ม่านมายา

74.0K · จบแล้ว
ทีปสิขา
47
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อเตมินทร์คือศัตรูของแฟนหนุ่มที่เธอรัก...หญิงสาวจำต้องทำทุกทาง เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามไร้ค่าอย่างเขาให้พ้นทาง...ทว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่ออีกฝ่ายร้ายกาจยิ่งกว่า

นิยายรักประธานแก้แค้นเศรษฐีแต่งงานแทน

บทที่ 1 แฟนสาว

ภายในรถคันหรูสีขาว ที่แล่นบนถนนมุ่งตรงไปยังจุดหมายด้วยความเร็วคงที่ หลังพวงมาลัยคือ ทินธร วายุภักษ์ ชายหนุ่มหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่ง โดดเด่นในสายตาของคนทั่วไป หากแต่เขาอยู่ในฐานะลูกชายเจ้าของบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ที่สาว ๆ พากันหลงใหล ไม่ใช่เพียงหน้าตาที่ดึงดูด ทว่าความสามารถของทินธร ยังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เขามีแนวคิดทันสมัย เป็นที่ไว้วางใจของ ไตรภพ วายุภักษ์ ผู้เป็นบิดาเสมอมา จนขึ้นชื่อว่าเป็นนักบริหารหนุ่มไฟแรงที่ทุกคนในบริษัทต่างให้ความเชื่อมั่น

“นาไม่ต้องกลัวนะ แม่ของพี่ใจดีมาก” เขาเอื้อมจับมือแฟนสาวแน่น แล้วพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนอีกฝ่ายจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วถามกลับด้วยสายตาสั่นไหว

“ท่านไม่ดุแน่ใช่ไหมคะ”

“เลิกกังวลได้แล้ว พี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน ทุกอย่างจะผ่านไปได้ดี เชื่อพี่เถอะ” ทินธรเลื่อนไปลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน

“จริง ๆ แล้ว นายังไม่พร้อมเจอคุณแม่เท่าไหร่ กลัวว่าจะทำให้ท่านผิดหวัง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเช่นเดิม

“เราคบกันมาสามปีแล้วนะ นาเลื่อนพี่มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้พี่คิดว่า ถึงเวลาที่พี่ต้องพานาไปทำความรู้จักกับคุณแม่เสียที อย่าปฏิเสธอีกเลย” หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย ด้วยรู้ดีว่าฐานะของเธอกับเขาต่างกันราวฟ้ากับเหว ขณะที่มือหนาเลื่อนมาจับมือหญิงสาวแน่นเป็นการให้กำลังใจ

“ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น นาคือผู้หญิงที่พี่รัก อีกไม่นานเราจะแต่งงานกัน” คำพูดของเขาทำให้เธอค่อย ๆ หันกลับไปยังชายหนุ่มหล่อเหลาด้านข้างด้วยความประทับใจ นับจากวันแรกที่รู้จัก จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยทำให้เธอเสียใจสักครั้ง ทินธรเป็นคนจิตใจดีงามจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้ ก่อนนาราเอนศีรษะพิงไหล่เขาเบา­ ๆ

“จะอ้อนอะไรพี่อีก” เขาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม

“นาจะพยายามทำให้คุณแม่ของพี่ ประทับใจให้ได้ค่ะ นาจะพยายามให้ท่านยอมรับในชาติกำเนิดของนา”

“ต้องแบบนี้สิ สมกับเป็นนาราเด็กดีของพี่หน่อย” เขาพูดให้กำลังใจ ก่อนเธอจะเงยหน้าแล้วส่งยิ้มให้แฟนหนุ่มอย่างมีความสุข

ไม่นานนักรถหรูของทินธร ก็แล่นมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง แค่ประตูทางเข้าก็ทำเอาหญิงสาวถึงกับตกตะลึงในความใหญ่โต แม้รู้ว่าเขาเป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาจะร่ำรวยมากมายถึงเพียงนี้ เพราะความติดดินของทินธร ทำให้ช่องว่างระหว่างเธอและเขาแทบไม่ต่างกัน

สายตากลมสั่นไหวเลื่อนมองไปรอบ ๆ บริเวณ พร้อมรถคันหรูค่อย ๆ จอดช้า ๆ ก่อนมีแม่บ้านเข้ามาเปิดประตูรถให้ ทำราวกับเขาไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนคนอื่น

“ช่วยเอากระเป๋าผมไปเก็บในห้องด้วย” เขายื่นกระเป๋าทำงานให้แม่บ้าน ก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้แฟนสาว แล้วดึงเธอออกมาจากรถพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเดิม

“พร้อมไปเจอคุณแม่กับผมหรือยัง”

“พร้อมค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยความมั่นใจ เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าบ้านไปเท่านั้น คล้ายกับเธอหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย ข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงพวกนั้นทำให้เธอเงอะงะจนทำตัวไม่ถูก จนชายหนุ่มเข้ากำมือเธอแน่นแล้วส่งยิ้มให้อีกครั้ง

“ไม่ต้องกลัวนะ” เขาพูดพร้อมเธอพยักหน้ารับ

“คุณแม่ครับ” เสียงเรียกของลูกชายทำให้หญิงกลางคนหันมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อเห็นหญิงปริศนายืนเคียงข้างทินธร เขากำมือหญิงสาวแน่นอีกครั้ง แสดงความปกป้องคนข้างกายอย่างถึงที่สุด

“ผมพานารามาเคารพคุณแม่ครับ” พูดแล้วจึงหันไปยังแฟนสาว แล้วพาเธอตรงไปยังหญิงกลางคนที่นั่งอยู่ห้องโถงใหญ่ ก่อนสายตาของ วีรดา­­ วายุภักษ์ จะจับจ้องไปยังนาราที่เคียงข้างอยู่กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธออย่างไม่ไว้ใจนัก

“สวัสดีค่ะ” นารายกมือไหว้ด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย

“ใคร?” วีรดาหันไปถามลูกชายด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

“นารา แฟนผมครับ ที่เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้า” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมอย่างถึงที่สุด

“หึ!...งั้นเหรอ ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้ด้วยสิ” เธอพูดพร้อมเลื่อนสายตามองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้ววางถ้วยชาในมือลงด้วยกิริยาสง่างาม ตามแบบฉบับผู้ดีสมัยก่อน

“นั่งสิ” หญิงกลางคนกล่าวขึ้น ก่อนทินธรจะพาแฟนสาวเดินเข้าไปย่อตัวลงนั่งพร้อม ทอดมองมารดาด้วยสายตามีความหวังว่าอีกฝ่ายจะใจอ่อน

“วันนี้ นาราจะมาทานข้าวเย็นด้วยกัน หวังว่าคุณแม่จะไม่ว่าอะไรนะครับ ผมอยากให้คุณแม่ได้รู้จักเธอไว้ หวังว่าคุณแม่จะเอ็นดูเธอ” ทินธรเกริ่น ทั้งยังคงกำมือแฟนสาวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ฉันจะว่าอะไรได้ ก็กันพามาแล้วนี่นา” คำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ทำให้หญิงสาวแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย

“วันนี้หนูซื้อผลไม้มาฝากค่ะ” หญิงสาวยื่นกระเช้าผลไม้ ที่ถือติดมือมาให้อีกฝ่าย ก่อนวีรดาจะเอื้อมมารับตามมารยาท ไม่ได้ซาบซึ้งอะไรมากมายนัก

“ขอบใจ แล้วเธออายุเท่าไหร่ล่ะ” วีรดาเริ่มถามถึงประวัติแฟนสาวของลูกชายในทันที

“หนูอายุยี่สิบสองค่ะ” หญิงกลางคนพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ

“เรียนจบหรือยัง ทำงานที่ไหน” นาราชะงักนิ่ง เลื่อนสายตาสั่นไหวไปยังชายหนุ่ม ก่อนจะหันกลับมาตอบอีกฝ่ายตามความเป็นจริง