ตอนที่ 2 แค้นนี้ต้องชำระ
“พริกแกง”
ปึก!
“พริกแกงโว้ย!”
ปึก!
“ไอ้พริกแกงง!!”
“โอ๊ย จะเรียกให้ค่ายแตกเลยเหรอลุง ได้ยินแล้วจ้า” พริกแกงหรือปุณณดาละสายตาจากชายหนุ่มคู่ซ้อมตรงหน้ามาขานรับเสียงเรียกจากลุงเจียงเจ้าของค่ายมวย
หญิงสาวดีกรีแชมป์มวยโลกอยู่ในสภาพเหงื่อโซมกาย ท่อนบนเป็นเสื้อแขนกุด ส่วนท่อนล่างคือกางเกงมวยที่สกรีนลายค่ายมวยอรุณพยัคฆ์ ซึ่งเป็นค่ายประจำสังกัดที่เธอขึ้นชกให้อยู่ มือทั้งสองข้างของเธอสวมนวมคู่ใจสีแดงเพลิง
“เอ้า ข้าเรียกหาเอ็งตั้งนานทำไมเอ็งไม่ขานฮะ นังพริกแกง”
“โอ๊ย ลุงอย่ามาทำเป็นไม่รู้ได้หรือเปล่าว่าหนูตื่นมาซ้อมมวยตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันเลย แล้วชีวิตอีพริกแกงแชมป์โลกคนนี้มันจะไปอยู่ไหนได้จ๊ะ ถ้าไม่ใช่สังเวียนน่ะ” ปุณณดายืนเท้าเอวตอบกลับ
“เถียงเก่งนักนะเอ็ง” สุดท้ายเจ็กเจียงก็ทำได้แค่ยืนชี้หน้าเธอเท่านั้น เพราะเถียงอะไรนักมวยคนเก่งประจำค่ายไม่ออก
ปุณณดาจัดว่าเป็นนักมวยหญิงดาวรุ่งประจำค่ายและขึ้นชื่อที่สุดในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งดีกรีแชมป์โลกและค่าตัวระดับหลักสิบล้าน แถมยังได้ขึ้นฮอตเซิร์ชว่าเป็นนักมวยที่สวยที่สุดอีก
ในอดีตนั้นปุณณดาเป็นเพียงเด็กชาวบ้านธรรมดาแถวนี้ที่เดินตามหลังคนเป็นแม่ไปขายข้าวแกงในตลาดเท่านั้น ทว่าแววตานักสู้และฝีปากที่ไม่กลัวใครของเธอได้เตะตาเจ็กเจียง เจ้าของค่ายมวยเข้าอย่างจัง เขาจึงไปทาบทามแล้วเอามาฝึกสอนจนเก่งอย่างทุกวันนี้ และแน่นอนว่าเก่งทั้งฝีมือและฝีปาก
สถิติของปุณณดาจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่โหดเอาเรื่อง และเป็นนักมวยที่มีการวางเดิมพันไว้สูงมาก เพราะตั้งแต่ขึ้นชกมาถ้าไม่ชนะคะแนนก็จะชนะน็อกคาอากาศเท่านั้น เธอถนัดมวยรุก เน้นบุกและต่อยยับไม่ยั้งจนคู่ต่อสู้ต่างหวาดกลัวกับหมัดหนัก ๆ ที่รัวเป็นชุดของเธอ
“อะ สรุปว่าไงลุง เรียกหาหนูมีอะไรเปล่าจ๊ะ”
“เอ็งมาใกล้ ๆ ข้านี่พริกแกง” เจียงกวักมือเรียก
“จะเขกมะเหงกหนูเหรอ” ปุณณดาเอียงคอถาม ก่อนจะจัดการถอดนวมทั้งสองข้างในมือออกแล้วเดินลงไปจากสังเวียนมวย
“ข้ามีธุระจะใช้ให้เอ็งไปทำ”
“ส่งจดหมายจีบเจ๊สาลี่ท้ายตลาดเหรอ”
โป๊ก!
“ไม่ใช่โว้ย เอ็งนี่มันรู้ดีไปหมดไอ้พริกแกง” เขาว่าจะไม่เขกหัวสักหนึ่งอาทิตย์เพื่อเป็นรางวัลที่เธอคว้าแชมป์โลกมาให้ค่ายอรุณพยัคฆ์แล้วแท้ ๆ ทว่าฝีปากและลวดลายการรู้ทันนั้นทำเจียงยั้งมือไม่ไหวจริง ๆ สุดท้ายก็จัดมะเหงกหนึ่งทีไปให้จนเจ้าตัวเบ้หน้า
“โอ๊ย! ลุงเจียง” ปุณณดาร้องโอดโอยดังลั่น
“จะได้รู้จักสงบปากสงบคำบ้าง”
“แล้วลุงจะใช้หนูไปทำไรอะ”
“เอานี่ไปส่งที่บ้านเจ๊เฉลาให้ข้าที” เจียงว่าพลางยื่นซองเอกสารสำคัญให้ลูกศิษย์ประจำค่าย
“ทำไมต้องใช้หนูด้วยเนี่ย” ปุณณดาหรี่ตามองของตรงหน้าเล็กน้อย
อีหรอบนี้ไม่พ้นโพยหวยแน่ ๆ แล้วทำไมจากนักมวยเก่ง ๆ อย่างเธอถึงได้กลายเป็นเด็กเดินโพยไปได้ วันก่อนก็โดนมองเป็นเด็กขายพวงมาลัยทีหนึ่งแล้ว ทุกคนมองไม่เห็นแววความดุดันและกำปั้นหนัก ๆ ของเธอกันเลยหรือไง
“ก็แถวนั้นพวกนักเลงมันเยอะ ใช้เอ็งนี่แหละเหมาะแล้ว มือตีนหนักดี”
“นี่ชมใช่ไหมเนี่ยลุง”
“ก็เออสิวะ”
แม้จะไม่อยากเชื่อว่านั่นคือคำชมสักเท่าไหร่ ทว่าปุณณดาก็รับซองเอกสาระสำคัญระดับชาติของเจ็กเจียงมาถือไว้ ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปห้องพักส่วนตัวเพื่อหยิบหมวกกันน็อกและเสื้อแขนยาวมาสวมทับชุดซ้อมมวย
“ส่งให้เจ๊เฉลาให้ถึงมือนะโว้ย” เจียงกำชับ
“ค่า รู้แล้วค่าคุณนักสถิติ” ปุณณดาขานรับเสียงแหลม ก่อนจะรีบจัดการสวมหมวกกันน็อกให้เข้าที่ แล้วคว้า Aprillia RSV4 1100 RR ขับออกไปทำภารกิจสำคัญ
“โอ๊ย น่าเบื่อชะมัด ประชุมอะไรตั้งสองชั่วโมง บ้าไปแล้ว”
“ชู่วว เบา ๆ ครับนายน้อย ผู้ร่วมลงทุนใหญ่เดินตามมาด้านหลังครับ”
คิมหันต์รีบพุ่งเข้าไปสะกิดแขนนายน้อยของตนเองถี่ ๆ ทันที ก่อนจะรีบป้องมือกระซิบข้างรูหูบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้เพราะว่าตอนนี้ไม่ได้มีเพียงตระกูลรัสเซลล์ตระกูลเดียวที่เดินออกมาจากห้องประชุม หากแต่ยังมีผู้ร่วมลงทุนคนสำคัญเดินตามมาติด ๆ อีกด้วย
“อ้าว งั้นเหรอ” เจอราร์ดหุบปากฉับลงทันที
เมื่อได้ยินคำตอบส่ง ๆ รับกลับมาคิมหันต์ก็แทบอยากจะกลอกตามองบนใส่เจ้านาย ถ้าผู้ร่วมลงทุนได้ยินเสียงบ่นของนายน้อยเขา งานนี้มีถอนทุนหนีจากโพรเจกต์ล่าสุดที่เพิ่งประชุมกันแน่ ๆ
“ครับ ต่อไปนายน้อยต้องระวังให้มากกว่านี้นะครับ...”
“ชู่ว จุ๊ ๆ คุณอย่าพูดแบบนั้นนะคิมหันต์” ไม่รอให้มือขวาข้างกายได้เอ่ยให้จบประโยค ปลายนิ้วชี้เรียวยาวของเจอราร์ดก็ยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าทันที พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาด้วยแววตาแสนเหน็ดเหนื่อยใจ
ในขณะที่คิมหันต์ก็ได้แต่คิดในใจว่าคนที่ต้องทำหน้าและสายตาแบบนี้คือเขาต่างหาก
“ชีวิตผมมีคนที่เก่งแบบคุณแล้ว เพราะฉะนั้นผมยังจะต้องระวังตัวอะไรอีก จริงไหมคิมหันต์”
“เหอะ ๆ” คิมหันต์ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ตอบไปเท่านั้น ก่อนจะต้องปลอบใจตัวเองเพียงในใจว่าเงินเดือนหกหลักที่ต้องแลกกับการดูแลนายน้อยเพี้ยน ๆ แบบนี้ก็คงไม่ได้แย่อะไรมาก
“แล้ววันนี้ผมต้องทำอะไรอีกไหม”
“อ๋อ ช่วงเย็นวันนี้นายน้อยต้องไป...”
ปัง!
ยังไม่ทันเดินไปไหนไกลเสียงปืนก็ดังขึ้นในระยะใกล้ตัว อีกทั้งลูกกระสุนยังเฉียดศีรษะเจอราร์ดไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร
คิมหันต์รีบเข้าประกบเจ้านายแล้วพาก้มหมอบลงกับพื้นบริเวณทางเดินออกจากออฟฟิศทันที ก่อนจะค่อย ๆ พาหนีวิถีกระสุนออกมาด้านนอก ในขณะที่มือก็กดเครื่องมือสื่อสารเพื่อออกคำสั่งให้บอดีการ์ดโดยรอบรีบออกมาปฏิบัติหน้าที่
ปัง!
ปัง!
“แว้ก ผมจะไม่ตายวันนี้ใช่ไหมคิมหันต์” เจอราร์ดถามพลางกระโดดเหยง ๆ ไปด้วยเมื่อกระสุนเฉี่ยวขาเขาไปเพียงแค่คืบ
“ใช่ครับ นายน้อยตายไม่ได้ครับ” เขาคิดว่าถ้านายน้อยตายยมบาลต้องทานยาไมเกรนทั้งกระปุกแน่นอน
เมื่อบอดีการ์ดวิ่งกรูกันเข้ามาก็เกิดการต่อสู้สุดชุลมุนขึ้น คิมหันต์ที่ยืนประกบข้างเจอราร์ดตลอดเวลาต้องผละตัวออกไปช่วยบอดีการ์ดโดยรอบ จนเหลือเพียงนายน้อยตระกูลรัสเซลล์ที่นั่งหมอบอยู่ข้างรูปปั้นมังกรตัวใหญ่หน้าออฟฟิศเพียงลำพัง
ตอนแรกเจอราร์ดก็นั่งปลอบใจตัวเองอยู่หรอกว่าเขาจะต้องปลอดภัยหายห่วง แต่พอหันไปมองข้างหลังแล้วเจออีกกลุ่มที่จะเข้ามาลอบทำร้ายแล้วเนี่ยสิ เขาคงจะนั่งรออยู่ที่เดิมให้โดนยิงไม่ได้ ระดับทายาทมาเฟียอย่างเขาคงต้องใส่เกียร์หมาเข้าสู้
ถ้าคนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ เขาก็จะวิ่งหนีเช่นกัน เอาให้รู้กันไปข้างว่าฝีเท้าระดับลูกกระจ๊อกกับฝีเท้าระดับนายน้อยตระกูลรัสเซลล์ใครมันจะวิ่งได้เร็วกว่ากัน
“หยุดนะเว้ยไอ้เจอราร์ด!” เสียงหนึ่งตะโกนไล่หลัง
“โน!!” เจอราร์ดร้องลั่นขณะที่พุ่งตัวออกไปจากบริเวณออฟฟิศ
“กูบอกให้มึงหยุด!”
“โนเวย์!!” เขาตะโกนตอบ แล้ววิ่งหน้าตั้งโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังสักนิด
สภาพของเจอราร์ด สายเลือดขุนนางตระกูลใหญ่ในตอนนี้นั้นไม่ได้น่ามองเลยสักนิด เหงื่อไหลท่วมตัว ทรงผมยุ่งเหยิงเพราะตีกับกระแสลมที่วิ่งสวนมา ไหนจะเสื้อซูตที่ถอดโยนทิ้งไว้ข้างถังขยะนั่นอีก ไม่เหลือคราบมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลและน่าเกรงขามเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเขาวิ่งหนีมาไกลแค่ไหน แต่พอหยุดพักเหนื่อยแล้วเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่ารอบตัวกลายเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยไปเสียแล้ว และนอกเหนือจากการวิ่งหนีตายที่เหนื่อยจนลิ้นห้อยแล้ว เจอราร์ดยังพบเจอกับบททดสอบชีวิตอีกด่าน เพราะภาพเบื้องหน้าของเขานั้นคือสาวน้อยที่กำลังถูกลวนลาม
“โถ่ พี่ขอจับนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้เลยเหรอคนสวย”
“อย่ายุ่งกับหนูเลย ถือว่าหนูเตือนแล้วนะ”
“โห เอาสิคะ เตือนพี่เลย พี่อยากรู้ว่าคนสวย ๆ เขาเตือนได้นุ่มนวลแค่ไหน”
“ก็นุ่มส้น...”
“เฮ้ย! ทำอะไรผู้หญิงวะ” ถึงจะหายใจแทบไม่ทัน แต่เลือดสุภาพบุรุษประจำตระกูลรัสเซลล์มันแรงกล้ายิ่งนัก จิ๊กโก๋หน้าตากระจอก ๆ แบบนี้ไม่คณนามือเขาแน่นอน ต้องเจอนายน้อยเจอราร์ดคนนี้สั่งสอนความเป็นสุภาพบุรุษเสียหน่อย
“ชอบเสือกนักเหรอมึง”
“ก็เข้ามาสิ”
ผัวะ!
หมัดแรกซัดเข้าไปเต็ม ๆ แต่ไม่ใช่หน้าพวกจิ๊กโก๋
เจอราร์ดได้แต่ยืนเหวอ เขายังไม่ทันได้กำหมัดเลยด้วยซ้ำ แต่โดนต่อยเข้าเต็มแก้มจนหน้าหัน
“นี่มึง...”
ผัวะ!
ผัวะ!
ผัวะ!
พูดได้เพียงสองพยางค์เท่านั้นจริง ๆ เพราะนอกนั้นเจอราร์ดก็โดนซัดยับจนนับมือนับตีนไม่ถูก เขาได้แต่ยกแขนขึ้นมาปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลาไม่ให้โดนกระทืบจนเสียโฉม
วินาทีที่พอจะลืมตามองดูภาพตรงหน้าได้ก็คือตอนที่ได้ยินเสียงร้องโอดโอยจากกลุ่มชายหน้าตากระจอกพวกนั้น และเสียงมือเสียงเท้าที่ทั้งเตะทั้งต่อยแบบครบสูตร แต่ภาพที่เห็นคาตาและน่าจะติดตาเขาไปอีกหลายวันก็คือ แม่สาวน้อยคนนั้นจัดจระเข้ฟาดหางให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์แบบชุดใหญ่
“โอ้มายก้อด” เจอราร์ดอุทาน
“นี่คุณ จะนอนอ้าปากอีกนานไหม ลุกขึ้นมาสักทีสิ” หลังจากจัดการพวกนักเลงเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็ปรี่เข้าไปหาชายที่จ้องเธอด้วยความตกตะลึง
เจอราร์ดได้แต่กะพริบตามองผู้หญิงตรงหน้าปริบ ๆ ก่อนจะถูกเธอกระชากแขนให้ลุกขึ้นจากพื้นที่ถูกลากลงไปรุมกระทืบเมื่อครู่
ไม่มีเวลาพักให้หายเหนื่อยหรือตั้งสติอะไร พอถูกกระชากปุ๊บเขาก็ถูกลากไปยังมอเตอร์ไซค์บิกไบค์คันสวยปั๊บ และเช่นเคยว่าไม่มีเวลาให้อ้าปากถามเช่นกัน คุณเธอตวัดขาเรียวยาวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์เรียบร้อย แถมยังหรี่ตามองเขาอย่างสบประมาทอีกด้วย
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวจะพาไปทำแผล”
และก็ไม่รู้อะไรดลใจให้มาเฟียผู้เคร่งขรึมอย่างเขายอมซ้อนท้ายผู้หญิงไปง่าย ๆ แบบนี้ ตอนแรกเขารู้สึกเกร็ง ๆ ตอนหลังชักเริ่มกลัวเพราะเธอเล่นบิดซะมิดปลอก แถมยังซิ่งจนเจอราร์ดนึกว่าเขาได้ถอดวิญญาณออกจากร่างไปตั้งแต่หลักกิโลเมตรแรกแล้วเสียอีก
จุดหมายปลายทางที่ปุณณดาพาเจอราร์ดมาก็คือค่ายมวยอรุณพยัคฆ์ เพราะกะว่าจะพาผู้ชายที่ใหญ่แต่ตัว ทว่าใจเล็กยิ่งกว่าเด็กอนุบาลมาทำแผลให้สภาพพอดูได้ขึ้นสักหน่อย จากนั้นค่อยพาไปหย่อนทิ้งไว้ข้างถังขยะแถวบ้านเจ๊เฉลา
“อย่ามองกันด้วยสายตาแบบนี้สิคุณ” เจอราร์ดพูดขึ้นหลังจากเดินตามเธอมานั่งที่เก้าอี้ในห้องพยาบาล
“แบบนี้น่ะแบบไหน” ปุณณดาไม่ตอบแต่ตั้งคำถามกลับไปแทน ในขณะที่มือก็จับสำลีจุ่มแอลกอฮอล์ไปด้วย
“ผมไม่ได้อ่อนแอ แค่เหนื่อยจนหมดแรงต่างหาก ไอ้พวกนั้นมันเลย...โอ๊ย! แสบ”
ไม่รอให้มาเฟียตัวโตแต่ใจมดพูดจบ ปุณณดาก็จิ้มสำลีชุบแอลกอฮอล์เข้าที่รอยแผลตรงมุมปากทันที เล่นเอาเจอราร์ดร้องลั่นไปทั้งค่าย แล้วถ้าหากสังเกตดี ๆ ตรงปลายหางตาดุ ๆ แอบมีน้ำตาซึมออกมาด้วย
“โอ๊ย! เบา ๆ หน่อยไม่ได้หรือไงฮะ ฉันนึกว่าใช้ตีนทำ” จากที่กำลังจะพูดต่อก็เป็นอันต้องหุบปากอัตโนมัติ เมื่อปุณณดายกเท้าขึ้นมาให้ดูใกล้ ๆ พร้อมทั้งแสยะรอยยิ้ม
“แล้วอยากให้ใช้ตีนทำจริง ๆ ไหมล่ะคะ” ถามจบเธอก็จิ้มสำลีไปแรง ๆ ที่มุมปากเขาอีกครั้ง
เจอราร์ดรู้สึกเจ็บแต่ก็ต้องกลั้นไว้จนต้องจิกทั้งเล็บมือเล็บเท้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เวลาเพียงไม่นานและบทสนทนาเพียงไม่กี่คำก็ทำเอาเจอราร์ดทดความแค้นไว้ในใจกับหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย
นี่สินะที่เรียกว่าทำคุณบูชาโทษ คอยดูเถอะ เขาจะเอาคืนให้สาสมเลย
“โอ๊ย แสบโว้ย”
กว่าจะทำแผลครบทุกจุดก็เล่นเอาเจอราร์ดตะโกนคำว่าเจ็บกับแสบไปจนนับไม่ถ้วน พอทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ยกโทรศัพท์เรียกหาคิมหันต์ มือขวาคนสนิทให้พากลุ่มก้อนบอดีการ์ดมือดีมารับที่ค่ายมวยทันที
ไม่เกินสิบนาทีรังสีความน่าเกรงขามของตระกูลรัสเซลล์ก็เดินทางมาถึง เจอราร์ดหันมายักคิ้วให้ปุณณดาหนึ่งครั้งก่อนจะเดินขึ้นรถตู้กันกระสุนของตนเอง
ส่วนปุณณดาก็ยืนเท้าสะเอวมองอย่างไม่นึกเกรงกลัว พลางคิดว่าถ้าชีวิตนี้ไม่มีบอดีการ์ด มีหวังเขาได้ตายตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้านแน่นอน
“มองอะไรเหรอครับนายน้อย”
“คิมหันต์”
“ครับ”
“ที่ดินย่านนี้เป็นของตระกูลผมใช่ไหม” เจอราร์ดเอ่ยถามแล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ ในขณะที่ปลายนิ้วหัวแม่มือก็แตะบาดแผลที่มุมปากเบา ๆ
“ครับ ย่านนี้ทั้งหมดเป็นของตระกูลรัสเซลล์ครับ”
“หึ ๆ” เขาไม่ตอบอะไร มีแค่เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยแผนการชั่วร้ายและมุมปากที่ยกยิ้มอย่างผู้ชนะเท่านั้น ทว่ายิ้มได้แค่เสี้ยววินาทีเขาก็ต้องรีบหุบแล้วเปลี่ยนมาเป็นสบถแทน
“แม่งเอ๊ย ตึงแผลฉิบหาย”
