่นด้วย พรุ่งนี้เพนเฮ้าส์จะถูกขายทอดตลาด แกมีเวลาเก็บของออกจากที่นั่นแค่คืนนี้คืนเดียว"
"พ่อ! มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอครับ ยังไงผมก็ช่วยงานพ่อนะ ถ้าพ่อจะไล่ผมจริง ๆ ผมก็ต้องได้อะไรติดตัวไปบ้างสิ"
คิรากรมืดแปดด้านจนถึงขึ้นต้องถกเถียงเอาส่วนแบ่งที่ช่วยงานผู้เป็นพ่อทำงาน ใครจะไปคิดนอกจากจุดอ่อนของพ่อจะใช้ไม่ได้ผล เขายังต้องถูกพ่อแท้ ๆ ไล่ออกจากตระกูล ทั้งทรัพย์สินก็ดูว่าจะถูกริบคืนจนหมด
"เอาไป 10 ล้านก็พอ ถือว่าฉันเมตตาแกมากแล้วนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทอีก ชื่อของแกจะถูกปลดออก นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป"
สิ้นเสียงของผู้เป็นพ่อ คิรากรก็จูงมือภีรภัสหมายจะเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่พ้นกำแพงห้องก็ได้ยินสิ่งที่มารดาช่วยพูด
"คุณคะ ฉันเป็นห่วงลูก คุณให้เงินแกไปน้อยเกินไปรึเปล่า"
"ถ้าคุณห่วงมันจริง ๆ คุณต้องเชื่อฟังผม วิธีเดียวที่จะกำจัดปรสิตไปได้ ก็คือไม่มีสารอาหารให้มันดูด"
ภีรภัสกำมือแน่นเมื่อโดนดูถูก วันนี้ทุกอย่างผิดคาดไปจากที่เขาคิดเอาไว้มาก หากคิรากรไม่มีเงิน ไม่ใช่ผู้สืบทอดของตระกูล พงศ์นิธิกุลเดชแล้วเขาจะมีประโยชน์อะไร
"ภีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ กรรู้จักคนมากพอ เราไปเปิดบริษัทใหม่ก็ได้ ประสบการณ์การทำงานกรก็มีพอสมควรแล้ว ไม่แน่กว่าจะถึงตอนนั้นคุณพ่อกับคุณแม่อาจจะไปตามกรกลับมาทำงานก็ได้"
แม้จะพูดแบบนั้น แต่คิรากรกลับรู้สึกว่าเขาไม่ต่างจากรามิลในเมื่อก่อน ที่หลอกตัวเองไปวัน ๆ เพราะกลัวที่จะสูญเสียคนที่รักไป
"อื้อ ภีมจะอยู่เคียงข้างกรเอง เพื่อพิสูจน์ให้คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเรารักกันจริง ๆ"
"ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมาก"
คิรากรพาคนรักของตัวเองเดินไปขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปเก็บเสื้อผ้าและสิ่งของของตัวเองออกจากเพนเฮ้าส์ต่อ คนที่ฝันสลายเห็นทีจะเป็นภีรภัสที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะได้มาอยู่ในเพนเฮ้าส์หรูแห่งนี้
.
.
ช่วงสายของวันต่อมา
ภายในโรงพยาบาลเอกชนแห่งใหญ่ ผู้คนมากมายกำลังเดินสวนกันเพื่อไปยังจุดหมายของตน หน้าห้องตรวจแผนกสูติฯ ปั้นสิบกำลังนั่งรอเพื่อนสนิทอย่างใจจดใจจ่อ เมื่ออีกฝ่ายหายเข้าไปภายในห้องตรวจนานนับ 20 นาทีแล้ว
ครืดดด
"เป็นไงบ้าง?"
ทันทีที่เห็นรามิลเดินออกมาจากห้อง ปั้นสิบรีบเดินเข้าไปหาและถามในสิ่งที่ตนรอฟังอยู่
"อื้อ"
รามิลทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบกลับเพื่อนรัก เพียงเท่านั้นปั้นสิบก็รู้แล้วว่ากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องของอีกฝ่าย ทางด้านคนที่ยืนหลบมุมเสาอยู่ก็ใจกระตุกวูบเพราะพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเช้ารามิลขอออกมาข้างนอกกับปั้นสิบ โดยไม่ยอมให้ใครตามมาด้วย แม้แต่เหนือลมก็ตาม นั่นยิ่งทำให้เหนือลมเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก จึงเป็นเหตุให้เขาต้องมายืนหลบมุมอยู่ในตอนนี้
"ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวปั้นจะช่วยเลี้ยงหลานเอง คุณเล็กต้องเข้มแข็งนะ"
"อื้อ ไปกันเถอะ"
รามิลเห็นว่าเริ่มมีคนหันมามองตนเอง พร้อมกับก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ จึงพอจะรู้ได้ว่าทุกคนคงรู้จักตนผ่านข่าวใหญ่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา
ทั้งคู่เดินออกมากำลังจะถึงรถของปั้นสิบ ทางด้านรามิลมัวแต่เหม่อลอยจนไม่ทันได้มองดูรถที่กำลังแล่นเข้ามาจนเกือบโดนรถเฉี่ยว
ปี๊กกกก~
พรึบ
"คุณเล็กระวัง!"
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนรามิลไม่ทันได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกทีร่างกายของเขาก็อยู่ในอ้อมกอดแกร่ง เจ้าของกลิ่นกายที่คุ้นเคยแล้ว
"ฮึก คะ..คุณเหนือ เล็ก อึก เล็กท้องลูกของเค้า"
"ขึ้นรถก่อนครับ รบกวนคุณปั้นช่วยขับรถให้หน่อยนะครับ ผมขอคุณกับคุณเล็กก่อน"
"ได้ ๆ ขึ้นเลย ๆ"
ปั้นสิบไม่ตอบรับเปล่า ๆ เจ้าตัวยังรีบวิ่งไปเปิดประตูหลังให้เพื่อนรักและบอดี้การ์ดคนสนิทอีกด้วย เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็กลับมาทำหน้าที่สารถี แม้จะสงสัยว่าทำไมอยู่ ๆ เหนือลมถึงโผล่มาได้ แต่ก็พอจะเดาออกว่าเหนือลมคงเป็นห่วงรามิลมาก
คนที่รับบทเป็นสารถีพอจะดูออกว่าเหนือลมคิดยังไงกับเพื่อนของตน และปั้นสิบก็เชื่อว่าเรื่องเด็กในท้องของรามิล เหนือลมต้องรับได้อย่างแน่นอน
"หมอบอกว่ากี่เดือนแล้วครับ"
"7 สัปดาห์ เล็กจะเลี้ยงเค้าให้ดี ถึงจะไม่มีพ่อ แต่เล็กจะเลี้ยงเค้าให้ดี อึก"
"ผมเชื่อว่าคุณเล็กทำได้ แต่คุณเล็กจะรังเกียจไหมครับ ถ้าผมจะขอเป็นพ่อของลูก ขอเลี้ยงดูเค้าไปพร้อมกับคุณเล็ก"
รามิลแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลังจากที่ถอนหมั้นมาเพียงหนึ่งวันก็มีคนมาขอเป็นพ่อของลูกเสียแล้ว
"มะ..หมายความว่า คุณเหนือจะเซ็นรับเป็นพ่อของลูกให้เล็กหรอ?"
"ทั้งนิตินัยและพฤตินัยครับ คุณเล็กพอจะเปิดใจให้นายเหนือลมคนนี้ได้ไหม"
มือหนาเกลี่ยหยดน้ำตาออกจากแก้มเนียนให้คนบนตัก มืออีกข้างกระชับร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดจนเจ้าตัวเริ่มเขินอายจนหน้าแดงก่ำ
"คุณเหนือ~"
"ผมรู้ว่ามันเร็วไป แต่ผมไม่เร่งคุณเล็กแน่นอน ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ผมขอแค่โอกาสเท่านั้น"
ความอ่อนไหวในใจของรามิลทำให้เผลอสบตาเหนือลมอยู่หลายนาที หลายปีที่รามิลใช้ชีวิตอยู่กับคิรากร ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารู้สึกมีความสุขได้มากเท่านี้ การถูกรักมันดีแบบนี้นี่เอง
"แฮ่ม ๆ ถ้าคุณเล็กปฏิเสธ ปั้นสิบคนนี้พร้อมต่อคิวนะครับคุณเหนือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
ปั้นสิบที่ขับรถอยู่เทียวมองกระจกหลังจนนั่งแทบไม่ติด ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับตัวเองจะดีแค่ไหน
"ฝันไปเถอะเพื่อนปั้น คุณเหนือต้องเป็นของคุณเล็กเท่านั้น ชิ!"
"หมายความว่าคุณเล็กก็เป็นของคุณเหนือเหมือนกันใช่ไหมครับ"
"งื้ออ คุณเหนือ~ รู้แล้วยังจะมาถาม เล็กเขินนะ"
"โอ๋ ๆ นะครับคนดี ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณเหนือต้องบอกคุณเล็ก พรุ่งนี้เราเดินทางไปบ้านคุณเหนือกันเลยนะครับ"
"อื้อ"
ตลอดการเดินทางกลับคฤหาสน์กีรติเมธา ปั้นสิบกลายเป็นอากาศธาตุไปเสียแล้ว ส่วนคู่รักคู่ใหม่ก็นั่งกันกะหนุงกะหนิงไปสุดทางกระทั่งถึงที่หมาย
