ตอนที่ 3 บอดีการ์ด
“อย่าเวนที่ดินตรงนี้คืนเลยนะครับคุณเจอราร์ด”
“ใช่ครับ ๆ อย่ายกเลิกสัญญาเช่าค่ายมวยเลยนะครับ ผมขอร้องล่ะ”
“ฮือ อย่ารื้อค่ายมวยของพวกหนูเลยนะคะ ฮืออ”
“โอ๊ย เสียงเอะอะอะไรวะเนี่ย” ปุณณดาบ่นงึมงำโดยที่ยังไม่ลืมตา
เธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านนอกห้องมาสักพักแล้ว ทว่าความง่วงงุนจากการดูซีรีส์เมื่อคืนจนดึกทำให้เธอยังจับใจความได้ไม่ดีนัก รู้เพียงแค่เสียงพวกนั้นเป็นเสียงคุ้นหูของเจ็กเจียงกับเด็ก ๆ ในค่ายมวย และยังมีเสียงของชาวบ้านละแวกนี้ด้วย
“เงียบ ๆ หน่อยลุง! หนูจะนอน ง่วง!” ปุณณดาตะโกนบอกไปทั้งที่ตายังปิดและร่างกายยังนอนซุกกองผ้าห่มอยู่บนเตียง
วันนี้เธออุตส่าห์ได้นอนดึกในรอบหลายเดือนเพราะตารางซ้อมเพิ่งว่างทั้งที แต่ก็ดันมาถูกรบกวนแต่เช้าเสียได้ ทำเอาปุณณดานอนพลิกซ้ายพลิกขวาคว้าหมอนมาปิดหูอยู่หลายนาที ก่อนจะตัดสินใจลุกพรวดเปิดประตูเนื่องจากทนหนวกหูกับเสียงเอะอะต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“เสียงดังอะไรกันเนี่ยลุง หนูนอนไม่หลับเลยนะ”
“เอ็งอย่าเพิ่งโวยวายไอ้พริกแกง รีบนั่งลงก่อน” เจียงรีบดึงข้อมือนักมวยสาวประจำค่ายให้นั่งลงข้าง ๆ ตัวเองบนพื้น
แต่เพราะยังเมาขี้ตาบวกกับความง่วงยังครอบงำ ปุณณดาจึงไม่ได้สนใจจะกวาดสายตามองไปรอบตัวเลยสักนิดว่ามีใครอยู่บ้าง และที่สำคัญเธอตั้งใจออกมาโวยวายเจ็กเจียงโดยเฉพาะ
“นั่งทำไม ไม่นั่ง ไม่เมื่อย หนูจะกลับไปนอน หนูง่วงนะ” เธอตอบด้วยดวงตาที่ลืมได้เพียงแค่ครึ่งเดียว
“ข้าบอกให้เอ็งนั่งไงไอ้พริกแกง” คนอาวุโสกว่ายังคงดันทุรังจะดึงหญิงสาวให้นั่งลงให้ได้
ในขณะที่คนถูกตื๊อก็ยังคงยืนทำตาปรือจนแทบปิด อีกทั้งสภาพชุดนอนที่เป็นเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้นนั้นไม่ใช่เสื้อผ้าที่สมควรใส่ออกมาเจอผู้คนเลยสักนิด
“ก็หนูไม่อยากนะ...”
“นั่งเถอะ ฉันอยากคุยกับเธอนะ แม่สาวบิกไบค์เครื่องหนึ่งพัน”
ปุณณดาเอ่ยยังไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นกลางคัน จะว่าคุ้นก็คุ้น แต่เป็นเสียงคุ้นหูที่ไม่ค่อยอยากกลับมาได้ยินเท่าไหร่
ไวเท่าความสงสัยหญิงสาวก็หมุนตัวไปหาต้นเสียงทันที ก่อนจะต้องถลึงตาโตชี้นิ้วใส่หน้าเขาด้วยความหัวเสีย จากทั้งการกลับมาเจอหน้ากันและการที่อีกฝ่ายคือตัวต้นเหตุสร้างเสียงเอะอะจนเธอนอนไม่ได้
“นี่คุณอีกแล้วเหรอ วันก่อนทำฉันวุ่นวายเพราะความอยากเสือกของคุณไม่พอหรือไง วันนี้จะมาสร้างความวุ่นวายอะไรอีก”
“อะไร ใครเสือกไม่ทราบ พูดดี ๆ หน่อยนะแม่คุณ” เจอราร์ดถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“นี่ฉันพูดดีด้วยแล้วนะ ก็คุณนั่นแหละเสือกอยากช่วยฉันจากคนพวกนั้นไง แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็เป็นฉันที่ต้องลากคุณมาทำแผลน่ะ” พูดไปเธอก็ตบฝ่ามือเข้ากับอกตัวเองเพื่อยืนยันความหนักแน่นในคำพูดไปด้วย
เมื่อวานที่ชายหนุ่มตรงหน้าหาว่าเธอใช้เท้าทำแผลให้เธอยังฉุนอยู่ในหัวอยู่เลย วันนี้ยังกล้าดีมาส่งเสียงดังและทำท่าทีกวนบาทาใส่เธออีก เขาจะสร้างความวุ่นวายไปถึงไหน
“เฮ้ย ไอ้พริกแกง เอ็งพูดให้มันน้อย ๆ หน่อย” เจียงเอ่ยปรามเมื่อเห็นปุณณดาพูดจาไม่เหมาะสม
“พูดน้อยอะไรล่ะลุง ก็ตานี่มันน่าด่าจริง ๆ นั่นแหละ แล้วนี่ลุงจะมานั่งกับพื้นทำไมเนี่ย” พูดจบเธอก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้ทั้งเจ็กเจียง ทั้งเด็ก ๆ ในค่าย ไม่เว้นแม้แต่ชาวบ้านแถวนี้ก็กำลังนั่งพับเพียบเรียบร้อยกันอยู่บนพื้นปูนลื่น ๆ ทั้งนั้น ส่วนตัวต้นเหตุนั่งเก๊กหล่ออยู่บนเก้าอี้พลาสติกสีแดง
“เออน่า ให้ข้านั่งตรงนี้แหละดีแล้ว” เจียงกล่าว
“จะดียังไงลุง อายุอานามก็ไม่น้อยแล้วไหม กระดูกกระเดี้ยวลุงก็ไม่ได้แข็งแรง ลุกขึ้นมาเร็ว ๆ”
“ข้าไม่ลุก”
“ก็หนูบอกให้ลุงลุกไง” ปุณณดาไม่ว่าเปล่า เธอพยายามดึงแขนเจียงให้ลุกขึ้นจากพื้นให้ได้ ในขณะที่เขาเองก็ขืนตัวสารพัดเท่าที่คนแก่ ๆ คนหนึ่งจะมีเรี่ยวแรงต้าน
“เอ็งอย่าบังคับข้าเลยไอ้พริกแกง” เจียงคิดว่าคนแก่อย่างเขาจะไปยืนเสมอคุณเจอราร์ด เจ้าของที่ดินผืนนี้ไม่ได้
“แต่...”
“เชื่อลุงเธอเถอะ” เจอราร์ดพูดแทรก
“ยุ่งน่ะ คุณเกี่ยวอะไรด้วยมิทราบ” ปุณณดายืนเท้าเอวมองหน้าคู่กรณีทันที
ส่วนเจอราร์ดที่ถูกทำกิริยาแบบนั้นใส่ก็ทำแค่นั่งไขว่ห้างพร้อมกับยักคิ้วอย่างยียวนกลับไปให้คู่สนทนาหมั่นไส้เล่นเท่านั้น
“เอาตรง ๆ นะ ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก แต่บังเอิ๊ญบังเอิญว่าที่ดินตรงนี้มันเป็นของตระกูลรัสเซลล์ซะด้วยสิ แล้วก็บังเอิ๊ญบังเอิญอีกนั่นแหละ ว่าฉันอยากได้ที่ดินตรงนี้ไปทำโกดังเก็บของ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่คนที่ได้ยินโดยรอบต่างก็เศร้าใจไปตาม ๆ กัน
“ของอะไรนักหนาถึงจะใช้ที่ดินเยอะแยะน่ะฮะ” ปุณณดาเอ่ยถาม
“อากาศ”
“ฮะ!?”
“อากาศไง ฉันจะทำโกดังเก็บอากาศไว้เล่น ๆ เธอจะทำไม” พูดจบเจอราร์ดก็ยักคิ้วพ่วงท้ายไปหนึ่งที ทำเอากำปั้นหนัก ๆ ของปุณณดาสั่นระริกเพราะอยากจะพุ่งไปตะบันหน้าให้หงายหลัง
“ได้ยินแล้วนะทุกคน เพราะงั้นก็ช่วยเก็บของออกไปด้วย ผมจะใช้ที่ดินตรงนี้” เจอราร์ดกดรอยยิ้มชั่วร้ายบนมุมปากส่งไปให้ปุณณดา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตั้งท่าสะบัดก้นเดินออกมา
“เดี๋ยวก่อนครับคุณเจอราร์ด เดี๋ยวก่อน! อย่าไล่พวกเราออกไปจากที่ดินตรงนี้เลยนะครับ” เจียงรีบพูดขึ้น
“ผมจะไม่ไล่ก็ได้นะ ถ้าหาก...” พอถูกเอ่ยรั้งเขาก็ยอมหันหน้ากลับไปคุยต่อ แต่เว้นช่วงคำพูดแล้วลากสายตามองไปยังปุณณดาที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ยัยนั่นยอมตามไปคุยกับผม” เจอราร์ดชี้นิ้วไปยังคู่กรณี
“ทำไม แน่จริงก็คุยตรงนี้เลยสิ” ปุณณดายังไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา
“น้อย ๆ หน่อยเธอ ฉันคือคนที่ถือพัดเหนือกว่านะ”
“ไพ่ครับไพ่ ถือไพ่เหนือกว่าครับนายน้อย” คิมหันต์รีบสะกิดแขนทันทีที่นายน้อยของตนใช้คำเปรียบเปรยผิด
คนพูดผิดแอบหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นขึงขังกระแอมไอออกมาเสียงดังแล้วยืดอกลอยหน้าลอยตาพูดต่อ ราวกับเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนไม่ได้ทำเรื่องน่าอายอะไรลงไป
“ฉันถือไพ่เหนือกว่าเธอนะ ถ้าอยากให้ที่ดินตรงนี้ยังไม่กลายเป็นโกดังเก็บอากาศเธอก็ตามฉันมา” พูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินนำ ทว่าพอเดินไปได้สองสามก้าวก็หันกลับมาใหม่เมื่อยังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของปุณณดาเดินตามมา
“เอ้า เธอจะยืนเซ่ออยู่ทำไม ตามมาสิ คัมมอน” เขากระดิกนิ้วเรียกสองสามครั้งในท่าเดียวกับที่ใช้เรียกหมา
ถึงแม้ไม่ได้เต็มใจจะเดินตามไปทว่าปุณณดาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ร่างสมส่วนที่สูงร่วมร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเดินตามแผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อซูตเนื้อดีไปติด ๆ
ผลัก!
“โอ๊ย ไอ้บ้า คุณจะหยุดทำไมไม่บอกก่อน” ปุณณดาร้องโวยวายออกมาภายหลังเมื่อจู่ ๆ ชายตัวโตใจมดตรงหน้านั้นหยุดเดินกะทันหันโดยไม่บอกไม่กล่าว และไม่เว้นระยะห่างอะไรเลย
“ถ้าบอกฉันก็ไม่สนุกสิ” เจอราร์ดตอบกลับอย่างกวนโมโห ในขณะที่โครงหน้าคมเข้มก็แอบเอี้ยวไปมองคนด้านหลัง
ใบหน้าสวยกำลังยุ่งเหยิงเพราะขุ่นเคืองกับคำตอบของเขาทำเอาเจอราร์ดแสยะยิ้มเพราะดูตลกดี เขาชอบที่เธอหัวเสีย
“แล้วสรุปจะคุยกันได้ยัง” ปุณณดาเอ่ยถาม
“เอาสิ ฉันพร้อมคุยแล้ว”
“แต่ฉันไม่พร้อม”
“นี่เธอ”
“ฉันอยากตกลงเรื่องนี้กับนายเพียงลำพัง สองต่อสอง โอเคไหม”
“เอ่อ...”
ได้ยินแบบนั้นเจอราร์ดก็ขมวดคิ้วยุ่งในทันที ในใจคิดสงสัยไปต่าง ๆ นานาถึงการขอพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวของเธอ เขามองหญิงสาวทีหนึ่งก็หันไปมองคิมหันต์ทีหนึ่ง ก่อนจะส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหามือขวาว่าเขาจะตอบรับสถานการณ์ตรงนี้ยังไงดี
ถ้าคิมหันต์หันหลังไปเธอจะไม่ทำท่าจระเข้ฟาดหางใส่เขาใช่ไหม เพราะเมื่อกี้เขาเล่นกวนตีนเธอไว้เยอะซะด้วยสิ
“โหย ชักช้าจริง พี่คะ พี่ช่วยเดินออกไปก่อนได้ไหมคะ หนูขอตกลงกับไอ้นี่ตามลำพัง” ปุณณดาหันไปมองมือขวาด้วยอีกคน
ได้ยินแบบนั้นคิมหันต์ก็หันไปมองหน้านายน้อยตนเองในทันที
ขณะเดียวกันเจอราร์ดก็โบกมือปฏิเสธพัลวัน แต่โบกไปซ้ายยังทันจะย้ายมาทางขวา ปุณณดาก็ตวัดสายตาเขียวปั๊ดกลับมามองเขาเสียก่อน จากที่จะบอกปัดก็กลายเป็นต้องพยักหน้าตอบรับอย่างช่วยไม่ได้แทน
“แล้วสรุปคุณจะเอายังไง ต้องการกี่ล้านถึงจะขายที่ดินตรงนี้” ปุณณดาถามขึ้นหลังจากที่อยู่กันตามลำพังแล้ว
“เธอไหวกี่ล้านล่ะ” เขาถามหยั่งเชิง
“สิบล้าน”
“ตลกไปหน่อยมั้งแม่คุณ ที่ดินตั้งแต่หน้าปากซอยจนถึงหลังซอยเกือบร้อยไร่ จะมาขายสิบล้านได้ยังไง” เจอราร์ดแสร้งทำน้ำเสียงไม่พอใจ
“ฮะ? ละแวกนี้ทั้งหมดเป็นของคุณงั้นเหรอ” เธอตาโตอย่างตกใจ
“ใช่ ของฉันทั้งหมด และที่สำคัญนะ ไม่ขายโว้ย รวยอยู่แล้ว” เขาตอบแบบทะเล้น เล่นหูเล่นตาจนคนฟังเกือบจะชกให้เบ้าตาเขียว
เจอราร์ดแอบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้ายกกำปั้นขึ้นมา ในใจเตรียมไว้เต็มที่แล้วว่าจะร้องตะโกนให้คิมหันต์ช่วยด้วยเสียงดัง ๆ แบบครั้งเดียวได้ยิน แต่พอเห็นปุณณดาผ่อนลมหายใจและลดหมัดลง เขาก็โล่งอกแล้วเริ่มกลับมาทำหน้าตาน่าต่อยได้เหมือนเดิม
“ถ้าไม่ขายแล้วจะเอายังไง ต้องทำไงคุณถึงจะไม่ไล่ชาวบ้านและค่ายมวยลุงเจียงไปที่อื่น” เธอตัดสินใจข่มความโกรธเพื่อมาเจรจากันดี ๆ
“ง่าย ๆ เลยนะ เธอก็มาเป็นบอดีการ์ดฉันสิ”
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน” ปุณณดาถามอย่างสงสัย
เจอราร์ดไม่ตอบคำถามในทันที แต่ลากสายตามองสำรวจร่างตรงหน้าอย่างพิจารณาและประมวลผล มองจากเท้าจรดหัว แล้วก็มองจากหัวจรดเท้า จนปุณณดานึกโมโหจึงยืนเท้าเอวพร้อมกับทำหน้าหงุดหงิดรอคำตอบ เมื่อเห็นดังนั้นเจอราร์ดถึงเลิกเล่นตัวแล้วยอมอ้าปากตอบคำถามเสียที
“เธอหน่วยก้านดีใช้ได้ เท่าที่ฉันดูจากวันก่อนที่เธอจัดการนักเลงพวกนั้นด้วยตัวคนเดียว เธอดูคล่องตัว แถมยังเคลื่อนไหวเร็วมาก และที่สำคัญเก่งการต่อสู้ระยะประชิดด้วย ซึ่งฉันกำลังมองหาบอดีการ์ดที่มีคุณสมบัติแบบนี้อยู่พอดี”
“แล้วไอ้ที่ยกโขยงกันมาเมื่อวันก่อนล่ะ นั่นยังไม่พออีกเหรอ”
“ยัง ฉันต้องการเธอเพิ่มเข้ามาอีกคน” คราวนี้เจอราร์ดตอบกลับอย่างจริงจัง ก่อนจะกระแอมไอหนึ่งครั้งเมื่อกำลังจะเริ่มพูดคุยเนื้อหาที่ซีเรียสมากขึ้น และที่สำคัญมันเกี่ยวกับความเป็นความตายของเขา
“ช่วงนี้ฉันกำลังถูกลอบทำร้ายอย่างหนัก แต่ยังหาต้นตอไม่ได้ เพราะงั้นฉันเลยอยากจ้างให้เธอมาช่วยดูแลฉันหน่อย จนกว่าจะจับตัวต้นเหตุได้”
“หมายความว่าฉันจะต้องเป็นบอดีการ์ดให้คุณจนกว่าจะหาตัวคนร้ายเจอ แล้วถ้าเจอก็คือจบงานใช่ไหม ทุกอย่างที่นี่ ในชุมชนนี้ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า”
“ใช่ หรือเธอจะช่วยฉันสืบหาคนร้ายให้เจอตัวเร็ว ๆ ด้วยก็ดี ฉันไม่ติด”
ปุณณดาได้ฟังก็พยักหน้าเออออ ส่วนเจอราร์ดก็เลิกคิ้วรอคำตอบรับว่าอีกฝ่ายจะต่อรองหรือเพิ่มเงื่อนไขอะไรอีกไหม เพราะดูทรงแล้วเจ้าหล่อนน่าจะเรื่องมากพอตัว
“โอเค ก็ได้ แต่มีข้อแม้หนึ่งอย่าง”
“จะต่อรองอะไรไม่ทราบ” เจอราร์ดแค่นยิ้ม ไม่ผิดจากที่เขาคิดเลยสักนิด
“ในระหว่างที่ฉันปฏิบัติหน้าที่ให้คุณ คุณห้ามทำอะไรคนที่นี่แม้แต่คนเดียว ตกลงไหม” ถึงเขาจะดูสติไม่ค่อยดี แต่ยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาแน่นอน เพราะบอดีการ์ดที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาต่างก็ดูน่ากลัวกันทั้งนั้น เธอจึงกลัวว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะแอบมาข่มขู่ทุกคนอีก
“โอเค สบายใจได้ ไม่ต้องห่วง”
“งั้นก็ดีล” พูดจบปุณณดาก็ยื่นมือออกไปด้านหน้าเพื่อทำการเช็กแฮนด์ปิดดีลสัญญาการว่าจ้างฉบับลับ ๆ
ทว่าเจอราร์ดนั้นกลับคิดไปไกลแสนไกล เพียงแค่เห็นฝ่ามือขาว ๆ ยื่นออกมาก็ตกใจจนยกมือมาตั้งการ์ดป้องกันโดยอัตโนมัติ ทำเอาหญิงสาวต้องชักมือกลับพร้อมกับถอนหายใจยาว ๆ อย่างหนักใจว่า สภาพแบบนี้ไม่ต้องจ้างบอดีการ์ดประกบซ้ายขวาหน้าหลังเลยเหรอ
หลังจากตกลงเรื่องการว่าจ้างที่ค่ายวันนั้นเสร็จก็ผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ที่ปุณณดาขอเวลาเตรียมตัว วันนี้เธอขนของย้ายเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาตระกูลรัสเซลล์เป็นวันแรก โดยที่มีคิมหันต์ มือขวาประจำกายของเจอราร์ดเป็นธุระจัดการเรื่องห้องนอนและการขนย้ายสัมภาระให้
“ฝั่งนี้คือส่วนของบอดีการ์ดทั้งหมดนะครับ จะมีสระว่ายน้ำด้านหลัง ข้าง ๆ กันจะเป็นโรงยิมไว้ฝึกซ้อมครับ ส่วนด้านหน้าตรงนี้เป็นสนามหญ้าที่เอาไว้วิ่งออกกำลังได้ครับ” คิมหันต์รับหน้าที่เป็นไกด์พาทัวร์อาณาจักรรัสเซลล์กำลังอธิบายสถานที่ทุกซอกทุกมุมให้บอดีการ์ดสาวคนใหม่ได้รู้จัก
กระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณหน้าคฤหาสน์รัสเซลล์ที่ด้านบนระเบียงชั้นสองมีร่างสูงของนายน้อยประจำตระกูลยืนอยู่ เจอราร์ดในชุดคลุมอาบน้ำแบรนด์ดังยืนสวมแว่นตากันแดดรับแสงอาทิตย์ยามสาย ในมือมีแก้วกาแฟหนึ่งใบ
ปุณณดาเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างนึกหมั่นไส้ และแล้วแผนการชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในหัวของเธอเป็นฉาก ๆ ไม่ต่างกับเจอราร์ดที่หลุบสายตาลงไปมองอีกฝ่ายผ่านแว่นกันแดดด้วยความคิดชั่วร้ายเช่นเดียวกันว่าจะแกล้งให้เธอยกขาเตะปากใครไม่ได้อีกเลย
