บทย่อ
"เป็นมาเฟียที่อยากจะผันตัวมาเป็นคนดี ทำงานที่สุจริต แต่จะทำยังไงได้ เพราะคำว่ามาเฟียมันถูกฝังอยู่ในกระแสเลือดเสียแล้ว" ญาณิน อัครภาค(ยาหยี) อายุ 23 ปี เธอกลายมาเป็นคนตาบอดหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมครอบครัว ซึ่งทำให้เธอต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปในเหตุการณ์นั้น เธอจึงมาอยู่กับป้าซึ่งเป็นพี่สาวของมารดา “จะมีใครอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่พิการตาบอดอย่างฉันกันล่ะ” "ฉันนี่แหละที่จะแต่งงานกับเธอ" ญาณินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีชายหนุ่มรูปงามและร่ำรวยมาขอตนเองแต่งงาน เธอเป็นแค่ผู้หญิงพิการตาบอดและยากจนคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับมีมาเฟียที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายและเย็นชามาขอแต่งงาน คเชนทร์ เซฮุน(เชนทร์) หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ในวัย 30 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจทั้งขาวและเทา รวมถึงธุรกิจสีดำก็ไม่เว้น คเชนทร์เคยมีภรรยามาก่อน แต่เพราะภรรยาคนนี้ทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกแยกกันไปคนละทิศละทาง ซ้ำเธอยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ของเขาต้องเสียชีวิตด้วย กว่าเขาจะผ่านความเจ็บปวดที่แสนทรมานนี้ไปได้ก็ต้องใช้เวลานานอยู่หลายปี หากวันนั้นเขาไม่เจอกับญาณิน ก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่กับความเจ็บปวดแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหน คเชนทร์หลอกล่อให้ญาณินมาเป็นผู้หญิงของตัวเองได้สำเร็จ ก็เพราะยกเอาหนี้ของป้าเธอมาเป็นเหตุผล ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าญาณินนั้นเป็นแค่ตัวประกันหนี้ แต่สำหรับคเชนทร์แล้ว เธอเป็นผู้หญิงของเขา เป็นว่าที่ภรรยาของเขา เขายังตามหาคนที่มีดวงตาสีเดียวกันให้กับเธอด้วย คเชนทร์อ่อนโยนกับญาณินและยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่น เขาเหมือนปีศาจหรือมัจจุราชที่พร้อมจะมือเปื้อนเลือดได้เสมอ กว่าทั้งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ก็ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย และกว่าจะผ่านอุปสรรคมาได้นั้นไม่ง่ายเลยจริง ๆ
บทที่ 1 ต้องแต่งงานใช้หนี้
ภายในห้องนอนชั้นสอง มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ฝนที่ตกโปรยปรายด้านนอกทำให้อากาศเย็นสบาย
หญิงสาวนามว่า ‘ยาหยี’ หรือ ญาณิน อัครภาค อายุวัยของเธอคือ 23 ปี ใบหน้าสวยรูปไข่ ผมสีดำยาวตรงสวย ดวงตาสีน้ำตาลไวน์แดง คิ้วหนาคมเข้มดั่งคันศร ขนตางอนสวย และริมฝีปากสีชมพูอ่อนระเรื่อ เธอสวยแบบธรรมชาติแม้ไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใด ๆ
น่าเสียดายที่เธอเป็นเพียงผู้หญิงที่ตาบอด แม้ว่าใบหน้าของเธอจะสวยสดงดงามมากแค่ไหน เธอก็เป็นเพียงคนพิการทางสายตาเท่านั้น เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อ 7 ปีก่อน ดวงตาที่สวยงามคู่นี้ของเธอจึงไม่สามารถมองเห็นได้อีกเลย
“ยาหยี! แขกของเรามาแล้ว” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นพร้อมเดินมายืนอยู่ข้างกายเธอ “รีบลงไปได้แล้ว อย่าทำให้เขารอนาน”
“หนูไม่ได้ขอให้เขามา ในเมื่อเขาเป็นแขกของคุณป้า ดังนั้นคุณป้าก็ต้อนรับเขาไปเองสิ ไม่เกี่ยวอะไรกับหนู” น้ำเสียงของเธอเย็นชา
ผู้หญิงที่เธอเรียกว่าป้า ดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ “แต่ว่าเธอต้องลงไปพบเขา!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่ง “เพราะที่เขาต้องมาที่นี่ทุกอาทิตย์ก็เพราะเธอ ฉันเป็นหนี้เขาก็เพราะเธอ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินใช้หนี้เขาแล้ว” ผู้เป็นป้าตะคอก
“แล้วหนูบอกให้ป้าไปเป็นหนี้เขาเหรอคะ? ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาหนูก็ไม่ได้รักษาอะไรแล้ว หนูเลิกรักษาดวงตาของตัวเองมานานแล้วนะคะ” เธอตะคอกกลับ น้ำเสียงไม่พอใจเช่นกัน
“แต่ที่ฉันเป็นหนี้แบบนี้มันก็เพราะเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเลิกรักษาตัวเองมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นล่ะ? เธอไม่เคยรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลยเหรอ? ทุกวันนี้ใครที่เป็นคนหาเลี้ยงแก? ถ้าฉันไม่เป็นหนี้เขา แล้วทุกวันนี้เราสองคนจะเอาอะไรกิน” คนเป็นป้าพูดอย่างเหลืออด “ดังนั้น แกต้องลงไปพบเขาเดี่ยวนี้”
อุษณีย์บังคับให้หลานสาวลงไปพบเจ้าหนี้คนนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ปฏิเสธในการพบเขาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ วันนี้เธอต้องพาหลานสาวลงไปพบกับเจ้าหนี้คนนี้ให้ได้
เสียงฝีเท้าที่เดินย่ำลงจากบันไดไม้ ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มรูปหล่อที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาไม่อาจละสายตาจากสาวสวยที่เดินลงจากบันไดมาพร้อมกับหญิงวัยกลางคนได้เลย
อุษณีย์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเกรงใจ “ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้รอนาน” เธอพูดพร้อมกับพาหลานสาวลงไปนั่งที่โซฟาข้างเขา
“ไม่เป็นไร” เขาตอบด้วยเสียงปกติ
“คุณมาที่นี่ทำไม? แล้วทำไมถึงให้ฉันมาพบคุณด้วย?” ยาหยีถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาอย่างไม่พอใจ
“ยาหยี! อย่าเสียมารยาท” อุษณีย์เอ่ยเตือนหลานสาว
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “หึ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าป้าของคุณติดหนี้ผมอยู่เป็นจำนวนมาก ผมก็คงไม่เสียเวลามาที่นี่บ่อย ๆ หรอก” เขาตอบพร้อมกับนั่งพิงโซฟาแล้วกอดอก เขาจ้องมองหน้าเธอก่อนเอ่ยขึ้น “ตามที่ได้สัญญากับป้าของคุณไว้ หากว่าป้าของคุณไม่สามารถหาเงินมาจ่ายผมได้ ผมก็ต้องยึดของที่ใช้เป็นหลักในการค้ำประกัน” เขาบอก
“คุณอยากยึดอะไรก็ยึดไปสิ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ทำไมต้องเรียกให้ฉันลงมาพบคุณด้วย?” เธอว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน
“แต่หลักประกันของป้าคุณก็คือตัวคุณ ดังนั้น คุณต้องไปกับผม และต้องแต่งงานกับผมด้วย” เขาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
เธอหันหน้าไปทางเขาอย่างไม่พอใจ “ฉันไม่ตลกนะ”
ชายหนุ่มมองหน้าเธอแล้วรู้สึกน่าสนใจ “ผมก็ไม่ได้เล่นตลกกับคุณนิ ไม่งั้น คุณลองถามป้าของคุณดูก่อนก็ได้ว่าผมพูดเล่นหรือเปล่า”
คุณป้าคงไม่ขายเธอหรอกจริงไหม? เธอคิดแล้วเอ่ยถาม “คุณป้าคะ ที่เขาพูดคือเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ใช่” อุษณีย์ตอบ “เธอฟังฉันนะ การที่ฉันเอาเธอไปค้ำประกัน นั่นก็เพราะผลประโยชน์ที่จะตามมาของตัวเธอเอง ผู้หญิงที่พิการตาบอดอย่างเธอจะมีใครอยากแต่งงานด้วยบ้าง เป็นแบบนี้มันไม่ดีกว่าเหรอ? เธอได้แต่งงานกับคนรวยและอยู่อย่างสบาย ส่วนฉันก็ไม่ต้องหาเงินใช้หนี้อีก เธอก็จะได้แต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์สักที”
“แต่หนูไม่อยากแต่งงาน! หนูไม่ได้ต้องการแบบนี้” เธอตะคอกน้ำตาเอ่อคลออย่างเสียใจ
“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น! ไม่มีผู้ชายคนไหนที่อยากแต่งงานกับผู้หญิงตาบอดอย่างเธอหรอก นอกจากคุณเชนทร์” อุษณีย์ตะคอก
เชนทร์’ หรือคเชนทร์ เซฮุน หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ในวัย 30 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่หลายประเทศทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจที่ทั้งขาวและเทา รวมถึงธุรกิจสีดำก็ไม่เว้น
ธุรกิจที่ผิดกฎหมายอย่างหนึ่งที่เขาทำก็คือ การเป็นเจ้าของเว็บไซต์การพนันออนไลน์และกาสิโนชื่อดังหลายแห่งในต่างประเทศ โดยอีกตัวตนหนึ่งของเขาก็คือมาเฟียนั่นเอง
แล้วทำไม? เชนทร์ที่เป็นถึงหนุ่มหล่อและร่ำรวยด้วยทรัพย์สมบัติมากมายถึงอยากแต่งงานกับหญิงสาวตาบอดอย่างญาณินด้วยล่ะ?
@คฤหาสน์ของเชนทร์
แรมโบกินีสีดำแวววาวขับเข้ามาจอดในคฤหาสน์ที่หรูหรา เชนทร์ขับรถเข้ามาจอดไว้ที่ลานหน้าคฤหาสน์ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปแล้วอ้อมไปยังฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เขาเปิดประตูรถแล้วจับมือของหญิงสาวที่ตามจีบมานานถึง 2 ปี
“ถึงบ้านแล้ว ลงมาเถอะ ผมจะพยุงคุณเดินเข้าไป” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพร้อมกับถอดเข็มขัดนิรภัยออกให้
“ไม่ต้อง ฉันลงเดินเองได้” เธอผลักเขาออก พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ได้ งั้นคุณเดินตามผม” เขาบอก แล้วยืนรอเธออยู่ข้างรถ
ญาณินลงจากรถพร้อมกับถือไม้เท้าของตัวเอง เธอจับไม้เท้าเคาะไปตามทางเดินข้างหน้า แต่เนื่องจากสถานที่ที่ไม่คุ้นชินจึงทำให้เธอเดินหลงทิศทาง ข้างหน้าของเธอเป็นบ่อน้ำพุ หากเดินไปอีกประมาณ 3 ก้าว เธอคงได้ตกน้ำเป็นแน่ ชายหนุ่มจึงอุ้มเธอขึ้นมา
“อ๊าาาาาา!!!” ยาหยีกรีดร้องอย่างตกใจขณะที่ร่างของตัวเองถูกยกลอยขึ้นสูง “ปล่อยฉันลงนะ! ฉันเดินเองได้!” เธอดิ้นรนขัดขืน
“ข้างหน้าของคุณเป็นบ่อน้ำ คุณคิดว่าตัวเองเป็นนางเงือกหรือไงถึงจะเดินลงไปน่ะ”
“ปล่อยฉันลงนะ! ฉันเดินเองได้! ฉันมีไม้เท้าอยู่ในมือ ฉันไม่มีทางเดินตกน้ำหรอก คุณดูถูกฉันเกินไปแล้ว อย่าเห็นว่าฉันตาบอดแล้วจะรังแกฉันได้ง่าย ๆ นะ ฉันไม่หลงกลคุณหรอก” เธอดิ้นรนพร้อมทั้งทุบตีเขา
“หยุดดิ้นได้แล้ว คุณไม่เคยมาที่นี่และไม่คุ้นชินกับสถานที่ แล้วคุณจะเข้าไปในบ้านได้ยังไงหากไม่มีผมช่วยเหลือคุณ” น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยน ไม่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย
“แต่ไม่เห็นจำเป็นที่คุณจะต้องมาอุ้มฉัน ให้คนอื่นมาพาฉันเข้าไปก็ได้นิ” เธอบอก เพราะระหว่างเดินทาง เขาได้เล่าให้เธอฟังว่าที่บ้านของเขามีคนรับใช้หลายคน และเขาจะให้คนรับใช้ส่วนตัวกับเธอด้วย
“หากไม่มีคำสั่งจากผม พวกเขาจะมาช่วยคุณได้ยังไง”

