บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 ออกงานครั้งแรก

คเชนทร์มองดูตัวเองในกระจก ชุดสูทสีดำล้วนของเขานั้นเหมาะกับรูปร่างที่กำยำของเขาเป็นอย่างมาก ดวงตาสีน้ำตาลและคิ้วที่หนาเข้ม จมูกเป็นสันคม ซึ่งเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายจนสาวๆ ที่เห็นต่างก็ต้องตกหลุมรัก

คเชนทร์มองดูนาฬิการาคาแพงที่ข้อมือซ้ายของตัวเอง ตอนนี้ผ่านไป 30 นาทีแล้ว แต่หญิงสาวห้องตรงข้ามยังไม่เปิดประตูออกมาเลย เขาจึงตัดสินใจเดินไปหาญาณินที่ห้องนอน ซึ่งตอนนี้เธอกำลังแต่งหน้าใกล้จะเสร็จแล้ว

คเชนทร์เปิดประตูเข้าห้องนอนของญาณินไป เขาเห็นหญิงสาวที่แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เขาตะลึงกับความงามของเธอจนแทบอดใจไม่ไหว อยากจะดึงเข้ามากอดในอ้อมแขน แต่ตอนนี้เขายังทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่งั้นเธอคงตกใจกลัวและพยายามหลีกหนีเขาต่อไปแน่

คเชนทร์เดินเข้าไปลูบผมเธอเบาๆ “สวยมาก” เขาเอ่ยชม

ญาณินตบมือเขา “คุณอย่ามาจับสิ เดี๋ยวมันจะเสียทรงได้ พี่รัญดาอุตส่าห์ตั้งใจทำให้มันดีแล้ว หรือคุณอยากรอเพิ่มอีกสัก 30 นาทีเพื่อให้ฉันทำผมใหม่อีกครั้ง” เธอต่อว่าเขา แท้จริงแล้วเธอไม่อยากให้เขามาแตะต้องเธอมากกว่า จึงได้พูดไปแบบนั้น

รัญดาหยิบรองเท้าส้นสูงประมาณ 1 นิ้วมาวางไว้ตรงหน้าญาณิน “ใส่รองเท้าก่อนนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ” ญาณินเอ่ยอย่างสุภาพ เธอสวมใส่รองเท้าแล้วลุกขึ้นยืน

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” รัญดาบอกคเชนทร์

“งั้นเราไปกันเถอะ” เขาเอ่ย ก่อนจะจับมือเธอ

ญาณินดึงมือออก “ฉันเดินเองได้”

“คุณจะเดินเองได้จริงเหรอ ถึงคุณจะมีไม้เท้า แต่สถานที่ที่เราจะไปนั้น ไม้เท้าก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกนะ ดังนั้น วันนี้ผมจะเป็นไม้เท้าให้คุณเอง”

“พี่รัญดา ฉันขอไม้เท้าหน่อยค่ะ”

“ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ผมจะเป็นไม้เท้าให้คุณเอง”

“แต่ฉันขาดมันไม่ได้” ญาณินรู้สึกไม่ยินยอม

“แต่มันไม่ใช่วันนี้นะ ยาหยี!” เขาพูดเสียงแข็ง

ญาณินปฏิเสธไม่ได้จึงต้องฟังคำสั่งของคเชนทร์อย่างไม่มีข้อแม้ เป็นเรื่องจริงที่เธอไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าในวันนี้ เพราะสถานที่นั้นเธอไม่คุ้นเคย ถึงมีไม้เท้าไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี

รถสปอร์ตสีดำแล่นออกไปจากคฤหาสน์หลังโต ญาณินนั่งอยู่ภายในรถและได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชายหนุ่มด้านข้าง กลิ่นนี้เป็นเอกลักษณ์ของเขาจริงๆ มันยังทำให้เธอรู้สึกสดชื่นและรู้สึกอบอุ่นไปด้วย ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัว คเชนทร์ยังคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอด้วย ลมหายใจที่รดต้นคอของกันและกันนั้น มันทำให้ทั้งสองหายใจอย่างลำบาก

ระหว่างที่รถกำลังแล่น คเชนทร์ก็เอ่ยถาม “คุณชอบฟังเพลงนี้ไหม?” เขาเอ่ย เมื่อเพลงที่ชอบฟังดังขึ้น

“ไม่” เธอตอบสั้นๆ

“ทำไมไม่ชอบล่ะ?” เขาหันหน้ามาถาม

“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบไง? ทำไมต้องถามด้วย หรือฉันต้องชอบเพลงทุกเพลงที่คุณชอบฟังด้วย?” เธอตอบอย่างหงุดหงิด

“ผมก็แค่ถามว่าทำไมคุณถึงไม่ชอบ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยล่ะ” เขาไม่ได้โกรธเธอที่เธอขึ้นเสียงใส่ เพียงแต่รู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมที่ปิดกั้นตัวเองของเธอเท่านั้น

“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ต้องถามถึงเหตุผลหรอก” ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบฟังเพลงเสียเมื่อไหร่ เพียงแต่เธอมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ยินเสียงเพลงเท่านั้น ดังนั้น เมื่อคเชนทร์ถามว่าชอบเพลงนี้ไหม เธอจึงบอกว่าไม่ จะให้บอกว่าชอบได้ยังไง ในเมื่อเธอพึ่งเคยได้ฟังเพลงนี้ และไม่รู้จักเพลงนี้ด้วยซ้ำ

“ขนาดคุณไม่ชอบผม ผมก็ยังชอบคุณได้เลย” เขาบอกด้วยรอยยิ้ม

“คิดว่าฉันจะเชื่อคุณเหรอ?” ญาณินไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะชอบเธอจริงๆ คำพูดเล่านี้ก็เหมือนหมาหยอกไก่เท่านั้น

“ทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ ก็ผมชอบคุณจริงๆ และชอบมานานแล้วด้วย” เขาพูดตามตรง

“คุณจะชอบฉันจริงหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ แต่อย่ามาบังคับให้ฉันต้องชอบในสิ่งที่ไม่ชอบก็แล้วกัน” เธอยกมือกอดอกแล้วนั่งหลับตา ไม่อยากสนทนากับเขาแล้ว

คเชนทร์ก็ไม่อยากกวนใจเธอให้เธอโมโห ไม่งั้นงานเลี้ยงในวันนี้คงไม่สนุก เขาตั้งใจขับรถไปจนถึงที่หมายแล้วปลุกเธอให้ตื่น ช่วงเวลาที่นั่งรถเพียง 30 นาที ไม่อยากจะเชื่อว่าหลังจากที่ญาณินแกล้งหลับตาเพราะรำคาญเขา เธอจะหลับไปจริงๆ

“ยาหยี ถึงแล้ว” เขาสะกิดเธอเบาๆ เพื่อปลุกเธอให้ตื่น

“อื่ม” เธอลืมตาขึ้นแล้วพยายามปลดเข็มขัดนิรภัยออก

“ผมจะถอดให้”

“ไม่! ฉันจะถอดเอง” เธอผลักเขาออกอย่างแรง

“ยาหยี!” เขาพูดเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ “ผมตั้งใจช่วยคุณโดยที่ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยนะ คุณเลิกมองว่าผมจะเอาเปรียบคุณหรือดูถูกคุณสักทีเถอะ” เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยต่อการกระทำของเธอ

“ไม่ได้ดูถูกฉันงั้นเหรอ? แล้วที่คุณพาคนตาบอดอย่างฉันมางานเลี้ยงปาร์ตี้นี้ล่ะ ไม่ใช่ว่าคุณกำลังพาฉันมาเพื่อให้คนอื่นดูถูกหรือนินทาหรอกเหรอ?” เธอระบายความในใจออกมา

“ใครกล้า! หากใครกล้านินทาคุณ พวกนั้นต้องได้เห็นดีกับผม”

“คุณปิดปากพวกเขาได้เหรอ? เขาจะไม่เอาไปพูดลับหลังคุณเหรอ? คุณคิดว่าคุณสามารถควบคุมคนพวกนั้นได้จริงเหรอ?”

“ถึงผมจะควบคุมพวกเขาไม่ได้ แต่ผมปกป้องคุณได้ ถึงแม้ผมจะจัดการกับคนที่พูดลับหลังเราไม่ได้ แต่หากมีใครกล้านินทาคุณให้ผมได้ยิน ผมไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่” เขาพูดอย่างจริงจัง

เมื่อลงรถแล้ว คเชนทร์จับมือญาณินแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมหรูที่จัดงานเลี้ยง ซึ่งจัดอยู่ที่ชั้น 30 เขาพาเธอขึ้นลิฟต์ไปยังสถานที่จัดงาน

เมื่อมาถึงสถานที่จัดงาน หน้างานมีเจ้าหน้าที่ขอตรวจบัตรเชิญก่อน คเชนทร์จึงยื่นบัตรเชิญให้กับเจ้าหน้าที่คนนั้น เมื่อตรวจดูบัตรเชิญแล้วก็ขออนุญาตตรวจร่างกายของเขาด้วยว่ามีของอันตรายหรือไม่

หลังจากตรวจร่างกายของคเชนทร์เรียบร้อย เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เปลี่ยนไปขอตรวจค้นญาณินด้วย คเชนทร์จึงผลักเขาออกแล้วจ้องมองเจ้าหน้าที่คนนั้นด้วยสายตาเฉียบคม

“นายกล้าเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

เมื่อเห็นว่าคเชนทร์ไม่พอใจ หัวหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้นจึงเดินเข้ามา

“คุณคเชนทร์เป็นแขก vip นายยังกล้าทำให้คุณเขาไม่พอใจอีกเหรอ? ไสหัวไปซะ!” หัวหน้าคนนั้นตะคอกใส่ลูกน้อง

เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงรีบโค้งศีรษะเพื่อขอโทษทันที “ผมขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทราบว่าคุณคเชนทร์เป็นแขก vip ถึงได้ล่วงเกิน ผมแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นครับ” เจ้าหน้าที่พูดอย่างหวั่นกลัว ไม่รู้ว่าตัวเองจะตกงานเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า

“ช่างเถอะ” เขาเอ่ยแล้วจับมือญาณินเดินเข้างาน คนพวกนี้แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น จะไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุดคงไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel