ตอนที่5. โมโหตัวเอง
หญิงสาวสะดุ้งเฮือกอีกครั้งด้วยความตกใจ เธอยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ร่ำไห้เงียบๆ รู้สึกเหมือนตัวเองโดดเดี่ยวอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง
ภูผาเปิดประตูเข้ามาในห้องตัวเอง เขากวาดตามองไปรอบๆ ข้าวของทุกอย่างยังอยู่ที่เดิม อาจจะมีผิดแปลกไปบ้างก็ตรงมันถูกจัดวางให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่โดยรวมแล้ว เธอก็พูดถูก ไม่ได้แตะต้องข้าวของส่วนตัว โดยเฉพาะในลิ้นชักโต๊ะทำงาน
เขาเดินไปกระชากมันออก ข้าวของภายในนั้นยังสุมแน่น ไม่มีการถูกรื้อค้นใดๆ ภูผากระแทกมันปิดดังเดิม เหลียวมองตะกร้าหน้าห้องน้ำที่ว่างเปล่า เธอหยิบไปเฉพาะเสื้อผ้าใส่แล้วของเขา ภูผาถอนหายใจ เขานึกถึงใบหน้าหญิงสาวที่ดวงตาแดงก่ำจะร้องไห้
และ...ป่านนี้ อาจจะร้องไปแล้วก็ได้ หลังเขาปิดประตูใส่ ภูผานึกถึงความมีน้ำใจที่เธออุตส่าห์ลุกขึ้นมาตระเตรียมอาหารไว้รอเขา ท่าทางดีอกดีใจเมื่อเขาเอ่ยชม รอยยิ้มกระจ่างเต็มใบหน้า ทุกอย่างจบลงเพราะอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเขาที่ไม่ยอมลืมอดีต
ทั้งที่ผ่านไปนานแล้ว
ชายหนุ่มนึกโมโหตัวเองขึ้นมา ถ้าเธอไม่เอ่ยบอก เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำ เมื่อตอนเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหน้าจะออกไปที่โต๊ะอาหาร
ดวงหน้าเศร้าๆของเธอลอยเข้ามาในห้วงคำนึง
ชายหนุ่มเปิดประตูออกไปอีกครั้ง เธอไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว บนโต๊ะอาหารว่างเปล่า เขาเดินไปที่ตู้เย็นตั้งใจจะหยิบน้ำดื่ม
กระดาษโน้ตเล็กๆเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบ “เงาะลอยแก้วในตู้เย็น ฉันทำไว้ให้ค่ะ”
เธอคงตั้งใจให้เขากินเป็นของหวานตบท้ายข้าวต้มทะเลที่เขากินไปได้ไม่ถึงครึ่งชาม เพราะทะเลาะกันเสียก่อน เขาหันมองห้องหญิงสาว ก่อนตัดสินใจเดินไปที่หน้าห้องของเธอ
ภูผายกมือเคาะประตู “ชมพู” เขาเรียกหญิงสาว “เปิดประตูให้เรา ได้ไหม”
รออยู่ครู่ ประตูห้องจึงค่อยๆเปิดออก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตารื้นด้วยน้ำตา ขอบตาแดงก่ำ เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
เขารู้สึกตกใจ “เรา เรา ไม่ได้ตั้งใจ”
หญิงสาวปิดปากตัวเองกลั้นสะอื้นไม่อยู่ หล่อนร่ำไห้ออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก
“อย่าร้อง เราบอกแล้วไง ไม่ได้ตั้งใจ”
เขาพร่ำปลอบโยน หญิงสาวยังไม่มีท่าทีจะหยุดง่ายๆถึงพยายามกลั้นสะอื้น แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังไม่ยอมหยุดไหล
“ชมพู” ภูผาตัดสินใจดึงร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอด ลูบผมยาวๆของเธอคล้ายปลอบขวัญ
“คุณอย่าไล่ฉันไปนะ ฉันกลัว”
“ไม่ เราไม่ทำแบบนั้น”
“สัญญานะ สัญญา”
เขาอึ้งไปครู่ เสียงสะอื้นร้องขอของหญิงสาวทำให้เขาใจหาย ตกปากรับคำไม่ทันยั้งคิด
“อืม เราสัญญา”
....
“คุณจะพาฉันไปไหน”
หญิงสาวถาม เมื่อผ่านไปอีกสามสี่วันที่อยู่ร่วมกันเป็นปรกติ เธอยังคงทำอาหารเก็บห้องซักเสื้อผ้าให้เขาเหมือนเป็นกิจวัตร จนถึงวันนี้ หลังภูผาตื่นนอนตอนบ่าย เขาบอกให้เธอแต่งตัวใหม่ ถามถึงเสื้อผ้าที่พยาบาลนำมาให้เปลี่ยนวันออกจากโรงพยาบาล
“ฉันซักเก็บไว้ค่ะ ตั้งใจว่าจะเอาไปคืน ถ้ากลับไปที่โรงพยาบาลคราวหน้า”
ภูผาส่ายหน้าไปมา “ไม่ต้องหรอก เขายกให้เธอแล้ว ก็เธอน่ะ มีเสื้อผ้าชุดเดียว ใส่ติดตัววันที่โดนรถชนนั่น”
เขาชี้ไปที่เสื้อผ้าของเขาที่ให้เธอใส่
“แล้วไอ้พวกเสื้อกางเกงเราที่ให้เธอ มัน...”
ภูผาส่ายหน้าไปมา หัวเราะในลำคออย่างนึกขัน หญิงสาวก้มมองตัวเองอย่างงงๆ เธอใส่กางเกงเลตัวใหญ่กับเสื้อยืดของเขาที่ยาวคลุมตะโพก
“..ตลกชะมัด” เขาว่า “สังเกตอยู่ แต่ไม่มีเวลาจะบอก”
เขาต้องออกไปทำงานทุกวัน เริ่มเคยชินกับการที่มีหญิงสาวมาอยู่ร่วมห้อง ถึงจะไม่ค่อยได้พูดอะไรกันมากนัก แต่อย่างน้อย เขาก็ไม่เร่งถามถึงกำหนดแน่นอนที่เธอจะไปจากที่นี่
“เราจะพาไปเที่ยว” เขาบอก
“ไปเที่ยวหรือคะ” เธอทำหน้างงๆ “ไปไหน”
“ก็...” เขาชี้ไปที่เสื้อของเขาบนตัวเธอ “จะเอาเสื้อคืน เธอต้องไปซื้อใหม่”
เธอทำหน้าเจื่อน “ฉันไม่มีเงิน”
“ให้ยืมก่อน” เขาสวนทันควัน “มีเมื่อไหร่ ค่อยคืน รอให้เธอกลับบ้านแล้วเอาเงินมาใช้คืนทีหลังก็ได้ เราไม่คิดดอกเบี้ยหรอก”
