บท
ตั้งค่า

4

“ว่ายังไงนะคะแม่” รีวารินถอนหายใจหนัก...เมื่อสายจากที่บ้านโทรมาตามให้เธอกลับบ้านให้เร็วกว่าทุกวัน

แบบไม่ได้แจ้งเหตุผล...แต่น้ำเสียงมีความสุขเหลือเกินของผู้เป็นมารดานั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจนัก พลันใบหน้าโกรธขึ้งของใครบางคนที่เธอไปกลั่นแกล้งเขาเมื่อวาน...

ก็ผุดขึ้นมาให้รู้สึกแย่

“ลางสังหรณ์ชักจะไม่ดี”

“โอ๊ยไม่ต้องหรอกค่ะ คนกันเองทั้งนั้น...” เสียงหัวเราะพูดคุยปราศรัยเสียงดังจากห้องโถงใหญ่ ทำเอาเธอเข้าใจอะไรมากขึ้น

“อ้าวกลับมาแล้วเหรอยัยริน มานี่สิลูก...มานั่งตรงนี้ลูก” ทันทีที่เธอได้เดินเข้าไปในวงสนทนานั้น...แววตาคมกริบที่ยิ้มเยือนอยู่ในที ก็โดดเด่นที่สุดจนเธอต้องหันไปแลมอง

แต่ก็เพียงแค่แวบเดียว...เพราะเธอไม่อยากจะควบคุมอารมณ์ของตนไม่ได้ มีอย่างที่ไหน...เขาตั้งใจมาที่บ้านของเธอ เพื่อที่จะเอาคืน...เรื่องที่เธอทำเป็นไปหาเขาเมื่อวันนั้น

“เป็นยังไงบ้างจ้ะหนูริน ทำงานเหนื่อยไหม?” หญิงวัยกลางคนผู้เรียบร้อย ยิ้มเยือนอย่างเอ็นดู...จนเธอต้องฉีกยิ้มอ่อนโยนให้

และไม่วายที่จะมองเขาตอบด้วยสายตาเคืองขุ่น

“ก็เล็กน้อยค่ะ คุณป้าสบายดีนะคะ” เธอถามตามมารยาท แต่ทำเอาพวกผู้ใหญ่ฮือฮากันใหญ่

“ป้าเป้ออะไร...จะเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว เรียกแม่สิยัยริน” บรรดาญาติๆที่แห่กันมาดูการจับคู่ดูตัว...รีบตำหนิติเตียนเธอเป็นการใหญ่

ใบหน้าบูดบึ้งของเธอนั้น..ทำเอาคนตัวใหญ่พึงใจไม่น้อย เขาบอกแล้ว...ว่าเล่นกับใครก็ได้แต่ไม่ใช่กับเขา

“ทำแบบนี้เพื่ออะไร” เธอถามเสียงเข้มอย่างลืมตัว...เมื่อได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพังสองคน

“นี่แค่เบาๆเองนะ ไม่หงุดหงิดสิ” เขาทำทีท่าสบายอกสบายใจ...จนเธอชักจะควบคุมอารมณ์ไม่ไหว

“ถ้าคุณคิดว่าวิธีนี้...คือวิธีเอาคืนฉัน ฉันบอกเลยนะ...ว่ามันไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าไหร่”

“เหรอ...ผมว่ามันประสบความสำเร็จค่อนข้างจะโข พอๆกันกับที่คุณทำเมื่อวานได้เลยแหละ” พอเขาพูดอย่างนั้นเธอก็ต้องเป็นฝ่ายยิ้มออกมาบ้าง

“เหรอคะ...เมื่อวาน ฉันทำอะไรสำเร็จเหรอ?” เธอยิ้มยั่ว...จนอภิสรรค์ต้องขยับเข้าไปใกล้ และแน่นอนว่าคนตั้งใจที่จะไม่ยอมเขาอย่างเธอ ไม่คิดจะถอยหนีแม้สักก้าว

“จะว่าไป...เราสองคนก็รู้ใจกันดีเหมือนกันนะ คุณรู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครไปขัดเวลาทำงาน...ส่วนผมเองก็รู้ว่าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบนั่งอยู่ท่ามกลางวงศาคณาญาติ”

“และอีกอย่าง...ที่ฉันไม่ชอบ ก็คือรอยยิ้มของคุณตอนนี้” เธอว่า...แบบไม่ถอยหนีใบหน้าที่ชิดเข้ามาใกล้

ลมหายใจอุ่นของเขา...ราดรดมายังจมูกโด่งเป็นหยดน้ำตามธรรมชาติของเธอ แม้จะเริ่มหายใจติดขัดแค่ไหน...แต่เธอก็ทำได้เพียงเชิดใบหน้าขึ้นสู้เท่านั้น

“อย่าเอ็ดไปคุณ...อย่าเผยจุดอ่อนของตัวเองให้ผมเห็น เดี๋ยวคุณจะไม่ปลอดภัยเอานะ...” เขาทอดเสียงอ่อนโยนให้ฟัง...หากแต่เธอกลับแสยะยิ้มกลับแบบท้าทายไม่แพ้

“อย่าดีแต่ขู่...” ริมฝีปากหยักเคลื่อนมาใกล้หมายจะประทับ...หากแต่เธอก็หันหน้าหลบไป จนจมูกโด่งคมชนเข้าไปแก้มใสเพียงนิด

เขาสามารถทำได้มากกว่านี้..แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำ การได้เห็นเธอแสดงออกทางแววตาว่าวิตก และหัวใจเต้นโครมครามอยู่ภายใต้ใบหน้านิ่งนี่ต่างหาก

ที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุข!

“ไม่เก่งจริงนี่นา” เขาเยาะจนเธอต้องสูดลมหายใจลึกขึ้น

“ฝากไว้ก่อนเถอะ” แล้วเธอก็สะบัดหน้าเดินหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว และเธอก็ได้รู้ชัดแล้วว่าคนอย่างเขา

มันแสนจะอันตราย..แต่เธอเลือกอะไรไม่ได้นอกจากสู้ จนขาดใจกันไปข้าง

“เฮ้อ...ฉันล่ะเป็นห่วงแกจริงๆ คนอย่างพี่ซันไม่ใช่ใครจะไปต่อกรด้วยได้ง่ายๆ” ไอยาเพื่อนรักว่าอย่างไม่สบายใจ หลังจากที่รีวารินปรับทุกข์ให้ฟัง

“แกก็รู้ว่าตอนนี้ฉันเลือกไม่ได้...ยังไงฉันก็ไม่มีวันหนีพ้นจากคนอย่างเขา” ไอยาพยักหน้าเข้าใจ...และเอามือไปบีบมือเพื่อนอย่างให้กำลังใจ

“ฉันอยากให้แก...ใช้สติให้มากๆนะ อะไรที่ไม่ควรเสี่ยง...ก็อย่าเสี่ยง เวลาพี่ซันแกไม่ใจดี...น่ากลัวมากนะ”

“นี่แกอย่ามาย้ำให้ฉันต้องตกเป็นรองคนแบบนี้ได้ป่ะ เหมือนตอนนี้..เขาพยายามทำให้ฉันกลายเป็นเพียงคนเดียวที่ต่อต้านงานแต่งงาน ตั้งแต่เขาพาแม่ไปที่บ้านฉัน...ก็เหมือนกดดันให้ฉันยอมคุยเรื่องฤกษ์แต่งงานเสียที”

“จะว่าไป...ก็เหมือนแกรนหาที่เองแท้ๆ ถ้าแกไม่ไปพยศก่อน แกก็จะมีเวลาหายใจต่ออีกสักหน่อย”

“เออ..ถ้าไม่พูดอะไรให้รู้สึกดีขึ้น ก็ไม่ต้องพูดก็ได้” เธอหน้าบึ้งใส่เพื่อนรักอย่างหนักใจ...เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลี่ยงงานแต่งงานได้ แต่เธอไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นรองเขานี่!

“ขอโทษ...ฉันพูดก็เพราะว่าเป็นห่วงแกนะ”

“รู้...แต่ฉันจะอยู่เฉยไม่ได้แน่ๆ” เธอว่าอย่างมุ่งมั่น...และไม่มีวันแน่ๆ ที่จะยอมให้เขาเหนือกว่า!

“ขอบใจมากนะหนูริน...ลื้อน่ารักอย่างที่อาเซียแกบอกจริงๆด้วย” อาม่าผู้สูงวัยที่สุดในคฤหาสน์ของบ้าน อภิสรรค์ ลูบไล้แขนว่าที่หลานสะใภ้ด้วยความเอ็นดู

อาเซีย คือเปอร์เซียมารดาของอภิสรรค์...ที่น่าจะมาเล่าให้ฟังเรื่องที่ไปพบเธอและครอบครัวในวันนั้น

ตั้งแต่หมั้นกันตามที่ผู้ใหญ่ร้องขอ...รีวารินไม่เคยย่างกรายเข้ามาในคฤหาสน์ของเขามาก่อน และหนนี้เมื่อเธอต้องการตัวช่วยเธอจำต้องมาที่นี่เป็นการส่วนตัว โดยไม่ได้แจ้งให้คนที่บ้านหรือแม้แต่คู่หมั้นตัวเองทราบ

“ขอบคุณค่ะอาม่า อาม่าทานเยอะๆนะคะ...ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวไม่สบายค่ะ” ยาจีนที่เธอไปสรรหามาเอาใจแบบที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน...เป็นยาหายากซึ่งเธอรู้มาว่า อาม่าของเขา...โปรดปรานเป็นอย่างมาก

“แล้วลื้อไม่ได้บอกอาซันเหรอว่าจะมาที่นี่ ทำไมไม่ให้พี่เขาพามา” เธอยิ้มตอบเล็กน้อย...ก่อนทำเป็นหลบตา

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ช่วงนี้พี่ซันงานเยอะ หนูไม่รบกวนดีกว่า”

“ไอหยา...รบกงรบกวนอะไร อีกหน่อยลื้อสองคนก็จะเป็นคนๆเดียวกันแล้ว หรือว่า...อีตาซันทำพฤติกรรมที่ทำให้ลื้อไม่สบายใจ”

“เปล่าค่ะอาม่า เปล่าแบบนั้นค่ะ...หนูแค่เห็นว่าช่วงนี้พี่ซันงานยุ่ง ก็เลยไม่อยากรบกวนเท่านั้นเองค่ะ” อาม่าผู้เป็นใหญ่และเอาแต่ใจพยักหน้า ทำเป็นเข้าใจ..แม้ลึกๆจะหงุดหงิด เพราะอยากจะให้สองคนลงเอยกันเต็มที

“แล้วเมื่อไหร่...ลื้อสองคนจะยอมดูฤกษ์แต่งงานกันสักที อั๊วอยากจะอุ้มหลานจะแย่แล้วนา”

“คือว่าอย่างนี้ค่ะอาม่า...พอดีว่ารินเป็นผู้หญิงที่มีความฝันน่ะค่ะ รินอยากใส่ชุดแต่งงานที่ตัดอย่างประณีต...สั่งตรงจากปารีสก็เลยอยากจะให้ชุดเรียบร้อยก่อนค่อยดูฤกษ์น่ะค่ะ” แล้วเธอก็ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจทันที

“ไอ้หยา...แล้วดูฤกษ์ไว้ระหว่างดูชุดไม่ได้รึ”

“อ๋อ...คือว่า ชุดเนี่ยใช้เวลาตัดนานมากค่ะ อาจจะเป็นปีสองปี เพราะว่าต้องไปต่อคิวช่างอีกด้วย รินเลยคิดว่าให้ชุดเรียบร้อยก่อนจะดีกว่าค่ะ” เธอว่าไปนั่น...ทั้งๆที่ยังไม่ได้ไปดูชุดไว้เลยสักหน่อย

แต่จะอาศัยมาตีสนิทอาม่า...ให้ได้ข้อมูลแบบนี้ไว้ก่อน เผื่อจะช่วยเห็นใจเธอในวันที่จะขอค้านเรื่องงานแต่ง...อย่างน้อยก็ซื้อเวลาให้ยาวอีกนิด

“ร้านไหน ดีไซน์เนอร์ชื่ออะไร...ที่ปารีสเพื่อนพี่เยอะ ห้องเสื้อดังๆรู้จักแทบหมด” แล้วเสียงทุ้มเชิงหยัน...ก็เอ่ยขึ้นเมื่อก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นส่วนตัวของอาม่า

คนของเขารายงานว่าเธอมาที่นี่...และเขาก็ตัดสินใจตามมาทันที เพราะรู้จุดประสงค์ของเธอ

“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ...รินไม่อยากรบกวนคุณ”

“รบกวนอะไร อีกหน่อย...ก็จะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว ใช่มั้ยครับอาม่า”

“ใช่ๆ ให้อีช่วยเถอะนาอาริน...จะได้รีบๆแต่ง เรื่องชุดให้พี่เขาจัดการให้เลย” แล้วรีวารินก็ต้องแอบถอนหายใจอย่างอึดอัด ตั้งใจจะมาหาตัวช่วย...แต่กลับได้บ่วงผูกตัวกลับไปเสียอย่างนั้น

“คิดจะทำอะไร” คนเดินมาส่งเธอถึงหน้าบ้าน..หลังจากเธอร่วมรับประทานอาหารกับอาม่าและเขาเสร็จ

“ถามเพราะว่าอยากรู้จริงๆ หรือว่าแค่เตือนกันล่ะคะ”

“เตือน...ว่าให้หยุดทุกอย่างที่อยากจะทำอยู่” เขาเสียงเข้มชัด ไม่มีแววของความขี้เล่นให้เห็น

“หมาจนตรอกมันยังทำได้ทุกอย่าง...แล้วทำไมฉันจะต้องหยุดด้วยล่ะคะ”

“เพราะว่าเราไม่ใช่หมาไง” เขาสวนขึ้นอย่างเสียอารมณ์ เขาไม่ชอบคนดื้อ...หรือไม่อยู่ในโอวาททั้งสิ้น จนรู้สึกหงุดหงิด

ซึ่งเธอก็สัมผัสได้ชัด...ในตอนนี้!

“ถ้าฉันยุ่งยากมากนัก...คุณก็ถอนหมั้นไปสิ”

“อยากถอนมากใช่มั้ย..ได้!” เขาตวาดจนเธอสะดุ้ง...หากแต่ก็ไม่ยอมหลบตาเขาง่ายๆ

“ขอบคุณ...อ๊ะ” แล้วอยู่ๆริมฝีปากอิ่มได้รูป ก็ถูกปากหยักน่าจูบ...จุมพิตลงมาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว

เรี่ยวแรงที่เคยต้านอันตรธานหายไป...มือบางที่หมายจะผลักไส ทำได้เพียงวางสงบนิ่งอยู่บนไหล่กว้างเท่านั้น

ความนุ่มปนกระด้างเล็กน้อยกำลังครอบครองและดูดดื่มคำพูดของเธอเข้าไป...แถมยังกลืนกินลมหายใจจนเธอเหมือนกำลังสำลักน้ำ

32 ปีที่ไม่เคยต้องมือชาย...กำลังหลอมละลายเพราะชายที่จะต้องกลายเป็นของเขาในอนาคต

เพี๊ยะ! ตามตำรานางเอกละครไทย...เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ สิ่งเดียวที่เธอนึกออก...คือต้องทำตามตำรานี้

“จูบอีกสักรอบดีมั้ย” เธอถอยกรูด...เมื่อเขาทำท่าอย่างที่ปากพูด

“ลองเข้ามาสิ...ฉันตบไม่เลี้ยงแน่” เขายิ้มเล็กน้อยอย่างถูกใจ

“เอาสิ...คุณตบผมจูบ ใครจะทำอะไรเก่งกว่ากัน”

“อย่านะ!” เธอผลักอกกว้างเอาไว้อย่างสุดแรง...หากแต่เขากลับไม่ขยับเขยื้อน

“ทีแรกผมก็ไม่อยากจะเร่งรัดอะไร...แต่เมื่อคุณเร่งรัดมาแบบนี้ผมคงจะขัดไม่ได้”

และคำพูดของเขาในวันนั้น...ก็ทำให้เธอเลี่ยงที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับเขาไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel