บทที่ 6 หรือจะให้ป้อนด้วยปาก
เช้าวันรุ่งขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ที่รัก”
“คุณ!” ญาณินกรีดร้องอย่างตกใจ “คุณมาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไง?” ญาณินตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงของคเชนทร์อยู่ในห้องของตัวเอง แล้วยังนั่งอยู่บนเตียงใกล้ตนเองด้วย
“คุณลืมไปแล้วเหรอ? ที่นี่คือบ้านของผม”
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ช่างเถอะ แต่นี่มันคือห้องนอนของฉัน คือที่ส่วนตัวของฉัน คุณไม่ควรเข้ามาในห้องนอนของฉันโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต” ญาณินพูดอย่างโมโห และรู้สึกหงุดหงิดมาก ดูไม่เป็นส่วนตัวเอาเสียเลย
“ผมเอาอาหารเช้ามาให้” คเชนทร์ช่วยเอาผ้าห่มออก “มากินเถอะ ผมเอาแซนวิชกับนมอุ่นๆ มาให้”
“ฉันลงไปกินข้างล่างได้ ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก” ญาณินปฏิเสธการช่วยเหลือ
คเชนทร์กระชากหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตัก “ที่รัก เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คุณทำอะไรไม่สะดวกหรอกหากปราศจากความช่วยเหลือจากคนอื่น ดังนั้น…อย่าดื้อและนั่งกินอาหารดี ๆ เถอะ”
“อร๊ายยย คุณ! เชนทร์! วางฉันลงนะ ฉันกินเองได้”
คเชนทร์อุ้มหญิงสาวไปวางที่โซฟา เขาใช้มีดหั่นแซนวิชเป็นชิ้นเล็กพอดีคำเพื่อจะป้อนเธอ “อ้าปากสิ”
ญาณินเอนตัวไปข้างหลัง “ฉันกินคนเดียวได้ มือฉันไม่ได้พิการ” เธอไม่ต้องการให้ใครมาช่วยเหลือทางด้านนี้ อะไรที่ทำได้ก็จะทำเอง หากยินยอมให้คนอื่นทำให้ทุกอย่าง แล้วเธอจะต่างอะไรกับคนเป็นง่อยกันล่ะ
“ผมบอกให้คุณเปิดปาก” เขาโอบเอวเธอเข้าหาตัวเอง คุณจะให้ผมป้อนดี ๆ หรือให้ผมใช้ปากป้อน
ญาณินหมดคำจะพูดและไม่ขัดขืนต่อ จึงอ้าปากกินอย่างว่าง่าย “ขอบคุณ” เธอเอ่ยตามมารยาท
“เก่งมาก ที่รัก” คเชนทร์ยิ้มอย่างพึงพอใจ “เป็นเด็กดีจริงๆ” เขารู้สึกมีความสุขมาก
“ฉันจะกินเอง ต่อให้ไม่มีคุณฉันก็กินเองได้ คุณออกไปได้แล้ว” ญาณินพูดอย่างไม่มีเยื่อใย
“เอาเถอะ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณจะใจอ่อนให้ผมเอง”
“เฮอะ! คุณมั่นใจตัวเองเกินไปหรือเปล่า” ญาณินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้จะหลงตัวเองได้มากขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะทำดีกับเธอ แต่ก็คงหวังอะไรจากตัวเธอด้วยเช่นกันนั่นแหละ แล้วจะให้เธอใจอ่อนยอมรับเขาได้ยังไง
“น้ำตกลงหินทุกวัน หินยังกร่อนเลย นับประสาอะไรกับหัวใจของคนที่เป็นเพียงเนื้อนุ่มๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น”
ญาณินขี้เกียจทะเลาะกับเขา เธอจึงตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้าให้หมด “หมดแล้ว คุณออกไปได้แล้ว”
คเชนทร์ยกแก้วนมใส่มือให้เธอ “ดื่มนมด้วย”
ญาณินดื่มนมจนหมดแก้วแล้วไม่พูดอะไรอีก ตอนนี้เธออยากไปเข้าห้องน้ำและล้างหน้าแปรงฟันจะแย่อยู่แล้ว เป็นเพราะคเชนทร์ที่ทำให้เธอต้องทานอาหารโดยที่ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน มันน่าอายจริงๆ
“อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ เดี๋ยวผมจะพาออกไปข้างนอก”
ญาณินรีบลุกเดินไปห้องน้ำทันที โดยที่ไม่ถามหรือตอบอะไรเขาสักคำ คเชนทร์จึงได้แต่มองตามหลังเธอไป เขาภูมิใจที่เห็นเธอเดินไปเข้าห้องน้ำได้อย่างเคยชินแล้ว
“คุณจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าผมจะพาไปไหน?”
“ถามแล้วจะได้อะไร ฉันไม่ไปได้ไหมล่ะ”
“ไม่ได้”
“แล้วจะให้ฉันถามทำไม” เธอบอกแล้วปิดประตูห้องน้ำ
คเชนทร์ไม่ได้โกรธที่หญิงสาวมีท่าทางแบบนั้นต่อเขา คงต้องให้เวลาเธอได้ปรับตัวกับเขาสักหน่อย อีกไม่นานคงจะดีขึ้นกว่านี้
ญาณินใช้เวลาในห้องน้ำ 15 นาที เมื่อเปิดประตูออกมา เธอพยายามสูดดมกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของคเชนทร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังอยู่ในห้องของตัวเองหรือเปล่า
“คุณเชนทร์ คุณยังอยู่ไหม?” เธอร้องเรียก เพราะไม่ได้กลิ่นเขาแล้ว
“คุณผู้ชายออกไปแล้วค่ะ” รัญดาตอบ
“พี่รัญดาเหรอ?” ญาณินถามแล้วค่อยๆ เดินมาที่ตู้เสื้อผ้า
“ค่ะ คุณผู้ชายให้พี่มาช่วยคุณยาหยีแต่งตัวค่ะ”
“ขอบคุณนะคะพี่รัญดา แต่ฉันทำเองได้ค่ะ” เธอไม่อยากรบกวนคนอื่นให้ช่วยในเรื่องเล็กน้อยของตัวเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวพี่จะเลือกชุดให้นะคะ” รัญดาเต็มใจทำ
“ขอบคุณค่ะ” ญาณินขอบคุณและรู้สึกเกรงใจมาก
รัญดาเลือกชุดเดรสแขนกุดสีเนื้อตัวหนึ่งออกมา หากญาณินได้สวมใส่แล้วต้องสวยมากแน่ รัญดาชอบและเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า เห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เลยอยากให้ญาณินนั้นดูดีและมีสง่าในทุกๆ วัน อยากให้เธออยู่ในบ้านหลังนี้อย่างมีความสุข
“ได้ชุดแล้วค่ะ เดี๋ยวพี่ช่วยใส่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ญาณินใส่ชุดเรียบร้อย โดยมีรัญดาช่วยรูดซิปข้างหลังให้ เมื่อญาณินหันหน้ามา รัญดาถึงกับตะลึง ญาณินใส่ชุดนี้แล้วสวยมากจริงๆ ด้วย มันเหมาะกับเธอมาก
“สวยมากเลยค่ะ คุณผู้ชายต้องถูกใจมากแน่ๆ”
“เขาคงเคยเห็นสาวสวยที่แต่งตัวแบบนี้มานักต่อนักแล้วล่ะค่ะ เขาจะตื่นเต้นได้ยังไง”
รัญดาไม่ได้สนใจคำพูดของญาณินเลย ถึงแม้คเชนทร์จะเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีและมีสาวๆ เข้าหามากมาย แต่คนที่เขารอคอยมาตลอดนั้น รัญดารู้ดี เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลยสักคน แม้ว่าจะมีผู้หญิงหลายคนมาเปลือยกายต่อหน้าเขา เขาก็เห็นเป็นเพียงขยะที่รกหูรกตาเท่านั้น เรื่องนี้รัญดารู้ดีที่สุด
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เราลงไปกันเถอะ คุณผู้ชายรออยู่ข้างล่างแล้วค่ะ”
“พี่รัญดา เขาจะพาฉันไปไหนเหรอ?” ญาณินถามอย่างสงสัย
“ไปงานปาร์ตี้ค่ะ”
“งานปาร์ตี้เหรอ?” ญาณินแปลกใจ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้พาคนตาบอดอย่างเธอไปออกงานด้วยนะ?
“ใช่ค่ะ คุณผู้ชายถึงให้พี่มาช่วยคุณยาหยีแต่งตัวไงคะ บอกให้พี่เลือกชุดที่เหมาะสมให้คุณด้วย”
ที่รัญดาแทนตัวเองว่าพี่ เพราะว่าญาณินนั้นเรียกเธอว่าพี่ก่อน ดังนั้น รัญดาจึงอยากให้ญาณินนั้นไม่กดดันตัวเองจนเกินไป จึงเป็นกันเองกับเธอบ้าง แม้จะรู้ว่าในอนาคตหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นนายหญิงของตัวเองก็ตาม คเชนทร์ก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย
“งานปาร์ตี้อะไร? ทำไมเขาต้องพาฉันไปด้วยล่ะ?” ญาณินสงสัยมาก ไม่เข้าใจจริงๆ
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” รัญดาตอบ เพราะเธอก็ไม่รู้จริงๆ “ตอนนี้รีบลงไปเถอะค่ะ คุณผู้ชายให้เวลาพี่มา 30 นาที”
“เหอะ! จะไปที่ไหนเขาก็ไม่แจ้งล่วงหน้าด้วยซ้ำ แล้วให้เวลาแต่งตัว 30 นาทีนี่นะ เขาคิดว่าฉันเป็นหุ่นยนต์ AI หรือไง” ญาณินบ่นอย่างไม่พอใจ
