8
“ถอนกับแต่ง ไม่ต่างกันยังไงเหรอ?” เสียงกระซิบข้างหูที่ถามกลับทำเอาเธอต้องห่อไหล่ หยุดอาการดิ้นได้ชะงัก
“เพราะสุดท้าย คนที่เสียหายก็คือฉันอยู่ดี” เธอตอบเขานิ่งๆ ไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด...
ส่วนหนึ่งเธอเองก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่ลึกๆเธอก็ไม่ยอมรับในความรู้สึกนั้นได้ง่ายๆ
อภิสรรค์สัมผัสได้ถึงสิ่งที่เธอสื่อออกมา...ถ้าเธอตั้งใจจะเล่นเกมส์เพื่อเรียกร้องอะไรบางอย่าง เขาก็พอจะเข้าใจ แต่ถ้าเธอจะทำไปเพื่ออย่างอื่น...เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะให้ได้หรือเปล่า
“ห่วงเป็นอยู่เรื่องเดียวนี่สินะ” เขาประชดพร้อมเกยคางลงกับไหล่มน จนเธอต้องขยับพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง
“ทำบ้าอะไรของคุณ”
“ก็อยากจะรู้...ว่าคนที่ห่วงแต่ชื่อเสียง เกียรติยศแบบคุณเนี่ย หวั่นไหวเป็นหรือเปล่า?” แล้วเขาก็เลื่อนจมูกโด่งคมมาคลอเคลียข้างแก้ม พร้อมแอบสูดกลิ่นหอมอย่างถือวิสาสะ
“หวั่นไหวเป็นแน่..แต่แค่ไม่ใช่กับคุณ!” เธอใช้แรงฮึดสุดท้ายเพื่อที่จะหลุดพ้น แรงเธอก็มากพออยู่หรอก...หากแต่คำพูดที่เธอสบประมาทมาแบบนั้น ทำให้เขากอดรัดเธอแน่นขึ้น จนร่างเธอแทบจะหลอมไปกับตักเขา
“ท้าทายดีจัง...” แล้วเขาก็สูดแก้มเธอเข้าอย่างจังแบบไม่สนว่าเธอจะอนุญาตหรือเปล่า รีวารินตาโตและดิ้นแรงขึ้น
แต่ยิ่งทำก็เหมือนทำให้ตัวเองตกเป็นรองเขามากขึ้นเท่านั้น!
“คนบ้า! ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ต้องมีแล้วมั้งพรีเวดดิ้ง...เลื่อนมาแต่งเร็วขึ้นเลยดีมั้ย” ยิ่งเธอไม่ชอบใจ...เขาก็ยิ่งชอบ
“ใช่...ฉันไม่อยากมีพรีเวดดิ้ง”
“ไม่เอาดีกว่า...อะไรที่คุณไม่อยาก ผมไม่ปล่อยผ่านให้แน่ๆ”
“คนบ้า เป็นโรคจิตหรือไง...ชอบเห็นคนอื่นไม่มีความสุข”
“นอกจากโรคจิตแล้ว...ยังซาดิสต์ด้วยนะ” เสียงพร่าข้างหูที่จงใจ บรรจงงับใบหูเล็กจนเธอขนลุกซู่ เบี่ยงใบหน้าหลบ...แต่ความที่เขาแข็งแรงมากกว่า
ทำให้เธอทำอะไรไม่ได้ถนัดเท่าไหร่!
“นี่แหนะ!” เธอรวบรวมพลังเท้าเหยียบเท้าเขากลับอย่างแรง พร้อมหลุดพ้นจากวงแขนแกร่งนั้นได้
“โอ๊ย...” เขาร้องลั่น พร้อมใบหน้าเหยเก...มองตามการวิ่งหนีไปของเธอพร้อมส่ายหัว
ม้าสาวตัวนี้...พยศเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ แต่มีหรือที่คนชอบขี่ม้าอย่างเขาจะเอาไม่อยู่ แล้วรอยยิ้มจางๆก็ผุดขึ้นมา...เมื่อกลิ่นหอมติดปลายจมูกยังคงคลุ้งอยู่
“อะไรนะ! แกจะให้ฉันกับพี่นุไปเป็นเพื่อนแกถ่าย พรีเวดดิ้งที่เกาะสมุยอย่างนั้นเหรอ!” ท่าทีโวยวายของเพื่อนรักอย่างไอยา ไม่ได้ทำให้เธอร้อนใจเท่าไหร่...
รีวารินเลือกชุดพรีเวดดิ้งเรียบร้อย...และนัดวันกับว่าที่เจ้าบ่าวอย่างมั่นเหมาะ พักนี้เธออยู่อย่างสงบเรียบร้อยพร้อมด้วยแผนการต่อไปอย่างแยบยล
“ทำไมล่ะ เราสองคนไม่ได้ไปเที่ยวทะเลด้วยกันมานานแล้วนะ อีกอย่างพี่อนุชาก็มีโรงแรมอยู่ที่นั่นด้วย...ฉันก็เลยอยากจะไปพักที่นั่นแบบมีสปอนเซอร์ซะหน่อย”
“สาบาน ว่าแกไม่ได้คิดจะใช้พี่ชายฉันไปเป็นเครื่องมือเดินเกมส์สู้ว่าที่เจ้าบ่าวของแกอ่ะ” รีวารินยิ้มพร้อมส่ายหัว กับความรู้ใจของเพื่อนรัก
“แกจะบ้าหรือยังไง ฉันนับถือพี่อนุชาเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ฉันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร” แต่เธอก็ยังคงที่จะไม่ยอมรับง่ายๆอยู่ดีนั่นแหละ
“เฮ้อ ฉันนี่หนักใจเรื่องของแกกับพี่ซันจริงๆ...ฉันกลัวว่ามันจะกลายเป็นความเดือดร้อนเป็นวงกว้างยังไงก็ไม่รู้” ไอยาจ้องตาเพื่อนรักอย่างค้นคว้า...เธออยากจะห้ามปราม แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมยืนข้างๆเพื่อนเสมอ
“อือ...ขอบใจมากที่เป็นห่วง ฉันสัญญาว่าจะควบคุมสถานการณ์นี้ให้ได้” ไอยาพยักหน้า...และเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ช่วยเพื่อน
แม้จะเป็นห่วงแค่ไหน...ก็ดีกว่าปล่อยให้เพื่อนรักทำอะไรตามลำพัง แล้วเกิดปัญหาที่เธอไม่ได้รับรู้ด้วย...อย่างน้อยถ้าเธอรู้ เธอจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
และแล้ววันถ่ายพรีเวดดิ้งก็ได้มาถึง...รีวารินเลือกที่จะไม่ร่วมรถคันเดียวกับเขา แถมยังไม่ตอบรับทุกการติดต่อ
อนุชาเต็มใจที่จะพาเธอไปพักที่โรงแรมของเขาและอาสาขับรถพาไป เขารู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงาน...แต่นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ที่เขาจะได้ต่อสู้เพื่อหัวใจของตัวเอง
มันอาจจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่...เพราะเธอกำลังจะแต่งงาน และมีคู่หมายอยู่แล้ว แต่เขารู้ความระหองระแหงของความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
อีกทั้งยังรู้ว่ารีวารินกำลังไม่มีความสุขและพยายามที่จะให้เจ้าบ่าวถอนหมั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้เขาใช้มันมาเป็นข้ออ้าง เพื่อให้ตัวเองได้สบายใจ...ว่าไม่ได้กำลังทำสิ่งผิด
เขากำลังช่วยเธออยู่...เขาพยายามเชื่อแบบนั้น
“ขอบคุณพี่นุมากเลยนะคะ...ที่ยอมเสียเวลามาเป็นเพื่อนริน” เธอเอ่ยเสียงหวานแบบเป็นธรรมชาติ แม้ความรู้สึกผิดจะทักท้วงว่าไม่ให้เล่นกับความรู้สึกพี่ชายเพื่อน แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
“อย่าคิดมากสิริน พี่ยินดีและเต็มใจมากๆ ถ้าขาดเหลืออะไรโทรบอกพี่ได้เลยนะ พี่จะอยู่ช่วยรินจนจบทริปนี้เลย” รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแผ่เป็นวงกว้าง จนบุคคลที่สามต้องกระแอมเสียงดัง
“พี่นุไปพักได้แล้วนะคะ...เดี๋ยวไอยากับยายรินจะไปพักที่ห้องสวีทสุดหรูที่พี่เตรียมไว้ให้กัน อ้อ...ว่าที่เจ้าบ่าวแกถึงไหนแล้วเหรอ ไม่โกรธที่แกไม่ยอมมาด้วยจนหูไหม้แล้วเหรอ” หลังจากขัดคอพี่ชาย...ก็ไม่วายท้วงติงเพื่อนสาว
“รินขอตัวก่อนนะคะ” และเธอก็เอ่ยลาพี่ชายเพื่อน แบบไม่ยอมตอบคำถาม และเดินนำไปยังห้องพักทันที
“หึ พยศไม่จบไม่สิ้น” คนที่ตามว่าที่เจ้าสาวมาแบบติดๆ รู้สึกหงุดหงิด...แม้จะรู้ว่าเธอกำลังเล่นเกมส์ก็ตาม
ท่าทีสนิทสนม...รวมไปถึงรอยยิ้มหวานๆที่เธอมอบให้ชายอื่น มันทำเอาเขารู้สึกแทบจะบ้าคลั่ง
“ทักทายค่ะซัน” เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียบทักทาย จนเขาไม่อยากหันไปทางต้นเสียง
จิตรามาด้วยชุดสีเลือดนกเข้มอวดความเพรียวระหงทั้งหมดที่เธอมี อภิสรรค์จำต้องหันไปมองด้วยความไม่เต็มใจนัก
เขารู้สิว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไร..และแน่นอนว่าการที่เขาควบคุมเธอไม่ได้ จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามเกมส์ของรีวารินแน่นอน
“อย่ายุ่งกับเรื่องนี้” เขาเอ่ยเสียงเรียบขรึม ตักเตือนอยู่ในทีจนเธอยิ้มพราย
“ขอร้อง...หรือว่าขู่อยู่กันละคะ?”
“จิรู้ดี...ว่าถ้าฉันขู่ ฉันไม่ขู่แค่ปากแน่”
“ใจเย็นค่ะซัน...ไม่เห็นต้องร้อนเนื้อร้อนใจขนาดนี้เลยนะคะ อย่าแสดงออก...ว่าคุณกำลังกลัวจิสิคะ เพราะมันจะกระตุ้นให้จิหยุดตัวเองไม่ได้” เธอวางมือเรียวบนไหล่เขาอย่างเคยคุ้น ก่อนไต่เข้าใกล้เป็นเชิงยั่ว
เธอคิดถึงเซ็กส์เร่าร้อนของเขา...แต่ในขณะเดียวกันก็โกรธที่เขาไม่ยอมติดต่อเธอมา และตอบรับการติดต่อไปของเธอมาตลอดหลายเดือน
“เตือนด้วยความเป็นห่วง จะเชื่อหรือเปล่าก็ตามใจ” เขาขยับตัวออกห่างอย่างไม่ไยดีกับความหลังครั้งเก่า
ลมบางๆที่เกิดจากการสะบัดออกของเขานั้น..แสนเบาแต่กระแทกหน้าเธอจนรู้สึกแสบ เสียหน้านั้นใช่แต่เสียใจยิ่งกว่า
“อ้าวพี่ซัน อยู่นี่นี่เอง...ออยตามหาตั้งนาน” แล้วคนควงล่าสุดที่เขาไปไหนมาไหนด้วยบ่อยที่สุด ก็โผล่มาแบบไม่ได้สนใจว่าเขาจะคุยกับใครอยู่
“อ้าว...คุณจิ มาเที่ยวเหรอคะ? บังเอิญจังเลย” เธอทักทายนางแบบสาว ที่เคยร่วมงานกับบริษัทของพ่อเธอบ่อยครั้ง
หากแต่ไม่ได้เอะใจในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคู่ควงคนปัจจุบัน เธอรู้ว่าอภิสรรค์ไม่ชอบให้ใครวุ่นวายเรื่องส่วนตัว ซึ่งเธอจะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ๆ
และเธอก็ดีใจ...ที่แม้พรีเวดดิ้งที่เขาควรจะใช้เวลาอยู่กับว่าที่เจ้าสาว แต่กลับชวนเธอมาด้วยเสียอย่างนั้น
“ขอตัวก่อนนะซัน” เธอเลือกที่จะเอ่ยลาชายหนุ่ม...แบบไม่ยอมตอบรับการทักทายจากหญิงสาวผู้น่ารำคาญสำหรับเธอ
“เสียมารยาทที่สุด พี่ซันรู้จักแม่นี่ด้วยเหรอคะ?” แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ อภิสรรค์กลับเดินหนีเธอไปแบบไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เธอยืนอ้าปากเก้อ
“โอ๊ย บ้าที่สุด!” เธอรีบวิ่งตามเขาไปจนไม่ทันระวังและชนโครมเข้ากับร่างสูงของใครสักคนเข้าอย่างจัง
“ขอโทษครับ...เป็นอะไรหรือเปล่า?” แต่โชคดีที่เขาผู้นั้นรับร่างของเธอที่กำลังจะร่วงลงพื้นเอาไว้ได้ทัน
“ไอ้บ้า! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!” เธอตวาดใส่เขาลั่นแบบไม่ทันได้มองว่าเขาเป็นใคร อนุชาเห็นใบหน้าเธอชัดขึ้นก็ถึงกลับบางอ้อ
ผู้หญิงคนนี้...ที่ว่าที่เจ้าบ่าวของรีวารินควงไปออกงานด้วยในงานเปิดตัวสินค้าของไอยา
“เป็นคุณหรือเปล่า ที่วิ่งแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“ว่ายังไงนะ นี่ชนฉันจนเกือบล้มยังกล้ามาว่าฉันอีกเหรอ!” อัปสรไม่เคยรู้จักคนเรียบง่ายแบบอนุชามาก่อน แม้เขาจะเป็นถึงเจ้าของโรงแรมชื่อดัง หลายแห่งในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยว
แถมเป็นโรงแรมที่เขาสร้างมากับมือ...ไม่ใช่สมบัติของครอบครัวส่งต่อให้
“ขอตัวก่อนนะ” เขาไม่ชอบผู้หญิงขี้โวยวายมาแต่ไหน จึงเลือกที่จะไม่เผชิญหน้าด้วย...ปล่อยให้เธอส่งเสียงกรี๊ดตามหลังมาเพียงเท่านั้น
