บทที่ 4 ให้หาผู้หญิงคนใหม่
“ไปหาอะไรกิน” นาราจำใจขึ้นรถเพื่อนไปอย่าง งง ๆ ก่อนแพรวาจะหันกลับมายังเพื่อนรัก
“เป็นไงบ้าง ไปพบคุณแม่ของพี่ทินมา ท่านต้อนรับเธอดีไหม”
“...”
“ทำไมทำหน้างั้นอะ ไม่ดีเหรอ เธอเล่าให้ฉันฟังได้เลยนะ” นาราฝืนยิ้มให้เพื่อนรักก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วตัดสินใจพูดสิ่งที่อัดอั้น
“ก่อนหน้าฉันเคยคิดว่า ฉันกับพี่ทินไม่มีอะไรเหมาะสมกันสักอย่าง แต่มาวันนี้อะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้ฉันยิ่งมั่นใจว่าฉันกับเขาไม่มีอะไรเหมาะสมกันจริง ๆ”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าแม่เขาไม่ยอมรับงั้นเหรอ” แพรวาหน้าถอดสีเล็กน้อย ก่อนนาราจะพยักหน้าขึ้นลงแล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
“พอคุณแม่รู้ว่าฉันโตมาในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ฉันก็พอดูออกว่าฉันคงไม่ใช่สะใภ้ในอุดมคติของท่านแน่ ๆ”
“แล้วพี่ทินว่าไง”
“เขาพยายามปกป้องฉัน โดยการพาฉันหลบมาก่อน คนกลางอย่างพี่ทินอึดอัดใจน่าดูเหมือนกัน ฉันจึงพยายามทำเหมือนไม่คิดอะไร เพราะไม่อยากให้เขาคิดมาก ลำพังงานที่ทำอยู่ก็เครียดจะแย่แล้ว” นาราระบายความรู้สึกให้แพรวาฟังอย่างง่าย ๆ ก่อนอีกฝ่ายจะพูดขึ้น
“เธอท้อแท้หรือเปล่า อย่าท้อเด็ดขาดนะ รู้ไหมว่าผู้ชายอย่างพี่ทินหาไม่ได้ง่าย ๆ เขาทั้งแสนดีและร่ำรวยขนาดนั้น เธออย่าปล่อยหลุดมือเด็ดขาด กับคุณแม่ของเขาเธออย่าใส่ใจเลย หากพี่ทินจะรักเธอก็ไม่มีใครห้ามได้หรอก ต้องสู้รู้ไหม” แพรวาทำเสียงจริงจัง ก่อนนาราจะปล่อยยิ้มออกมา แล้วหันมองไปรอบ ๆ
“ตกลงจะพาฉันไปไหน”
“วันนี้ฉันทะเลาะกับแฟน ไม่อยากอยู่บ้าน ก็เลยกะว่าจะหาเพื่อนไปดื่มเหล้าคลายเครียดเสียหน่อย”
“ว่าไงนะ” นาราเอยขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เอาน่า ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบร้านพวกนี้เท่าไหร่ แต่เธอไม่ต้องกินก็ได้ แค่ไปนั่งเป็นเพื่อนฉันเฉย ๆ ก็พอ ฉันอยากดัดนิสัยแฟน จะกลับบ้านสักตีหนึ่งไปเลย ดูสิว่าจะง้อไหม เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ นะ” แพรวาทำหน้าอ้อน ก่อนนาราจะใจอ่อน ยอมแต่โดยดีไม่คัดค้าน
สองเท้าเดินเข้ามายังสถานบันเทิงขนาดใหญ่ พร้อมสายตาของหญิงสาวจะเลื่อนมองรอบ ๆ หลังจากเดินมายังโต๊ะที่จองไว้ แพรวาก็ทำการสั่งเครื่องดื่มมาทันที ขณะที่สายตาของนารายังคงสังเกตทุกสิ่งอย่างเงียบ ๆ
“ที่นี่เป็นร้านเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานน่ะ เจ้าของหล่อมาก..” แพรวาย้ำพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเครื่องดื่มและอาหารจะถูกยกมาเสิร์ฟ
“ลองไหม” แพรว่ายื่นแอลกอฮอล์ให้ ก่อนหญิงสาวจะส่ายศีรษะไปมา
“เธอก็รู้ว่าฉันแพ้แอลกอฮอล์ ขืนกินเข้าไป เดี๋ยวเธอก็ได้พาฉันไปโรงพยาบาลหรอก กินไปคนเดียวเลย” นาราดันแก้วออกแล้วยิ้มให้กับเพื่อนรัก พลันเลื่อนมองบรรยากาศรอบ ๆ พร้อมความคิดมากมายในสมอง
สองเท้าของทินธรเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยใบหน้าเรียบตึง ก่อนเสียงเรียกของมารดาจะทำให้เขาหันหลังกลับไป
“แม่ขอคุยด้วยหน่อย”
“ผมอยากพัก พรุ่งนี้มีประชุมใหญ่”
“วันนี้มีเวลาพักทั้งวันทำไมไม่พัก ดันเอาเวลาไปให้แม่นั่นจนหมด ทีนี้ล่ะอยากจะพัก”
“แม่ครับ ทำไมพูดแบบนี้ ผมคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ” ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกอย่างถึงที่สุด ก่อนวีรดาจะเข้ามาจับจ้องมองหน้าลูกชายด้วยความผิดหวัง
“หาผู้หญิงที่ดีกว่านี้แล้วไม่ได้หรือไง เห็นแต่ความสวย คิดจะคว้าก็คว้ามางั้นเหรอ ผู้หญิงโพรไฟล์ดี ๆ มีตั้งมากมาย ทำไมไม่คิดหา”
“ผมไม่อยากคุยกับแม่แล้ว” ทินธรเบี่ยงตัวเดินหนี หากแต่มารดายังคงตามไปดักหน้า แล้วยกมือขึ้นกอดอกจับจ้องมองลูกชายด้วยแววตาจริงจัง
“ถ้าพ่อรู้ขึ้นมา แกจะทำยังไง ทุกอย่างที่ฉันทำมาเพื่อแก มันไม่พังหมดเหรอ ตอนนี้คุณไตรภพเขาหลงแกยิ่งกว่าลูกในไส้ของเขาอีก ถ้าเขารู้ว่าแกใฝ่ต่ำขนาดคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนั้นมาเป็นแฟน เขาจะไว้ใจให้แกบริหารงานแทนได้ยังไง”
“แต่มันคนละเรื่องกันนะครับ”
“มันเรื่องเดียวกัน” หญิงกลางคนยืนยันเสียงแข็ง ขณะที่ทินธรถอนหายใจออกมาด้วยความหน่ายใจ
“เลิกกับผู้หญิงคนนั้นซะ”
“ผมไม่เลิก”
“มันมีดีอะไร ถึงทำให้ลูกชายแม่หลงใหลได้ขนาดนั้น อนาคตน่ะ จะเอาไหมฮะ” วีรดาพูดเตือนสติ ก่อนชายหนุ่มจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“แม่ยังไม่ชินอีกเหรอ แม่ก็รู้ว่าที่ผ่านมาผมเชื่อฟังแม่มาตลอด แต่ครั้งนี้ผมขอล่ะ อย่ามาบังคับผมอีก” เขาพูดจบจึงรีบเบี่ยงตัวเดินกลับเข้าห้องไป โดยไม่สนใจ
“ลูกนะลูก คิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงหลงผู้หญิงคนนี้นัก” มารดาของเขาส่ายศีรษะไปมาด้วยความหน่ายใจ พลันกำมือแน่นนึกหาแผนจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นทันที ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
นาราและแพรวานั่งคุยกันถึงเรื่องราวต่าง ๆ สมัยเรียนพลันหัวเราะออกมาเป็นระยะ แล้วตักอาหารกินอย่างสบายใจ ก่อนสายตาของหญิงสาวจะเลื่อนไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมการ์ดของร้าน ไม่นานนักเธอก็จำได้อย่างแม่นยำว่านั่นคือเตมินทร์ ศัตรูร้ายกาจของแฟนหนุ่ม ที่พบเมื่อช่วงกลางวัน ทว่าท่าทางตกตะลึงของนาราทำให้แพรวาเลื่อนสายตามองตามเพื่อนรัก แล้วพบกับเจ้าของร้านกำลังเดินเข้าไปยังห้องลับด้านหลัง
