พี่น้องบ้านพี่กรเค้านอนเอากันเหรอ?
โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา
งานเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง พงศ์นิธิกุลเดชกรุป ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ ท่ามกลางแขกที่เป็นกลุ่มคนกระเป๋าหนัก สามารถซื้อบ้านหลังละ 300-400 ล้านได้อย่างไม่ต้องกังวล
หมู่บ้านแห่งนี้มีเพียง 30 หลัง ไม่ใช่ว่าแค่มีเงินก็จะซื้อได้ ทางโครงการยังมีการคัดกรองผู้อยู่อาศัย เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านทุกครัวเรือน พื้นที่ในการสร้างบ้านแต่ละหลังกว้างถึง 10 ไร่ บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขนาดนี้ ทั้งยังปลูกสร้างอยู่ในย่านทำเลที่มีแต่นักธุรกิจทุนหนาอาศัยอยู่ จึงถือว่าคุ้มมากสำหรับผู้ที่ได้ครอบครอง
"ภีรภัสติดต่อมาอีกไหม ไอ้คุณเล็ก"
ปั้นสิบเอ่ยถามรามิลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน ส่วนเหนือลมและบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ของราชันและราม ต่างก็กระจายตัวกันตรวจตราความเรียบร้อยตามที่ได้รับมอบหมาย
"ยังเลย ส่วนพี่กรก็โกหกไปวัน ๆ คุณเหนือให้คนตามดู สองคนนั้นก็ตัวติดกันตลอด อึก ฮึ่ม"
รามิลพูดไปก็มีทีท่าพะอืดพะอมไปด้วย จนปั้นสิบเริ่มสงสัย
"เหมาะกันแล้วแหละ ผีเน่ากับโรงผุ ว่าแต่แกเถอะไอ้คุณเล็ก อย่าบอกนะว่าลืมไปฉีดยาคุม"
คำพูดของเพื่อนสนิททำให้รามิลนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะหันไปสบตาปั้นสิบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
"..."
"ให้ตายเถอะไอ้คุณเล็ก ถ้าเกิดว่าแกท้องแกจะทำยังไง แกจะทนใช้ชีวิตสามคนผัวเมียต่อไปอย่างนั้นเหรอ!"
แม้คำพูดของปั้นสิบจะแผ่วเบา ทว่าท่าทีจริงจังของทั้งคู่ก็ทำให้เหนือลมที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายเมตรเริ่มเป็นห่วง อีกทั้งตอนนี้แขกยังทยอยเข้ามาไม่มากสักเท่าไหร่ จึงพอจะทำให้ทั้งคู่สามารถพูดคุยกันได้สะดวก
"ไม่มีวัน ยังไงเล็กก็จะถอนหมั้นภายในวันนี้"
"แล้วถ้าเกิดภีรภัสไม่ทำอะไรล่ะ แกจะเอายังไงคุณเล็ก"
"หลักฐานทุกอย่างเรามีอยู่ในมือ ถึงภีรภัสจะไม่ลงมือทำอะไรแล้วงานเลี้ยงจบลงด้วยดี แต่ยังไงเล็กก็จะส่งหลักฐานให้คุณอาคมสัน พร้อมกับถอนหมั้นให้จบภายในวันนี้ ส่วนเรื่องลูก...ถะ..ถ้าเล็กท้องจริง ๆ เล็กเชื่อว่าเล็กจะเลี้ยงเค้าให้ดีได้"
มือเรียววางทาบที่หน้าท้องของตัวเองเบา ๆ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองอาจจะตั้งท้อง เพราะเลยกำหนดที่ต้องฉีดยาคุมมาเดือนกว่าแล้ว เป็นความสะเพร่าของรามิลที่ยุ่งวุ่นวายเรื่องโปรเจคตัวใหม่ที่บริษัทกำลังจะร่วมลงทุน จนลืมวันนัดของหมอ
งานเลี้ยงเริ่มคึกคักในช่วงเวลา 20.00 น. แขกที่ถูกเชิญมางานนี้มีเพียง 100 ท่านเท่านั้น เมื่อคนทยอยมาจนครบพิธีกรก็เริ่มทำงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างมืออาชีพ
"สวัสดีครับ/สวัสดีค่า ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเข้าสู่ งานเปิดตัวโครงการคฤหาสน์กลางกรุง จัดสร้างโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง พงศ์นิธิกุลเดชกรุป และร่วมทุนสร้างกับบริษัท กีรติแอคเซส ดิฉัน พรประภา /ผม รัชพล ขออนุญาตรับหน้าที่เป็นพิธีกรเพื่อดูแลแขกผู้มีเกียรติทุกท่านในค่ำวันนี้"
ในระหว่างที่พิธีกรทั้งสองคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อย ๆ รามิลหันไปเห็นคิรากรเดินนำหน้ากลุ่มเพื่อน ๆ และภีรภัส ก่อนจะมาหยุดนั่งที่โต๊ะที่อยู่คนละฝั่งกับรามิล หลังจากส่งภีรภัสและเพื่อน ๆ ถึงโต๊ะ เจ้าตัวถึงได้เดินกลับไปที่โต๊ะของครอบครัว
ทางด้านคุณคมสันและคุณนายพนิดาที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับรามิล เมื่อเห็นการกระทำของลูกชาย ใบหน้าของทั้งคู่แสดงออกมาชัดเจนว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"ไม่คิดจริง ๆ ว่าเค้าจะใช้วิธีนี้"
รามิลยิ้มมุมปากเมื่อสงสัยมาถึง 2 วันว่าคิรากรจะพาอดีตคนรักมาที่งานเลี้ยงครั้งนี้ได้ยังไง ที่แท้ก็ใช้วิธีชวนเพื่อนรุ่นเดียวกันมาเป็นฉากบังหน้า
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของรามิลดังขึ้นเรียกความสนใจให้รามิลก้มลงไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากภีรภัส นิ้วเรียวก็จิ้มเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็ว
"เตรียมตัวน้ำตาเช็ดหัวเข่าได้เลย คงคิดว่า พงศ์นิธิกุลเดช ต้องพึ่งพาคุณหนูรามิลไปตลอดสินะ! หึ น่าขำสิ้นดี"
ใบหน้าของรามิลเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา ทั้งยังเชิดหน้า อกตั้งหลังตรงอย่างสง่างามในแบบฉบับของตน
การกระทำไม่แยแสของรามิลยิ่งทำให้ภีรภัสเดือดดาลขึ้นอีกหลายเท่า
ภายใต้การดำเนินงานของพิธีกรทั้งสอง คุณคมสัน พงศ์นิธิกุลเดช และ คุณราชัน กีรติเมธา ถูกเชิญให้ขึ้นไปกล่าวเปิดงานเล็ก ๆ น้อย ๆ
หลังจากนั้นก็เป็นการฉายแบบบ้านที่มีให้เลือกมากถึง 10 แบบ พร้อมกับนำโมเดลจำลองออกมาให้แขกได้ดูได้ชม เพื่อประกอบการตัดสินใจ
พองานดำเนินมาได้เกินครึ่งทาง รามิลสังเกตเห็นภีรภัสเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไปเงียบ ๆ คนตัวเล็กจึงส่งสายตาให้บอดี้การ์ดคู่ใจให้รีบตามไปดูทันที
ผ่านไปหลายนาทีกว่าภีรภัสจะกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะเช่นเดิม การเฝ้าชะเง้อคอมองของคิรากรอยู่ในสายตาของทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ ผู้เป็นพ่อและแม่ แม้จะไม่พอใจแต่ต้องเก็บไว้ไปจัดการทีหลังเพราะไม่อยากให้งานในวันนี้เกิดปัญหา
ในช่วงสุดท้ายของงาน พิธีกรได้กล่าวเชิญให้ครอบครัว พงศ์นิธิกุลเดช แล กีรติเมธา ให้ขึ้นไปถ่ายรูปร่วมกันบนเวที รวมทั้งแขกคนสำคัญอีกหลายท่าน
"ตัวเล็ก มาเดินไปกับพ่อเร็วลูก"
สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อรามิลรีบพยักหน้าตอบรับแล้วเดินไปหาบิดาเพื่อขึ้นบนเวทีร่วมกัน ทว่า
.
"กร กรรักรามิลจริง ๆ เหรอ ทำไมกรถึงยอมหมั้นกับเด็กนั่น หรือเป็นเพราะสงสารกันแน่"
"ภีมอย่าพูดถึงคนอื่นเวลาที่เราอยู่ด้วยกันได้ไหม กรรักรามิลเหมือนน้อง เราหมั้นกันในช่วงที่กรกำลังอ้างว้างพอดี อีกอย่าง ธุรกิจที่บ้านก็ต้องการความช่วยเหลือจากกีรติเมธา แต่ถ้าถามว่ารัก คนเดียวที่กรรักมาตลอดก็คือภีม"
ภาพของคิรากรและภีรภัสที่กำลังนอนกอดกันบนเตียง ในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างมีผ้าห่มปกคลุมอยู่ บทสนทนาของทั้งคู่ชัดเจนไม่มีตกหล่น จนผู้คนในงานเริ่มแตกตื่นว่าเกิดอะไรขึ้น
นักข่าวที่ถูกเชิญมาทำข่าวต่างเร่งรีบกดชัตเตอร์รัวเร็วเพื่อเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุด ส่วนคนที่เก็บภาพเคลื่อนไหวอยู่ก็สามารถบันทึกบทสนทนาไว้ได้ทั้งหมด
"มะ..หมายความว่ายังไงพี่กร ไหนเมื่อสองวันก่อนพี่สัญญากับมิลแล้วไม่ใช่หรอว่าจะไม่ยุ่งกับเค้าอีก"
รามิลเงยหน้าขึ้นจากอกของบิดาทั้งน้ำตาอาบแก้ม คนตัวเล็กเอ่ยถามคู่หมั้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพื่อขอคำตอบ
"หนูมิล ใจเย็น ๆ ก่อนนะลูก อาว่ามันคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เดี๋ยวอาขอคุยกับเจ้ากรก่อน เจ้ากรไม่มีวันตาต่ำไปเอาคนที่ทะเยอทะยานจนยอมหักหลังคนรักแบบนั้นหรอก"
คุณคมสันรีบเข้ามาแก้สถานการณ์ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป แต่คราวนี้เป็นคิรากรที่ออกปากปกป้องภีรภัสอย่างเต็มเสียง แม้เขาจะรู้ว่าภาพที่ออกมาจะเป็นฝีมือของภีรภัส แต่ก็ไม่นึกโกรธเคืองคนที่ตนเองรัก
"จริงครับคุณพ่อ คนเดียวที่ผมรักคือภีม ส่วนน้องมิล ผมมองว่าเป็นน้องคนนึงมาโดยตลอด"
"ไอ้กร! ไอ้ลูกชั่ว แกกล้าพูดอะไรที่หน้าไม่อายแบบนี้ออกมาได้ยังไง"
พั๊วะ
"ถ้าคิรากรพูดออกมาเต็มปากขนาดนี้ ฉันในฐานะคนเป็นพ่อ คงยอมให้ใครมาเหยียดหยามลูกของตัวเองไม่ได้ การหมั้นหมายของรามิลและคิรากร ถือเป็นอันสิ้นสุดลงนับแต่วันนี้ การร่วมลงทุกของ กีรติแอคเซส จะถูกถอนตัวออกจาก พงศ์นิธิกุลเดช ทั้งหมด กลับบ้านกันเถอะลูก"
"แป้บนึงครับคุณพ่อ เล็กขอถามอะไรพี่กรหน่อย"
"ได้สิลูก"
รามิลจ้องมองหน้าคิรากรอย่างไม่หวาดหวั่น สองเท้าเรียวก้าวเดินไปหยุดตรงหน้าของคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคู่หมั้น
"พี่น้องบ้านพี่กรเค้านอนเอากันเหรอครับ! ขอให้สนุกของเน่า ๆ ที่ได้กลับมา จากวันนี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ขอให้โชคดีกับผีเน่าของพี่นะครับ"
คิรากรนิ่งอึ้งอย่างผิดคาด ยิ่งได้เห็นสายตาและน้ำเสียงของรามิล ยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รามิลเห็นภาพเหล่านี้ รามิลที่เคยเรียบร้อยน่ารักในสายตาของเขาหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงสายตาเย็นชาที่สะท้อนออกมาให้เขามองเห็น
"กลับกันเถอะครับคุณพ่อ ฮึก"
เป็นอีกครั้งที่รามิลซบลงที่อกของบิดา เมื่อคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาก็ตาแดงก่ำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้มเนียน
"ไปลูก"
ราชัน ราม รามิล ปั้นสิบ และบอดี้การ์ดอีกนับสิบชีวิตเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อยชีวิต แวบหนึ่งรามิลได้หันไปสบตากับภีรภัสที่กำลังยืนยิ้มเยาะอย่างมีความสุข เพราะคิดว่าตนเองคือผู้ชนะ
"ขอประทานโทษแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่เกิดความผิดพลาดขึ้นนะครับ หลังจากพรุ่งนี้ผมจะทำหนังสือการยืนยันร่วมทุนสร้างส่งไปถึงแขกทุกท่านที่มาในวันนี้ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ขออภัยที่งานเปิดตัววันนี้เกิดความผิดพลาด ผมรับรองว่าไม่ส่งผลต่อโครงการแน่นอนครับ"
คุณคมสัน พงศ์นิธิกุลเดช ต้องรีบขึ้นมากล่าวปิดงาน พร้อมกับยืนยันว่าโครงการหมื่นล้านนี้จะยังคงสามารถดำเนินงานได้ต่อ เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.
.
"เสียใจมากไหมครับ?"
เหนือลมเอ่ยถามรามิลที่กำลังใช้ทิชชูซับแก้มเนียน ในระหว่างที่กำลังอยู่บนรถตู้
"เสียใจอะไรกันครับ นี่ต่างหากตัวช่วยของเล็ก"
มือเรียวล้วงกระเป๋าหยิบขวดน้ำตาเทียมขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็นพร้อม ๆ กัน ก่อนจะส่งยิ้มแป้นกลับไปให้ทุกคนได้สบายใจ
"แต่คุณเล็กตาแดง ๆ นะครับ"
"โถ่คุณเหนือ นึกว่าเรื่องอะไร ก็ตอนนั้นเล็กรีบเกินไป ปลายขวดก็เลยทิ่มลูกกะตาเข้าให้ ฮะ ฮะ ฮะ สบายใจได้เลยครับ ว่าแต่พวกเราจะเดินทางไปเที่ยวที่บ้านคุณเหนือเมื่อไหร่กันครับ"
"ได้ทุกเมื่อที่คุณเล็กพร้อมครับ ทุกคนที่บ้านของผมรอต้อนรับคุณเล็กเสมอ"
"งื้ออ ชักจะอยากไปแล้วสิ คุณพ่อจะให้เล็กเดินทางวันไหนดีครับ"
ประโยคหลังรามิลหันไปเอ่ยถามบิดาที่อยู่เบาะหน้าถัดขึ้นไปอีกหนึ่งแถว
"เมื่อไหร่ก็ได้ลูก ส่วนทางนี้พ่อกับเจ้าใหญ่จะจัดการเอง"
"ขอบคุณครับ รักคุณพ่อที่สุดเลย"
"ไอ้คุณเล็กแล้วเรื่องนั้น"
เสียงของปั้นสิบเอ่ยขึ้นเตือนสติผู้เป็นเพื่อนว่ายังมีอีกเรื่องที่น่าเป็นกังวล
"พรุ่งนี้ปั้นว่างไหม พาเล็กไปหน่อย"
"อื้อ ได้สิ"
ราชัน ราม เหนือลม ต่างก็นั่งเงียบ ๆ รอจนกว่ารามิลจะพร้อมและบอกทุกอย่างกับพวกเขาด้วยตัวเอง
ทั้งสามคนต่างก็รู้ดีว่ารามิลเป็นคนยังไง แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มที่สดใส ก็ใช่ว่าบาดแผลข้างในจะหายสนิท
