ตอนที่ ๓: ร่องรอยแห่งอดีต
หลังจากที่พระอาการขององค์หญิงเฟิ่งหลันเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ความไว้วางใจระหว่างนางและซูเหมยก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด องค์หญิงทรงอนุญาตให้ซูเหมยเข้าออกตำหนักจันทราได้อย่างอิสระมากขึ้น และบางครั้งยังทรงสนทนากับซูเหมยถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีต แม้จะไม่เคยเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากทองคำก็ตาม
คืนหนึ่ง ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่างกว่าคืนก่อนๆ องค์หญิงทรงเรียกซูเหมยเข้าไปในห้องบรรทม
"ซูอี้" องค์หญิงตรัสด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง "เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่า เหตุใดคำสาปนี้จึงตกทอดมาสู่ราชวงศ์ของเรา?"
ซูเหมยเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงอย่างใคร่ครวญ "ข้าน้อยเคยคิดถึงเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ"
"มันเริ่มต้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน" องค์หญิงเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตอันแสนเศร้า "ราชวงศ์เซี่ยนหยวนของเราเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับชนเผ่าโบราณเผ่าหนึ่ง พวกเขามีพลังวิเศษที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและดวงจันทร์ แต่ความโลภของบรรพบุรุษของเราทำให้เกิดความขัดแย้งและการนองเลือด คำสาปนี้คือผลของการกระทำในอดีต มันผูกพันอยู่กับสายเลือดของเรา หากผู้ใดได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้ที่ถูกสาป จะนำมาซึ่งความหายนะแก่ราชวงศ์"
เรื่องเล่าขององค์หญิงทำให้ซูเหมยรู้สึกสะเทือนใจ นางสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดที่สืบทอดมาในสายเลือดขององค์หญิง
"แล้วคำสาปนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลของข้าพเจ้าอย่างไร?" ซูเหมยตัดสินใจถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจ
องค์หญิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า "ในสงครามครั้งนั้น ตระกูลของเจ้า... ตระกูลซู... ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาเป็นแพทย์หลวงที่ปรนนิบัติบรรพบุรุษของเรา และว่ากันว่าพวกเขารู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับพลังของชนเผ่าโบราณ"
คำกล่าวขององค์หญิงราวกับมีดกรีดลงกลางใจ ซูเหมยรู้สึกชาไปทั้งตัว ตระกูลของนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นของคำสาปที่ทรมานองค์หญิงมานานนับปีหรือนี่?
"ท่านพ่อของข้าพเจ้า..." ซูเหมยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่?"
"ข้าไม่แน่ใจ" องค์หญิงตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่มีบันทึกโบราณบางฉบับที่กล่าวถึงแพทย์หลวงจากตระกูลซูที่พยายามหาทางแก้คำสาป แต่ก็ไม่สำเร็จ และภายหลังก็หายตัวไปอย่างลึกลับ"
ความเงียบปกคลุมห้องบรรทมอีกครั้ง ซูเหมยรู้สึกสับสนและเสียใจ ความจริงที่ได้รับรู้มันซับซ้อนและเจ็บปวดกว่าที่นางคาดคิดไว้มากนัก
"แล้วการล่มสลายของตระกูลข้าพเจ้าล่ะ?" ซูเหมยถามต่อ "มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่?"
องค์หญิงถอนพระทัยแผ่วเบา "ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มีข่าวลือในวังว่า การที่ตระกูลซูถูกใส่ร้ายและล่มสลาย อาจมีผู้ที่ต้องการปิดบังความลับบางอย่างเกี่ยวกับคำสาปนี้อยู่เบื้องหลัง"
คำว่า "ปิดบังความลับ" ทำให้ความคิดของซูเหมยแล่นไปถึง ฮองเฮาเว่ยชี ผู้มีอำนาจล้นฟ้าและมีท่าทีไม่เป็นมิตรต่อตระกูลซูมาโดยตลอด
"องค์หญิงทรงสงสัยผู้ใดหรือไม่?" ซูเหมยถามอย่างระมัดระวัง
องค์หญิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความระมัดระวังเช่นกัน "ในวังหลวงแห่งนี้... ไม่มีใครที่ไว้ใจได้โดยสิ้นเชิง แม้แต่คนที่ดูเหมือนจะหวังดีก็ตาม"
หลังจากวันนั้น ซูเหมยและองค์หญิงเฟิ่งหลันก็เริ่มสืบหาร่องรอยของอดีตอย่างลับๆ พวกเขาศึกษาบันทึกโบราณ สอบถามข้ารับใช้ที่เก่าแก่ และพยายามรวบรวมเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจนำไปสู่ความจริงเบื้องหลังคำสาปและการล่มสลายของตระกูลซู
ในระหว่างการสืบสวน พวกเขาได้พบกับ หลี่เฟิงหยู หมอหลวงอาวุโสผู้เคยเป็นสหายสนิทของบิดาซูเหมย ท่านหมอหลวงหลี่ดูจะรู้เรื่องราวในอดีตมากกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้ และให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างลับๆ
"ตระกูลซูเป็นตระกูลที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม" ท่านหมอหลวงหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "การที่พวกเขาถูกใส่ร้ายเช่นนั้น... มันไม่ยุติธรรม"
"ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด?" ซูเหมยถามด้วยความหวัง
ท่านหมอหลวงหลี่ส่ายหน้าอย่างเศร้าใจ "ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้อย่างชัดเจน แต่จงระวัง ฮองเฮาเว่ยชี ให้มากนัก นางมิใช่คนที่ไว้ใจได้"
คำเตือนของท่านหมอหลวงหลี่ยิ่งทำให้ความสงสัยของซูเหมยที่มีต่อฮองเฮาเพิ่มมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างซูเหมยและองค์หญิงเฟิ่งหลันก็พัฒนาไปอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น พวกเขาเริ่มพูดคุยกันถึงความฝัน ความหวัง และความกลัวที่ซ่อนอยู่ในใจ ภายใต้แสงจันทร์อันเงียบสงัด พวกเขาได้แบ่งปันความรู้สึกที่แท้จริงให้แก่กัน
คืนหนึ่ง องค์หญิงเฟิ่งหลันทรงเรียกซูเหมยมาที่สวนบัวลับหลังตำหนักจันทรา แสงจันทร์สาดส่องลงบนสระบัวที่เต็มไปด้วยดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ บรรยากาศเงียบสงบและงดงาม
"ซูอี้" องค์หญิงตรัสด้วยน้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน "ข้ารู้สึก... ปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เจ้า"
ซูเหมยเงยหน้าขึ้นมององค์หญิง หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
"ฝ่าบาท..."
"เรียกข้าว่าเฟิ่งหลัน" องค์หญิงตรัสด้วยรอยยิ้มบางเบาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากทองคำ
ซูเหมยรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน นางไม่เคยคิดว่าจะได้ยินองค์หญิงตรัสเช่นนี้
"เฟิ่งหลัน..." ซูเหมยเอ่ยชื่อนั้นอย่างแผ่วเบา มันเป็นชื่อที่ไพเราะและอ่อนหวานราวกับเสียงกระซิบของสายลม
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องประกาย ดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ราวกับเป็นพยานแห่งความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของคนทั้งสอง ความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัวจากความเห็นใจ ความเข้าใจ และความผูกพัน... ความรู้สึกที่อาจนำพาพวกเขาไปสู่เส้นทางที่ไม่คาดฝัน
ทว่าในเงามืดแห่งวังหลวง ยังคงมีภัยอันตรายซ่อนเร้น และความลับที่รอการเปิดเผย อาจนำมาซึ่งความเจ็บปวดและความสูญเสียที่ไม่อาจคาดเดาได้...
