6
“พี่ซันคะ! ทำไมออยไม่รู้เรื่องเลยว่าพี่ซันจะแต่งงาน” เสียงโวยวายทันทีที่ก้าวมาในห้องทำงาน ที่แสนจะเงียบสงบของเขา...ทำให้อภิสรรค์วางงานตรงหน้าและหันไปมองเธอด้วยแววตาตำหนิ
เพียงแววตาดุของเขา...เธอก็ชะงักกึก ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ... อัปสรเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศซึ่งเขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะแจ้งข่าวให้เธอทราบ
เพราะยังไงกฎของการเป็นคู่ควงนี้...เธอกับเขาก็ต่างรู้ดี ว่ามันไม่มีข้อผูกมัดอะไร แต่ที่เขาแปลกใจใครเป็นคนส่งข่าวบอก ทั้งๆที่เขายังไม่ได้มีการแจกการ์ดเลยด้วยซ้ำ
“เสียมารยาท” เขาตำหนิอย่างตรงไปตรงมา จนเธอวิ่งเข้ามากอดแขนอ้อนซบ
“พี่ซันคะ...ทำไมพี่ซันต้องรีบแต่งด้วยละคะ ไหนพี่ซันเคยบอกว่าอีกตั้งนานกว่าจะแต่ง แค่หมั้นตามใจผู้ใหญ่ไปก่อนแค่นั้น” เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“จะแต่งหรือไม่แต่ง...มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร นิ” อัปสรผละออกจากอกกว้างแล้วแหงนหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“หมายความว่ายังไงคะ”
“คิดว่าคนอย่างพี่จะยอมให้ถูกผูกมัดแค่พิธีแต่งงาน หรือใบทะเบียนสมรสได้อย่างนั้นเหรอ” แล้วพลันใบหน้าหวานละมุน ก็ปรากฏขึ้นมาในความรู้สึก...
แน่นอนว่าการแต่งงานครั้งนี้ผูกมัดเขาไม่ได้...แต่เขาจะใช้มันผูกมัดคนบางคนมากกว่า
“ถึงพี่ซันจะแต่งงานไปแล้ว...แต่ความสัมพันธ์ของเราสองคน ก็ยังจะคงเป็นเหมือนเดิมอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ทุกอย่างจะเหมือนเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป” เขาไม่ได้หมายถึงแค่อัปสรผู้หญิงที่เขาควงบ่อย แต่หมายถึงผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาควงอยู่ด้วย
“แล้วทำไมจะต้องถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยละคะ...ออยไม่อยากให้พี่ซันทำเหมือนงานนี้สำคัญอะไรมากนักเลยค่ะ” เธอกอดอ้อนเขาอีกรอบ...เขาชะงักเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าแคร์สาวน้อยที่กำลังอ้อนเขาอยู่ตอนนี้
แต่ที่เขาสงสัยอัปสรรู้เรื่องนี้ได้ยังไง...เพราะเขาสั่งทางร้านให้ปิดให้เงียบ เพราะไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวาย
“ไปรู้มาจากไหน”
“ก็...พร้อมการ์ดเชิญไงคะ พี่ซันไม่ได้ส่งการ์ดเชิญไปให้ออยเหรอคะ?” เพียงเท่านั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่า...ไม่น่าจะใช่แค่อัปสรที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสู้กับเขา
“ฉลาดแบบนี้สิ...ค่อยน่าสนุกหน่อย” เขาว่า...ทั้งๆที่อัปสรยังงงไม่หาย ม้าสาวของเขา...ได้พยศเข้าให้อีกแล้ว งานนี้อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่เขาก็ยอม
“งานที่รินสั่งให้ทำเรียบร้อยดีใช่ไหม?” เมื่อเลขาหน้าห้องผู้รู้ใจเดินยิ้มเข้ามาในห้องอย่างกรุ้มกริ่ม
“เรียบร้อยดีค่ะเจ้านาย มีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหมคะ?” เธอรู้ดีว่าเลขาสาวใหญ่ของเธอนี้ นอกจากจะเป็นคนที่ทำงานได้ดี ยังสามารถไว้ใจได้อีกด้วย
“ดีมาก...ตอนนี้ยังก่อน เดี๋ยวรอให้วันไปถ่าย พรีเวดดิ้งก่อน ต้องช่วยแน่ค่ะพี่ดาว”
“ค่ะคุณริน!” ดาวดึงส์กล่าวรับรับอย่างขันแข็ง
“ใครเป็นคนส่งการ์ดนี้มาให้” จิตรา...หรือจิ นางแบบสาวประจำวงการแฟชั่นต่างประเทศ ที่ควงอยู่กับอภิสรรค์อย่างลับๆแบบไม่เปิดเผย
แทบจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเธอคบกับเขาอยู่...หากแต่วันนี้เมื่อการ์ดแต่งงานและบัตรแจ้งวันพรีเวดดิ้งของเขาและว่าที่เจ้าสาวที่เขาเคยเล่าให้ฟัง กลับถูกส่งมาให้เธอถึงที่
“ไม่รู้เหมือนกันนะคะ...การ์ดแต่งงาน ไม่มาเชิญด้วยตัวเองหรือคะ?” ช่างแต่งหน้าประจำตัว...ที่เป็นซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างว่าพลางพลิกการ์ดในมือไปมา
“งานนี้...น่าสนุกดีจัง” เมื่อพอจะนึกอะไรออก...เธอก็อยากจะลองเข้าร่วมเกมส์นี้ดู เล่นแบบแยบยลเล่นแบบไม่ผิดกฎการเป็นคู่ควงของเขา
ซึ่งหมู่นี้อภิสรรค์ไม่ได้มาหาเธอได้สักพักแล้ว..จนเธอทำใจได้ว่า เขาคงจะเลิกรากับเธอไปเสียง่ายๆ แต่พอได้การ์ดแบบนี้...ก็เป็นโอกาสอันดีที่เธอจะเล่นเกมส์ซะหน่อย
“ต้องการอะไร” เมื่อการ์ดเชิญถูกมาวางตรงหน้า ในวันที่เขารีบเคลียงานจนหัวหมุนและส่งคนไปตามประกบว่าที่เจ้าสาวของตัวเองห่างๆแทน
รู้สึกเสียเวลาที่จะต้องมานั่งรับแขกที่ไม่ได้เชิญอยู่บ่อยๆ จนอารมณ์พาลจะเสียตามไปด้วย
“ใจเย็นๆสิคะ...จิอุตส่าห์มาตอนที่คิดว่าคุณจะนั่งพักแล้ว” จิตราว่าอย่างใจเย็นพร้อมไม่ละลาบละล้วงเขา ตามประสาคนว่าวางตัวดี...และมีชั้นเชิงไม่ใช่น้อย
อภิสรรค์พยายามจะเขี่ยเธอให้พ้นทางแบบง่ายๆ ซึ่งมันกำลังจะไปได้ดี...แต่เหมือนการ์ดเชิญใบนี้มันจะนำพาให้เธอกลับมาได้ง่ายๆเสียงั้น
“ต้องการอะไร” เขาย้ำ...เมื่อรู้ว่าเธอคงจะเข้าใจอะไรเป็นอย่างดีแล้ว ถึงได้มาถึงนี่
“จิไม่ได้ต้องการอะไรหรอกค่ะ...แต่เหมือนว่าเจ้าสาวของคุณ เธอน่าจะต้องการอะไรจากจิอยู่นะคะ” เธอรู้ว่าเขาก็คงรู้...เลยชี้ช่องให้ตรงประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม
“แล้วคุณจะให้อะไรเขา”
“ถ้าจิมีอะไรจะให้...จิให้คุณไม่ดีกว่าเหรอคะ?” เขาชะงักเล็กน้อย...แม้เธอจะว่ามาแบบนั้น แต่เขารู้สิว่าเธอต้องเรียกร้องอะไรจากเขามากพอสมควรเช่นกัน
“อยู่เฉยๆ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ”
“การอยู่เฉยๆก็เป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง...ที่ถ้าคุณต้องการ คุณก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะคะ” อภิสรรค์วางปากกาลง พร้อมถอนหายใจเข้ม...
“ว่ามา”
“แต่จิว่า...คนอย่างจิ น่าจะทำอะไรได้มากกว่าการอยู่เฉยๆค่ะ”
“แต่ผมต้องการให้คุณอยู่เฉยๆ” เขาเสียงเข้มชัด...เพื่อย้ำเจตนารมณ์ จนเธอเผยรอยยิ้มเหนือกว่า...
ซึ่งเขาไม่ชอบช่วงเวลาแบบนี้เลยสักนิด..ส่วนหนึ่งที่เขาต้องการจะเขี่ยเธอให้พ้นทาง เพราะเธอไม่อยู่ในโอวาทอย่างที่เขาต้องการ
“งั้น...เห็นทีว่า การอยู่ตรงข้ามกับคุณน่าจะสนุกกว่า”
“ไม่ต้องมาขู่”
“คุณก็รู้...ว่าจิไม่เคยขู่” เธอหุบยิ้มบ่งบอกความรู้สึกที่แท้จริง ให้เขาได้รู้ว่าเธอเองก็เจ็บปวดไม่แพ้...กับการต้องยอมรับในสิ่งที่เขาโยนมาให้
“จิตรา...อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้”
“เป็นห่วงว่าที่เจ้าสาวเหรอคะ?” เธอว่าเสียงสั่นเล็กน้อย...ปากเขาก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับหล่อน แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรที่จะกระทบกับไปถึงผู้หญิงคนนั้น..
เขากลับพร้อมกางปีกปกป้องเสมอ!
“คนอย่างรีวารินไม่ได้น่าห่วงขนาดนั้น”
“แปลกนะคะ...ในขณะที่จิถูกเขี่ยทิ้งเพราะว่ารู้ทันคุณ...แต่รีวารินกำลังจะได้แต่งงานกับคุณ เพราะเธอรู้ทันคุณมากกว่า”
“ไม่แปลกอะไรเลย...เพราะระหว่างคุณกับเขาสถานะมันต่างกันมาตั้งแต่แรก”
“ค่ะ...จิรู้ตัวดี งั้นจิขอเลือกข้างเลยละกันนะคะ จิจะทำตามเกมส์ของผู้หญิงคนนั้นค่ะ” แล้วเธอก็สะบัดก้นเดินออกจากห้องทำงาน ของเขาไป...จนอภิสรรค์ต้องถอนหายใจหนัก
“แค่นี้...เกมส์ของรีวารินก็สำเร็จไปค่อนละ” เขาเปรยตามหลังเธออย่างรู้สึกยุ่งยากใจ
