ตอนที่ 4 มีคนคุ้มครอง
พลอยลดาคาเฟ่ต์
ร่างบางเดินห่อเหี่ยวเข้าร้านทางประตูหลัง ตั้งแต่ถูกเขาโอบกอดและหอมไปฟอดใหญ่หัวใจก็หวิวรู้สึกแปลกที่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายอกสามศอกหล่อเข้มน่าหลงใหลไปทั้งตัว พลอยลดารีบหลับตาลงส่ายหน้าไปมาสลัดความฟุ้งซ่านกลิ่นกายหอมของเขายังติดจมูกราวกับว่าเจตภพอยู่ใกล้ ๆ รอบตัวเธอ
“เป็นอะไร” เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นข้างทำพลอยลดาตกใจสะดุ้งสุดตัว
“เข้ามาได้ไง”
“เดินเข้ามาทางประตู” เจตภพชี้ไปทางประตูหลังเคาน์เตอร์แล้วถือวิสาสะเดินมานั่งบนเก้าอี้กวาดสายตามองรอบ ๆ ครัวสะอาดเป็นระเบียบ
“ออกไป”
“ไล่อีกล่ะ ผมเป็นลูกมือช่วยทำขนมได้นะ”
“ฉันจะแจ้งตำรวจ” เสียหวานกดต่ำหงุดหงิดคนช่างตื๊อตามติดน่าอึดอัด
“ตำรวจจะทำอะไรผมได้” เจตภพกระตุกยิ้มยักคิ้วเหนือกว่า
“งั้นฉันจะฟ้องพ่อเลี้ยง”
“พ่อตามใจผมอยู่แล้ว”
“ฉันจะบอกพ่อเลี้ยงว่าไม่รับจ๊อบทำแผลให้ใครอีกเพราะลูกชายพ่อเลี้ยงมาระรานทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย” สิ้นคำพูดของหญิงสาวเจตภพถึงกับนั่งนิ่งครุ่นคิดชั่วขณะทำให้พลอยลดาจับจุดได้ว่าคนที่เขากลัวที่สุดคือพ่อเลี้ยง
“เป็นลูกชายคนเดียวต้องทำให้พ่อภูมิใจไม่ใช่ทำตัวมีปัญหาถ้าถูกลดค่าความสำคัญลงระวังจะหงอยเอานะ”
“คิดว่าเอาพ่อมาขู่ผมได้หรือไง”
“ใช่” หน้าสวยช้อนมองจ้องตาเขม็งใส่กันอยู่สักพักก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะดังมาทางหน้าร้าน พลอยลดารีบผละวิ่งออกไปดูหน้าร้านทันที
“ไหนใครคุ้มครองร้านนี้วะ” ชายฉกรรจ์สี่คนส่งเสียงดังลากเก้าอี้ลากโต๊ะไปมาอย่างหาเรื่อง
“พี่พลอยคะ” กระต่ายกับปรางยืนตัวลีบอยู่ข้างเสาเคาน์เตอร์
“โทรแจ้งตำรวจ” พลอยลดาหันมองลูกน้องคว้ามีดไว้ข้างหลังแล้วเดินเสี่ยงออกไปเจรจา
“พวกคุณทำแบบนี้ทำไมคะ”
“เฮ้ย เรียกพวกเราว่าคุณด้วยวะ ฮ่า ๆ ๆ” ชายเตี้ยล่ำยิ้มฟันเหลืองหันไปหัวเราะกับลูกน้อง
“พวกมึงจะเอาอะไร” พลอยลดาเสียงแข็งหน้านิ่งไม่เกรงกลัว
“พวกกูมาเก็บค่าคุ้มครอง ค่าดูแลเดือนละสองหมื่นร้านนี้จะปลอดภัยจากอันธพาลหายห่วง” ชายเตี้ยล่ำแสยะยิ้มก้าวเดินมายืนตรงหน้าของหญิงสาว
“ขอทาน!”
“ปากดีนี่คนสวย ตบให้เลือดกบปากซะดีมั้ย” ชายเตี้ยล่ำง้างมือจะตบหน้าหญิงสาวโดยที่ไม่รู้ว่าในมือเธอกำด้ามมีดพร้อมสวบหากถูกทำร้ายร่างกายแต่โชคดีที่ลูกน้องของมันห้ามไว้
“ใจเย็นลูกพี่ทำผู้หญิงมันไม่เท่”
“มึงต้องจ่ายค่าคุ้มครองไม่งั้นพวกกูจะส่งคนมาก่อกวนทำให้ร้านมึงเจ๊ง ๆ ๆ” ชายเตี้ยล่ำหัวเสียกระฟัดกระเฟียด พลอยลดาถอยห่างมาตั้งหลักคอยจังหวะเผื่อตกลงกันไม่ได้
“พวกมึงไปซะ ร้านนี้มีคนคุ้มครองแล้ว” เจตภพเดินตัวสูงใหญ่มายืนเคียงข้างพลอยลดา เธอเงยมองปลื้มปริ่มไม่คิดว่าเขาจะช่วย
“พวกไหนมันกล้าตัดหน้ากูวะ” ชายเตี้ยล่ำขึงขังจ้องตาเขม็ง ลูกน้องรีบสะกิดกระซิบกระซาบข้างหูลูกพี่
“พี่ ๆ ไอ้เนี่ยชื่อเจตลูกพ่อเลี้ยงภาส”
“แค่ลูกพ่อเลี้ยงนึกว่าจะกลัวเหรอวะ” ชายเตี้ยล่ำเกร็งหน้าทำเหนือแต่พอเจตภพเดินเข้าหาอย่างเอาเรื่องก็ถอยหลังกรูไปกับลูกน้อง
“ไปก็ได้โว้ย” ชายเตี้ยล่ำเสียงดังเสียหน้าก่อนจะรีบวิ่งเผ่นไปขึ้นรถกระบะกันแน่บ
“ขอบคุณมากนะคะถ้าไม่มีคุณอยู่คงแย่” กระต่ายยกมือไหว้ตัวสั่น
“ดีจังที่คุณอยู่ที่นี่ด้วย ขอบคุณนะคะ” ปรางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ส่วนพลอยลดายืนนิ่งไม่รู้ไม่ชี้
“ขอบคุณได้นะผมรอฟังอยู่” เจตภพใบหูเอียงคอโน้มหูมาใกล้ ๆ พลอยลดาแต่เธอยังคงนิ่งแล้วสะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปครัวอย่างเฉยชา
“โห ช่วยขนาดนี้ยังไม่ขอบคุณสักคำ เจ้าของร้านนี้นิสัยแย่เนอะ” เขาบ่นพึมพำตัดพ้อก่อนจะหันไปหาพนักงานให้เป็นพวกแต่ปรางกับกระต่ายทำเพียงแค่ยิ้มอ่อนแล้วแยกกันไปจัดโต๊ะเก้าอี้สะเปะสะปะให้เข้าที่เท่านั้น
พลอยลดาแอบส่องดูเจตภพทางช่องหน้าต่างบานเล็กเผลอยิ้มน้อย ๆ ซึ่งไม่ง่ายนักที่เธอจะยิ้มให้กับเรื่องทั่วไปตั้งแต่สูญเสียแม่เสาหลักเดียวที่มีเธอก็ไม่มีรอยยิ้มยินดีให้กับใครหรืออะไรอีกเลย….
บ้านหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงจิรภาส
เจตภพเดินผิวปากอารมณ์ดีเป็นฮีโร่ได้ใจสาวสวยอย่างน้อยวันนี้ก็ทำคะแนนไม่มากก็น้อย กายหนายังไม่ทันจะเข้าไปในบ้านก็ชะงักเมื่อเห็นพ่อยืนกอดอกหน้าเคร่งขรึม
“มีอะไรครับพ่อ”
“เหมยลี่มารอแกนานแล้ว” พ่อเอ่ยขึ้นพลางมองไปทางซ้าย เจตภพหน้าเหลอหลาลุ้นว่าพ่อแค่ล้อกันเล่น
“เฮียเจต” เหมยลี่หญิงสาวผิวขาวหุ่นเพรียวยิ้มสดใสวิ่งปรี่มาโผกอดกายหนารัดแน่น เขาพยายามดันตัวเธอออกห่างตัวแต่ก็ถูกกระชับอ้อมแขนหน้าอกนุ่มนิ่มเบียดเสียด
“กอดเฮียได้ไงไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ไม่ต้องเขินหรอกเจต คู่หมั้นคู่หมายกันแท้ ๆ” ดวงเดือนแม่เลี้ยงของเหมยลี่ยิ้มแย้มเป็นมิตร
“สวัสดีครับป้าเดือน”
“สวัสดีจ้ะหลาน”
“ผมยืนยันคำเดิมยังไงก็ไม่หมั้นกับเหมยลี่ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กไม่ไหวอ่ะ ขนลุก” เจตภพบ่นกระปอดกระแปดทำท่าขนลุกขนพองดึงตัวเหมยลี่ออกห่างแล้วเดินหนีรวดเร็ว
“เฮียเจตจะไปไหน?”
“ไม่ต้องตามมา!” เขาหันขวับมาดุรีบวิ่งขึ้นบันไดหนีไปห้องนอนทันที เหมยลี่หน้าง้ำหน้างอมากอดแขนแม่
“ถ้างั้นสัมปทานเหมืองทรายคงต้องพับโปรเจคล่ะสิ” ดวงเดือนส่งยิ้มเยือกเย็นไปทางจิรภาส
“ยังไงเจตก็ต้องหมั้น พวกเราไปคุยกันต่อในห้องทำงานดีกว่า” จิรภาสผายมือเชิญดวงเดือนกับเหมยลี่ไปที่ห้องทำงานเพื่อตกลงผลประโยชน์ธุรกิจร่วมกันโดยมีเจตภพกับเหมยลี่เป็นพยานเกี่ยวดอง.....
