ตอนที่ ๔: เงาของฮองเฮา
หลังจากคืนที่สวนบัวลับ ความสัมพันธ์ระหว่างซูเหมยและเฟิ่งหลันก็แนบแน่นยิ่งขึ้น พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น แบ่งปันความลับและความกังวลในใจ แม้ว่าเฟิ่งหลันจะยังคงสวมหน้ากากทองคำอยู่เสมอ แต่ซูเหมยก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงขององค์หญิงผ่านน้ำเสียงและแววตา
การสืบสวนเรื่องราวในอดีตยังคงดำเนินต่อไป ซูเหมยและเฟิ่งหลันร่วมกันศึกษาบันทึกโบราณอย่างละเอียด พวกเขาพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพลังวิเศษของชนเผ่าโบราณและความเชื่อมโยงกับสมุนไพรบางชนิดที่ตระกูลซูเคยใช้ในการรักษา
"ดูเหมือนว่าพลังของคำสาปจะมีความเกี่ยวข้องกับพลังของดวงจันทร์และธาตุทั้งห้า" ซูเหมยกล่าวขณะที่อ่านบันทึกเก่าแก่ "และตระกูลของเราอาจมีความรู้เกี่ยวกับวิธีควบคุมหรือต้านทานพลังเหล่านี้"
"แล้วเหตุใดบันทึกเหล่านี้จึงถูกเก็บซ่อนไว้?" เฟิ่งหลันตรัสด้วยความสงสัย
"อาจมีผู้ที่ต้องการปกปิดความลับนี้ไว้" ซูเหมยตอบพลางครุ่นคิดถึงคำเตือนของท่านหมอหลวงหลี่เกี่ยวกับฮองเฮาเว่ยชี
ในขณะที่การสืบสวนดำเนินไปอย่างเงียบๆ ซูเหมยก็เริ่มสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในวังหลวง ข้ารับใช้บางคนมีท่าทีลุกลี้ลุกลน และมีการพูดคุยกระซิบกระซาบกันในหมู่ขุนนาง นางรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดและกดดัน ราวกับมีพายุใหญ่กำลังก่อตัวขึ้น
วันหนึ่ง ซูเหมยได้รับหมายเรียกให้เข้าพบฮองเฮาเว่ยชี ณ ตำหนักอันโอ่อ่าและสง่างาม ฮองเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสง่า แวดล้อมไปด้วยข้ารับใช้ที่คอยปรนนิบัติ พลังอำนาจแผ่ซ่านออกมาจากร่างของนางอย่างชัดเจน
"คารวะฮองเฮา" ซูเหมยคุกเข่าลงตามธรรมเนียม
"ลุกขึ้นเถิด หมอหลวงซู" ฮองเฮาตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่ซูเหมยอย่างพิจารณา "ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถวายการรักษาองค์หญิงห้าได้ดี"
"เป็นพระกรุณาธิคุณขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ" ซูเหมยตอบด้วยความนอบน้อม
"แต่ข้าได้ยินมาอีกว่า เจ้ายุ่งวุ่นวายกับการค้นหาบันทึกโบราณในหอสมุดหลวงมากเกินไป" น้ำเสียงของฮองเฮาเริ่มแข็งกร้าวขึ้น
ซูเหมยรู้สึกเย็นเยียบไปถึงกระดูก นางรู้ทันทีว่าฮองเฮากำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของตนเองอยู่
"ข้าน้อยเพียงแต่ต้องการศึกษาตำราเพื่อถวายการรักษาองค์หญิงให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" ซูเหมยพยายามตอบอย่างใจเย็น
"รักษา?" ฮองเฮาหัวเราะเยาะเบาๆ "คำสาปนั่นไม่มีทางรักษาได้หรอก เจ้าเสียเวลาเปล่า"
"แต่ข้าน้อยเชื่อว่ายังมีหนทางพ่ะย่ะค่ะ" ซูเหมยยืนยันด้วยความมั่นใจ
ดวงตาของฮองเฮาจ้องมองซูเหมยอย่างดุดัน "เจ้าเป็นเพียงหมอหลวงหนุ่ม เหตุใดจึงมั่นใจนัก? หรือว่า... เจ้ามีความลับอื่นซ่อนอยู่?"
คำถามนั้นแฝงไว้ด้วยความหมายที่น่าหวาดหวั่น ซูเหมยพยายามควบคุมสีหน้าและน้ำเสียงของตนเอง
"ข้าน้อยไม่มีความลับใดๆ พ่ะย่ะค่ะ ข้าพเจ้าเพียงต้องการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด"
"หน้าที่ของเจ้าคือการรักษาองค์หญิง ไม่ใช่การขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตที่ไม่มีประโยชน์" ฮองเฮาตรัสด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด "จงจำไว้ว่าในวังหลวงแห่งนี้ มีสิ่งที่เจ้าไม่ควรรู้ และไม่ควรยุ่งเกี่ยว"
"ข้าน้อยเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ซูเหมยตอบรับอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้น ฮองเฮาดูเหมือนจะรู้เรื่องคำสาปและความเชื่อมโยงกับตระกูลซูมากกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้
หลังจากนั้น ฮองเฮาได้ตรัสถึงเรื่องอื่นๆ อีกเล็กน้อย ก่อนจะอนุญาตให้ซูเหมยกลับไปได้ เมื่อซูเหมยก้าวออกจากตำหนักของฮองเฮา นางรู้สึกราวกับเพิ่งรอดพ้นจากอันตรายร้ายแรง เงาของฮองเฮาทอดทาบทับไปทั่ววังหลวง ราวกับเป็นผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง
ซูเหมยรีบกลับไปพบเฟิ่งหลันเพื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง องค์หญิงทรงมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ยินเรื่องราว
"ฮองเฮากำลังจับตาดูพวกเรา" เฟิ่งหลันตรัสด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล "ดูเหมือนว่านางจะรู้เรื่องที่เรากำลังสืบสวน"
"เราต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น" ซูเหมยกล่าว "ฮองเฮาอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของตระกูลของข้าพเจ้า และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสาปนี้ด้วย"
"แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป?"
"เราต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม" ซูเหมยตอบอย่างหนักแน่น "เราต้องค้นหาความจริงเบื้องหลังคำสาปและความลับที่ฮองเฮาพยายามปกปิด"
ในขณะที่พวกเขากำลังวางแผนกันอยู่นั้น ขันทีน้อยคนหนึ่งก็รีบร้อนเข้ามาแจ้งข่าว
"ทูลองค์หญิง ทูลคุณชายซู รัชทายาทหวังเจี๋ยตงทรงมีพระบัญชาให้เข้าพบโดยด่วนพ่ะย่ะค่ะ"
ซูเหมยและเฟิ่งหลันมองหน้ากันด้วยความสงสัย รัชทายาททรงเรียกพบพวกเขามีเรื่องใดกัน?
เมื่อพวกเขาไปถึงตำหนักของรัชทายาท หวังเจี๋ยตงทรงมีสีหน้าเคร่งขรึม
"ข้าได้ยินเรื่องที่พวกเจ้ากำลังสืบสวน" รัชทายาทตรัสด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลในวังหลวงแห่งนี้"
"ท่านรัชทายาททรงทราบเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?" ซูเหมยถามด้วยความหวัง
"ข้าสังเกตเห็นความผิดปกติในการบริหารราชกิจ และการตัดสินใจของเสด็จแม่ในช่วงหลังมานี้" รัชทายาทกล่าวด้วยความกังวล "ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนกำลังชักใยอยู่เบื้องหลัง"
คำกล่าวของรัชทายาททำให้ซูเหมยและเฟิ่งหลันรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง บางทีพวกเขาอาจไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง
"ท่านรัชทายาททรงประสงค์จะช่วยเหลือพวกข้าพเจ้าหรือไม่?" เฟิ่งหลันตรัสถาม
หวังเจี๋ยตงทรงพยักพระพักตร์ "ข้าต้องการความจริง และข้าต้องการปกป้องราชวงศ์ ข้าจะช่วยพวกเจ้าเท่าที่ข้าสามารถทำได้"
การปรากฏตัวของพันธมิตรที่ไม่คาดคิด ทำให้ความหวังในการเปิดโปงความจริงเริ่มส่องประกายขึ้นอีกครั้ง ทว่าเงาของฮองเฮายังคงปกคลุมวังหลวง และอันตรายยังคงซุ่มซ่อนอยู่รอบด้าน...
โปรดติดตามตอนต่อไป...
