บทที่ 3
“อะไรนะ” คริส ปีเตอร์และทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมต่างรีบรุดเข้ามาดูข้อสันนิษฐานของณิชา ทุกคนต่างมองหน้ากันและพยายามหาข้อสรุป ซึ่งล้วนเป็นอย่างที่หญิงสาวได้คาดการณ์ไว้ เหตุการณ์และความน่าจะเป็นไปได้สอดคล้องกันหมด จุดหมายต่อไปที่ฆาตกรต่อเนื่องคนนี้จะลงมือฆ่านั่นคือคนไทยอย่างนั้นนะเหรอ เพราะเหลือเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังไม่มีคนเสียชีวิต เป้าหมายล่ะ เป้าหมายต่อไปคือใครกัน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ต่างก็หยิบรูปบุคคลที่คาดการณ์ว่าจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป ซึ่งพวกเขาได้รวบรวมและตัดตัวเลือกที่ไม่เข้าข่ายทิ้งขึ้นวางเรียงบนโต๊ะ คริสสั่งการออกไปให้ตำรวจนอกเครื่องแบบคอยดูแลความปลอดภัยของบุคคลเหล่านี้ทุกคน ห้ามมีคำว่าผิดพลาด หากมีใครต้องสงสัยก็สามารถจับกุมได้ทันที ณิชามองหน้าคริสก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ถ้าทำแบบนั้น ฉันว่าคนร้ายจะรู้ตัวเปล่าๆ”
“แต่เราต้องป้องกันไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก ผมจะไม่ยอมให้ใครถูกฆ่า” คริสเองก็ชัดเจนในแนวทางของเขาเช่นกัน แต่ในความคิดของณิชา เธอมีแผนเด็ดมากกว่าแค่ป้องกัน สุภาษิตไทยที่ว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ในเมื่อฆาตกรต้องการฆ่าคนไทยเพื่อสนองความต้องการอะไรก็ช่าง เธอจะไม่มีวันยอมเป็นแน่
“งานนี้ฉันจะเป็นเหยื่อล่อให้เอง”
“ชีต้า!” ทุกคนต่างเอ่ยชื่อแฝงที่เรียกขานณิชาออกมาแทบพร้อมๆ กัน เธอกล้าบ้าบิ่นเกินไปหรือเปล่าถึงพูดแบบนี้ออกมา แต่หญิงสาวก็พยักหน้าให้อย่างไม่ยอมเปลี่ยนใจ
“อย่าลืมว่าฉันเป็นคนไทยซึ่งเป็นเป้าหมายของฆาตกรรายต่อไป ฉันจะทำไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใคร พวกคุณต้องทำให้ฉันเป็นที่สนใจจนเขาคิดจะฆ่าให้ได้” ปีเตอร์จับข้อศอกของณิชาไว้ ก่อนจะรั้งเธอไปคุยยังมุมห้อง ทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานกัน ความคิดของณิชาในครั้งนี้เขารับไม่ได้จริงๆ
“แต่นี่มันเสี่ยงไปนะชีต้า คิดใหม่ คิดให้ดีๆ ก่อนพูด”
“ถ้าไม่เสี่ยง เราจะจับคนร้ายได้อย่างนั้นเหรอ จะปล่อยให้ใครเป็นเหยื่อรายต่อไปอีก ฉันไม่ยอม” หญิงสาวผู้แน่วแน่ต่องานเอ่ยขึ้น ต่อให้ปีเตอร์หรือใครต่อใครมาพูดให้เธอเปลี่ยนใจ เธอก็ไม่ยอมทำตามเด็ดขาด สิ่งที่ณิชาได้ตัดสินใจทำแล้ว ต่อให้ตายก็ไม่มีวันเปลี่ยน
“แต่…”
“ฉันสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี ไม่ต้องห่วง” ณิชาตบบ่าของ ปีเตอร์หนักๆ หนุ่มตาน้ำข้าวถึงกับอึ้งกับความใจเด็ดของหญิงสาวชาวไทยตัวเล็กๆ คนนี้ ครั้งแรกที่รู้ว่าณิชาคือหนึ่งในหน่วยสืบราชการลับ เขายังแอบสบประมาทเธออยู่ในใจว่าจะทำได้อย่างนั้นนะเหรอ แต่ตลอดสามปีที่ทำงานด้วยกันมา เขารู้แล้วว่ามองผู้หญิงคนนี้ผิดไป เธอเก่งและแกร่งจนหาตัวจับยาก
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะชีต้า” คริสเอ่ยถามสั้นๆ ก็เข้าใจถึงความหมาย เพราะงานนี้ถ้าได้ลงมือแล้วจะถอนตัวทีหลังคงไม่ได้ เขารู้ว่าณิชาเป็นคนเก่ง แต่บางครั้งเธอก็ยังอ่อนประสบการณ์ งานนี้พวกเขาจึงพลาดไม่ได้
“ค่ะ” คำตอบรับของณิชาทำให้คริสหวั่นใจอยู่มาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเลือกที่จะเดินหน้าจับคนร้ายคดีสะเทือนขวัญนี้ต่อไป แต่ก่อนจะปล่อยข่าวคงต้องสืบประวัติผู้ที่ตกเป็นเหยื่อก่อนหน้านี้อย่างละเอียดว่าพวกเขามีแรงจูงใจอะไรให้ฆาตกรรายนี้เลือกจะลงมือฆ่านอกเสียจากสิ่งที่พวกเขารู้มา
ข้อมูลทุกอย่างที่อยากรู้ถูกส่งมายังหน่วยสืบราชการลับโดยทันที ทุกคนในทีมต่างพากันกลั่นกรองข้อมูลสิ่งที่ได้รู้ก่อนจะรวบรวมเป็นข้อๆ เรียงตามความสำคัญ แม้คนทำงานจะน้อยแต่ก็มากซึ่งประสิทธิภาพ เริ่มจากเหยื่อเป็นคนสองสัญชาติเน้นคนที่มีเชื้อสายในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นลูกติดจากพ่อหรือแม่ที่มาแต่งงานใหม่กับคนอังกฤษ ที่สำคัญคนพื้นที่เองก็มีลูกติดด้วยและข้อมูลใหม่ที่ได้มา คือ คนที่ตกเป็นเหยื่อในคดีนี้มีประวัติทุบตีคนในครอบครัว โดยเฉพาะลูกของพ่อแม่บุญธรรมที่เป็นคนอังกฤษ
ยิ่งได้ฟังข้อมูลณิชาก็ขนลุก ฆาตกรโรคจิตชัดๆ มีปมเรื่องครอบครัวหรือเปล่าถึงได้อำมหิตฆ่าคนได้ง่ายๆ แบบนี้ ณิชาวาดภาพฆาตกรรายนี้ไว้ในใจ ออกแนวน่ากลัวขนหัวลุก เพราะคนดีๆ ที่ไหนจะลงมือฆ่าเพื่อนมนุษย์อย่างไร้ความปรานี เมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน ปีเตอร์จึงเดินเข้ามาคุยด้วย พร้อมทั้งเอ่ยถามอย่างห่วงๆ จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงก็เพื่อนเขาบ้าระห่ำถึงขั้นยอมเป็นเหยื่อล่อฆาตกรต่อเนื่อง
“ไหวแน่นะชีต้า”
“อื้อ…ปีเตอร์คอยคุ้มกันฉันก็พอ” หญิงสาวพยักหน้าให้
“ได้ ผมจะทำสุดตัว ไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรหรอก” ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน เพราะงานนี้ทุกคนล้วนสำคัญ ก่อนที่ณิชาจะขอตัวกลับไปยังอพาร์ทเม้นท์เพื่อเก็บของใช้ที่จำเป็นมาอยู่ประจำที่ร้านอาหาร การจะไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟนั่นคืออาชีพลวง แต่วัตถุประสงค์จริงๆ เพื่อต้องการอยู่กับทีมงานได้สะดวกขึ้น หญิงสาวบอกโซเฟียว่าจะไปทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมและพักที่ร้านอาหารอย่างเช่นทุกครั้ง โซเฟียเองก็รับรู้เพียงว่านี่คืองานอดิเรกหาเงินค่าขนมของเพื่อนสาว
แต่ใช่ว่าณิชากำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยสืบราชการลับฝ่ายเดียว เพราะขณะนี้ทิเชษ ผู้เป็นพี่ชายก็กำลังทำงานในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน ภาพที่ทุกคนรู้คือชายหนุ่มเป็นวิศวกรมือดี แต่จริงๆ แล้วเขานั้นเขารับใช้ชาติในฐานะหน่วยข่าวกรอง เป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าปิดทองหลังพระคงจะถูกต้องที่สุด คดีที่ทิเชษได้รับมอบหมายมานี้ถือเป็นคดีใหญ่ เขาตามสืบเป็นเวลาเกือบสองปีเต็ม ข้อมูลที่ได้รับค่อยๆ ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าใครคือคนร้ายที่ขโมยเพชรมูลค่าหลายร้อยล้านมาจากเศรษฐีชาวอังกฤษซึ่งเสียชีวิตในวันเกิดเหตุ แต่ญาติร้องขอให้ตามสืบเพื่อนำเพชรเหล่านั้นกลับมา เท่าที่สืบข่าวมาได้ เพชรเหล่านั้นตอนนี้ถูกซ่อนในเมืองไทยฝั่งอันดามัน แต่ปูพรมค้นหาเท่าไหร่ก็ยังไม่พบที่ซ่อน
