9
นอกจากรีวารินจะไม่ยอมรับทุกการติดต่อจากเขา...แม้จะมาถึงเกาะสมุยแล้ว เธอยังมารับประทานอาหารเย็นร่วมกับอนุชาสองต่อสอง เพราะไอยาติดคุยงานกับลูกค้าทางออนไลน์ยังไม่แล้วเสร็จ
อนุชายิ้มเปิดเผยความรู้สึกชื่นชมแบบไม่ปิดบัง ค่ำคืนนี้รีวารินมาในชุดเปลือยไหล่สีน้ำเงินสด ตัดกับผิวขาวนวลเด่น เนินอกสาวถูกดันจนได้รูป...แถมกระโปรงที่เธอใส่ก็ยังเข้ารูป และเหนือเข่ามามาก
คนเรียบร้อยแบบเธอ..เผยลุคนี้ให้เขาได้เห็นไม่บ่อยเท่าไหร่
“มองรินทำไมคะ...รินมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” เธอก้มลงมองตัวเองแบบไม่มั่นใจ แต่แววตาพราวระยับอยู่ในที
เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้...แม้จะรู้สึกผิด แต่เธอก็พยายามจะลืมมันไป เพราะเธอถอยหลังไม่ได้แล้ว
“ถ้าพี่จะชมว่ารินสวยมาก...จะผิดอะไรหรือเปล่า” อนุชาเอ่ยแบบไม่มั่นใจ ความจริงใจผ่านคำพูดและแววตาทำเอารีวารินชะงัก
เธอรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอมาตลอด...และเธอไม่ควรจะมาล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาแบบนี้
“จะผิดอะไรละคะ ขอบคุณมากต่างหากที่ทำให้รินมั่นใจ” เธอยิ้มรื่นเริง ไม่ตกอยู่ในภวังค์ให้เขาคิดเกินเลย...พร้อมตักอาหารให้เขาอย่างกุลีกุจอ
“คนอย่างรินน่ะหรือ ที่จะไม่มั่นใจ” เขาส่ายหัวพร้อมตักอาหารจากเธอเข้าปากอย่างผ่อนคลาย
“ใช่สิคะ...รินไม่ได้เป็นผู้หญิงสวยผุดผาดที่พอใส่อะไรเข้าไป ก็จะสวยไปหมดนี่คะ”
“แต่รินสวยแบบมองไม่เบื่อ...” อนุชาชะงักเอาไว้เพียงแค่นั้น เพราะรู้ว่าคงจะไม่เหมาะ
“พี่ขอโทษ รินมาถ่ายพีเวดดิ้งแท้ๆ พี่พูดอะไรออกมาก็ไม่รู้” เขาทำหน้าเศร้าออกมาจากใจ จนเธอต้องยิ้มแก้สถานการณ์
“พรีเวดดิ้งหลอกๆน่ะค่ะไม่ได้สำคัญอะไร ถ้าพี่นุไม่มาด้วยรินต้องเซ็งมากแน่ๆค่ะ” แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเจอกับสายตาคมกริบที่มองมาจากมุมหนึ่งของร้าน
อภิสรรค์กำลังนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับหญิงสาวในชุดเซ็กซี่ เธอรู้ว่านี่คือภาพชินตาที่ต้องเห็น..หากแต่ก็ไม่เคยชินได้
ภาพนี้ส่งผลต่อความรู้สึกในแววตาของเธอได้เสมอ...อนุชามองตามสายตาของเธอแบบอยากรู้
“ไม่ต้องไปสนใจหรอกริน ทานอาหารกันต่อดีกว่า” เขารับรู้ความเจ็บปวดของเธอได้ดี และรู้สึกเสียใจยิ่งกว่า...ที่ปล่อยให้เธอต้องหลุดไปอยู่ในมือของคนมักมากพรรค์นี้
ดูสิ...ไม่ให้เกียรติเธอเลยสักนิด!
“จะไปไหนคะพี่ซัน!” อัปสรตกใจเมื่อกำลังจะยกแก้วไวน์ขึ้นชนกับเขา หากแต่เขากลับลุกขึ้นยืนเดินออกไปจากโต๊ะแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเสียแบบนั้น
อภิสรรค์เดินมายังโต๊ะอาหารที่เขาเฝ้ามองมาสักพักทันที เมื่อเธอสบตาเขาก็เท่ากับว่าเธอรับรู้การมีตัวตนของเขาแล้ว...และเขาไม่อยากจะเสียเวลาในการขัดจังหวะเธอกับชายอื่นสักวินาทีเช่นกัน
“ทักทายครับว่าที่เจ้าสาว” เขาเสียมารยาททรุดลงนั่งข้างเธอแบบไม่ได้รับคำเชื้อเชิญ กวักมือเรียกบ๋อยให้เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟตัวเองแบบไม่สนใจสายตาตรงข้ามที่มองมาอย่างเขม็ง
“ผมว่าคุณควรจะให้เกียรติรินมากกว่านี้นะครับ” อนุชาว่าเสียงเข้ม กับการกระทำไม่ไว้หน้านี้
“แต่ผมว่า...คุณควรจะให้เกียรติผมมากกว่านี้เช่นกันนะครับ ผู้ชายดีๆที่ไหนควงว่าที่เจ้าสาวของคนอื่นมากินข้าวสองต่อสอง” แล้วเขาก็ใช้วงแขนกว้างโอบกอดเธอเอาไว้หลวมๆอย่างถือสิทธิ
“นั่นน่ะสิครับ คงจะมีแต่ผู้ชายเลวๆเท่านั้นที่ควงผู้หญิงอื่นมาทำให้ว่าที่เจ้าสาวของตัวเองเสียใจ” รีวารินพยายามส่งสายตาห้ามปรามอนุชา เพราะเธอไม่อยากให้เขามาเสียหายกับเรื่องนี้
“รินต้องขอโทษพี่นุด้วยนะคะ...ที่ปล่อยให้คนของรินเสียมารยาทกับพี่นุ” เธอว่าอย่างไม่สบายใจ พร้อมสะบัดไหล่ออกจากการเกาะกุมของเขา
“ขอบใจที่แสดงความเป็นเจ้าของ” นอกจากเขาจะไม่สะทกสะท้านกับคำตำหนิของเธอแล้ว เขายังโน้มไหล่เธอเข้าหาตัวเองให้ชิดมากขึ้น
อนุชามองภาพนั้นด้วยแววตาเดือด...หากแต่เขาไม่มีสิทธิอะไรที่จะปกป้องเธอได้เลย
“อย่าเสียมารยาทไปมากกว่านี้เลย!” เธอกระซิบเข้มใส่เขาพร้อมแววตาเขียว จนเขาต้องเป็นฝ่ายยิ้มพราย
“ต้องการให้ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ก็ทำให้แล้วไง” เขาว่าอย่างรู้ทัน และมองไปที่โต๊ะที่ตัวเองจากมาเหมือนเชื้อเชิญเธอมองด้วย
อัปสรไม่แม้แต่จะกล้าเดินตามมา...ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเขาควบคุมคนของเขาได้
“พี่นุคะ รินขอโทษพี่นุด้วยนะคะ...พี่นุกลับไปก่อนเถอะค่ะ รินขอ” เธอเอ่ยอย่างขอร้อง เพราะสายตาหลายคู่กำลังมองมาที่โต๊ะของคนทั้งสาม
และแน่นอนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..คนเสียหายก็คืออนุชา ซึ่งเธอไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น
“ดูแลตัวเองด้วยนะริน” เขาลุกขึ้นอย่างจำใจ หากแต่ขณะเดียวกัน...ร่างระหงเพรียวได้รูป ก็ก้าวเข้ามาพอดีจนเขาต้องหยุดการก้าวเดินออกไป
เพราะผู้หญิงคนนั้นคือนางแบบที่เขารู้จัก...และสายตาของเธอกำลังมุ่งหน้ามายังโต๊ะของรีวาริน
“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะคะ...จะรีบกลับไปไหนคุณนุอยู่ทานอาหารด้วยกันก่อนสิคะ” จิตราว่าพร้อมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเก้าอี้ที่อนุชาเพิ่งลุกขึ้น
“หมายความว่ายังไงคะ” เหมือนสวรรค์ส่งชีวิตมาให้เล่นเกมส์ต่อ รีวารินแอบยิ้มในดวงตา และถามผู้หญิงตรงข้ามว่าที่เจ้าบ่าว เหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“ปีนี้ท่าจะได้ตุ๊กตาทองหลายตัว” เขาประชดเข้าให้ พอได้ยินกันสองคน แม้รู้สึกยุ่งยากใจแต่ก็ไม่ถึงกับจะจัดการอะไรไม่ได้
“ฉันกับคุณนุ ต่างก็อยู่ในสถานะเดียวกัน...มาดูคนที่ตัวเองรัก ถ่ายพรีเวดดิ้ง” คำตอบของผู้มาใหม่ ทำเอาอนุชาต้องทรุดลงนั่งที่เดิมของตัวเองทันที
“พูดจาอะไร ระวังบ้างนะคุณ...รินจะเสียหายเอา” เขากระซิบเข้ม เพราะกลัวใครจะได้ยินเข้า
“ถ้าคุณกลัวเธอเสียหายจริง คุณคงไม่มากับเธอตั้งแต่แรกหรอกค่ะ...จริงมั้ยคะซัน” เธอยกเครื่องดื่มที่บ๋อยผู้รู้หน้าที่เอามาเสิร์ฟ แกว่งไปมาเบาๆก่อนยื่นไปแตะแก้วของอภิสรรค์ที่ยังวางนิ่งอยู่ในที่ของมัน
“เหมือนกับที่คุณมาในวันนี้นั่นสินะ...” คำตอบกลับของอภิสรรค์ ทำให้อนุชาหันไปมองหน้าเขาเหมือนเริ่มจะเข้าใจ
“รินพี่พากลับห้องมั้ย” เขาเอ่ยถามอย่างห่วงความรู้สึก เมื่อเธอแสดงออกเหมือนกำลังอับอายและเสียใจ
โดยไม่รู้เลยว่า เธอกำลังเล่นละครไปแบบนั้น!
ไม่ทันที่เธอจะได้ตอบรับอะไร...มือแกร่งของคนที่ไม่ได้เอ่ยปากชวน ก็คว้าเธอออกไปจากโต๊ะอาหารทันที
“นี่คุณ!” เธอทำได้เพียงส่งเสียงทักท้วงเพียงเล็กน้อยแค่นั้น เพราะตอนนี้สายตาคนหลายคู่กำลังมองมาอย่างสนใจและเริ่มซุบซิบนินทา
“ซันคะ!” จิตราเสียงดังขึ้น พร้อมจะก้าวตามไป...อนุชาผู้ที่จะทำแบบนั้นเหมือนกัน ต้องชะงักเท้าเอาไว้และใช้มือไปขวางการมุ่งหน้าของร่างเพรียวลมนั่นเข้าเสียก่อน
“ผมไม่ปล่อยให้คุณ ทำร้ายความรู้สึกรินไปมากกว่านี้หรอก”
“เหอะ! ชีวิตพระรองนี่น่าสมเพสดีนะ...เหมือนหมารักเจ้าของ ที่ยอมเจ็บปวดและตายแทนได้...ยอมที่จะหัวเน่าให้เขาเหยียบขึ้นไปมีความสุข” แม้จิตราจะพูดออกมาได้ไม่ผิดแม้แต่คำเดียว...แต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้เธอไปวุ่นวายกับรีวารินแน่ๆ
“ซันของฉันหายไปไหน! ไปเข้าห้องน้ำมาแป๊บเดียว...ทำไมไม่อยู่แล้วล่ะ” เสียงโวยวายของผู้หญิงที่อนุชาจำเสียงเธอได้ดี ทำให้เขาต้องปล่อยมือจากจิตราแบบไม่ต้องขอ
และเขาก็เลือกที่จะเดินมุ่งหน้าต่อไปให้เร็วที่สุด...และแน่นอนว่าจิตราที่หมายเช่นนั้นเหมือนกัน กระทำการไม่ทันเมื่อเจ้าของน้ำเสียงกรีดหู ได้ขวางทางเธอเอาไว้เสียก่อน
“เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“หลีกไป ฉันไม่ใช่ไฟจราจรที่เธอจะมายืนเป่านกหวีดโบกรถแถวนี้” ใบหน้าตึงจริงจังไม่มีเล่นทำเอาเธออยากจะหยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าใส่หูซะจริงๆ
“อร๊าย!!! แกกล้าดียังไงมาว่าฉัน!” แล้วเธอก็วิ่งเข้าไปจับร่างเพรียวที่สูงกว่า เหวี่ยงไปมา...
“ไร้สาระ!” แต่คนที่ถูกเหวี่ยงจนร่างไปกองกับพื้น กลายเป็นเธอเสียแทน
“แกกล้าดียังไงมาผลักฉันล้ม อร๊าย!!”
“ที่ควงมันมาเนี่ย...คิดจะยั่วให้หึงล่ะสิ” น้ำเสียงเชิงหงุดหงิดชัดเจนเปล่งออกมาจากริมฝีปากกร้าน ที่เม้มแน่นอย่างสะกดอารมณ์...แววตาไร้แววความพึงพอใจเพ่งพิศไปทั่วเรือนร่างระหงส์ที่บัดนี้กำลังใส่ชุดอวดทรวดทรงเต็มที่
“นี่คุณคิดว่าตัวเอง...มีอิทธิพลพอที่จะให้ฉันทำอะไรให้ อย่างนั้นเหรอคะ?” แววตาใสว่าพาซื่อ ก่อนเอียงใบหน้าเหมือนคิดเล็กน้อย...ความนิ่งอย่างแยบยลของเธอ ทำเอาเขาแทบร้อน เนื้อแทบเต้น...เหมือนแววตาของเธอเป็นน้ำร้อนที่ราดเขาไปได้ทั้งตัว
“อย่ามาพูดยั่ว” แล้วเพศชายที่พอทำอะไรไม่ได้นิดหน่อย ก็ใช้กำลัง...ก็บีบแขนดันตัวเธอเข้าหา จนเธอต้องสูดลมหายใจลึก...
“ดิฉันว่าเราต่างคนต่างอยู่ เหมือนที่เป็นมาจะดีกว่านะคะ...มันดีกับเราทั้งคู่แล้ว ฉันโอเคที่คุณจะมีใครก็ได้...และฉันก็อยากที่จะให้คุณโอเคเหมือนกัน ที่ฉันจะมีใครก็ได้..” สิ้นประโยคอ่อนไหว...ริมฝีปากช่างพูดก็ถูกเขาหยุดทุกอย่าง แทบจะหมายรวมถึงลมหายใจ!
ความดุร้อนที่ส่งมาอย่างถือสิทธิ์ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวหรือกำลังตกเป็นรองเลยสักนิด...เรียวลิ้นเล็กตั้งรับเขาได้เป็นอย่างดี
