บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ขอโทษที่พามาเจอเหตุการณ์แบบนี้

“คุณพ่อไล่นายออกจากบ้านไปแล้ว นายไม่มีสิทธิ์เข้ามาอีก ถ้าเข้ามาคุณพ่ออนุญาตให้ฉันกับคุณแม่โทรตามตำรวจ” ทินธรพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม ก่อนสายตาของอีกฝ่ายจะเลื่อนมองมายังหญิงสาวแล้วยกมือขึ้นกอดอก

“ฉันเตือนด้วยความหวังดี ถ้าเธอไม่อยากเสียใจ เลิกกับไอ้หมอนี่ซะ มันก็ดีแต่สร้างภาพสวยงามไปวัน ๆ เท่านั้นแหละ เหยื่อคนล่าสุดของมันฆ่าตัวตายไปเมื่อเดือนก่อน เธอคงไม่รู้” ทิน­ธรโผเข้าไปกำคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างไม่ยอม

“หุบปากของนายซะ แล้วออกไปจากบ้านหลังนี้ ไม่งั้นฉันจะโทรเรียกตำรวจ”

“ก็เอาสิ ถ้าอยากให้เป็นข่าว ก็เชิญเลย ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว” อีกฝ่ายทำท่าท้าทาย ก่อนสายตาทั้งสอง จะจับจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอม พร้อมเสียงแผดของวีรดาดังลั่นออกมาจากบ้านหลังใหญ่

“แกมาทำไม คุณไตรภพไล่แกออกจากบ้านไปแล้วนี่” ชายหนุ่มผลักทินธรออกจากกาย แล้วหันมายังหญิงกลางคนด้วยท่าทางราบเรียบ ก่อนแสยะยิ้มมุมปากเช่นเดิม

“ทำท่าเป็นเจ้าของบ้านเลยนะ ลืมแล้วเหรอ ว่าเป็นแค่เมียน้อยมีลูกติด ทั้งคุณและมัน” เขาชี้หน้าไปยังวีรดาก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดต่อ

“ต่างก็เป็นแค่คนอาศัย ไม่มีสิทธิ์อะไรในทรัพย์สินทั้งนั้น”

“เตมินทร์ มันจะมากไปแล้วนะ” วีรดาพูดด้วยความไม่พอใจ ก่อนอีกฝ่ายจะยักไหล่ แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจเท่าไหร่นัก

“ป้าช้อย ช่วยขึ้นไปเอาเอกสารในห้องผมให้หน่อย แฟ้มสีดำ”

“ได้ค่ะ คุณเตมินทร์”

“นังช้อย ไม่ต้อง มันอยากได้ ให้มันขึ้นไปเอาเอง” เสียงแผดของวีรดาดังขึ้น ก่อนที่เตมินทร์จะหันกลับมายังแม่บ้านเก่าแก่อยู่รับใช้เขามาตั้งแต่เด็ก

“ป้าช้อยกล้าขัดใจผมงั้นเหรอ”

“แต่ว่า..” ช้อยทำท่าอึกอัก ก่อนสองเท้าของเตมินตร์จะเดินเข้ามาแล้วพูดบางอย่าง

“รู้ใช่ไหม ว่าผมคือทายาทคนเดียวของตระกูลวายุภักษ์ พวกมันก็แค่กาฝาก ต่อให้ใช้นามสกุลวายุภักษ์เหมือนกัน แต่ฐานะก็ต่างกันอยู่ดี” สองเท้าของวีรดาเดินปรี่เข้ามาแล้วพูดขึ้นอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

“ต่างกันสิ ดูสภาพตอนนี้ของแกก่อน โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา อีกหน่อยทุกอย่างก็ต้องตกเป็นของลูกชายฉันทั้งหมดนั่นแหละ อย่าลืม!ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่เมียคนแรก แต่ฉันก็ถือทะเบียนสมรสอยู่ในมือ”

“แน่ใจเหรอครับ ว่าทุกอย่างจะเป็นของทินธรอย่างที่หวังไว้จริง ๆ” เขาย้อนกลับอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ก่อนแม่บ้านจะถือโอกาสวิ่งขึ้นไปเอาของให้เตมินทร์ ตามคำสั่ง

พร้อมทิน­ธรจะตัดสินใจพาแฟนสาวขึ้นรถเพื่อหลบหลีกความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากรถแล่นออกไปได้สักระยะ ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม ก่อนจะหันมายังนาราแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักใจ

“พี่ขอโทษนะ ที่พามาเจออะไรแบบนี้” หญิงสาวฝืนยิ้มแล้วเอื้อมไปจับมือชายหนุ่มแน่น

“ไม่เป็นไรค่ะ ให้เวลาคุณแม่อีกหน่อยเถอะนะคะ เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้น ถ้ารู้ว่านาราเติบโตมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า” หญิงสาวพูดคล้ายน้อยใจชะตาตัวเอง ก่อนชายหนุ่มจะกุมมือเธอแน่น

“พี่ไม่สนใจชาติกำเนิดอะไรทั้งนั้น พี่รู้เพียงแต่ว่ามีนาอยู่ข้างกายแบบนี้ พี่ไม่ต้องการอะไรแล้ว ส่วนเรื่องของคุณแม่ พี่จะพยายามพูดให้ท่านใจอ่อนเอง” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงปล่อยยิ้มออกมา ก่อนจะนึกบางอย่างได้

“จริงสิคะ คนนั้นคือคุณเตมินทร์ใช่ไหมคะ” แววตาไม่ปลอดภัยเผยออกมาให้ทินธรสังเกตเห็น

“ใช่! นั่นคือเตมินทร์ ลูกชายแท้ ๆ ของคุณพ่อ ที่พี่เคยเล่าวีรกรรมของมันให้นาฟังไง จนถึงตอนนี้มันก็ยังสร้างปัญหาให้ครอบครัวไม่จบสิ้น พี่สงสารคุณพ่อมาก ๆ ที่ต้องทนกับลูกชายเกเรพรรค์นั้น ต่อให้พี่ไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของคุณพ่อ แต่พี่ก็เชื่อมั่นว่าพี่ไม่เคยทำให้คุณพ่อเสียใจเหมือนเตมินทร์” หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“คิดอะไรอยู่เหรอ” เขาถาม

“นาเป็นห่วงพี่ทินค่ะ คุณเตมินทร์ดูน่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นวันนี้ ที่พี่กับเขาเกือบมีเรื่องกัน นาก็ยิ่งเป็นห่วงไม่อยากให้พี่อยู่ใกล้เขา” หญิงสาวพูดออกมาอย่างเดียงสา ก่อนชายหนุ่มจะเผลอยิ้มออกมา พร้อมยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอด้วยความรัก

“พี่กับเตมินทร์มีเรื่องกันจนชินละ ไม่ต้องห่วงหรอก ยิ่งกว่านี้ก็เคยมาแล้ว” เขาพูดพร้อมเลื่อนมือเธอมาหอมอย่างถนอม เขายังเป็นผู้ชายอบอุ่นเสมอ ยามเธออยู่ใกล้ และนั่นทำให้หญิงสาวมอบหัวใจให้เขาจนไม่เหลือพื้นที่ว่างให้ใครอีก

“ขับรถดี ๆ นะคะ” เธอบอกลาก่อนเขาพยักหน้า แล้วรถคันหรูก็เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนมือถือของหญิงสาวจะดังขึ้น ทำให้เธอละสายตาหันมากดรับโทรศัพท์

“อยู่ที่ไหน” ปลายสายเอ่ยถาม

“กำลังจะขึ้นห้องแล้วล่ะ เธอมีอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวถามเพื่อนสนิท พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนรถของแพรวาจะเคลื่อนมาจอด พลันลดกระจกลงแล้วส่งยิ้มหวานให้เพื่อนรัก

“ขึ้นรถดิ”

“จะไปไหน” นาราขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel