ตอนที่ 11 บอบช้ำทางใจ
พลอยลดาคาเฟ่ต์
พลอยลดาให้ปรางกับกระต่ายกลับบ้านก่อนเพราะเธอจะจัดเก็บวัตถุดิบเขียนวันน้ำเข้าหมดอายุแล้วนำแยกเก็บเข้าแต่ละตู้ในครัวอีกสักพัก กระต่ายยกมือไหว้พลอยลดาและเจตภพอย่างอ่อนน้อมเพราะได้ค่าสงสัยไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่โดยที่ไม่ต้องรอเงินเดือนออก
“คุณเจตจะเดินออกไปพร้อมพวกเราเลยไหมคะ?” ปรางเอ่ยถามถามเจตภพนั่งมองพลอยลดาทำงานที่มุมห้อง
“ผมจะอยู่ดูแลพลอย” เขาพูดหน้านิ่ง กระต่ายศอกแขนกระแซะปรางแล้วขยิบตามือตบกระเป๋าเตือนว่าหากเข้าไปวุ่นวายมาก ๆ อาจถูกเอาเงินค่าสงสัยคืน
“งั้นพวกเรากลับก่อนนะพลอย” ปรางยิ้มแหยลืมตัวก่อนจะรีบเดินไปกับกระต่าย
“นายก็กลับไปได้แล้ว” พลอยลดาเหล่มองเขาเล็กน้อย
“ผมรอได้จะได้กลับบ้านตากอากาศด้วยกันสิ” คนดื้อดึงนั่งกอดอกไม่ยอมไป
“รอครบหนึ่งอาทิตย์ก่อนล่ะกัน”
“โห่ อกแตกตายพอดี” เสียงทุ้มลากยาวงอแงเอาแต่ใจ
“ทีตอนตื๊อฉันยังทนได้ตั้งหลายวัน”
“มันเหมือนกันซะที่ไหน ตอนไม่เคยกินก็จินตนาการได้แต่พอได้กินแล้วรสชาติกลิ่นสัมผัสมันอบอวลอยู่ในสมองห่างก็คิดถึง ทำงานก็ไม่สมาธิเสียงครางของพลอยมันดังอยู่ในหัวผมทั้งวันเลยนะ”
“โรคจิตไปไหม” คิ้วเรียวขมวดแสร้งทำหวาดหวั่นไม่ค่อยไว้ใจเขา
“นี่ยังไม่รวมภาพตอนแนบเนื้อกันด้วยนะ จะให้ผมบรรยายให้ฟังด้วยมั้ย”
“ไม่ต้อง....นี่คิดผิดคิดถูกที่นอนกับคุณ”
“บอกได้คำเดียวว่าพลาดแล้ว” เขายิ้มกรุ้มกริ่มลุกเดินย่างกรายเข้ามาใกล้เธออย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ใช่ที่นี่” มือเรียวยันอกแกร่งเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ปากห้ามแต่ใจหวั่นไหวทั้งสีหน้าแววตามีเสน่ห์ของเขาทำเธอแทบละลาย
“ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” หน้าคมโน้มเข้ามาใกล้ประทับรอยจูบนุ่มละมุนแฝงด้วยความเร่าร้อนเข้าไปในโพรงปากชื้นดูดดื่มลึกซึ้งไปในห้วงเสน่หาของกามารมณ์ที่ตั้งใจไว้ว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น......
ชุมชนแออัดบ้านไม่เรียงรายติดกัน
บงกช น้ำหวาน เข้ม แบกกระเป๋าเตรียมเดินทางไปหาบ่อเงินโดยฝากน้องบาสลูกชายวัยสองขวบไว้ตาอัมพฤกษ์ครึ่งซีกสามารถเคลื่อนไหวทำอะไรได้ช้าให้ช่วยเลี้ยงสักสองสามวันซึ่งปกติตาก็เป็นคนเลี้ยงหลานทุกวันอยู่แล้ว
“เงินทองก็ไม่ค่อยมียังจะหาเรื่องเที่ยว” ตาบารมีบ่นลูกเมียและลูกเขยจะไปต่างจังหวัดทั้งที่ยากจน
“พวกเราไม่ได้เที่ยวแต่จะไปเอาเงินจากลูกสาวเมียเก่าพ่อมากินมาใช้” น้ำหวานยิ้มมุมปากอย่างมีหวัง
“อย่ายุ่งกับพลอย” บารมีเสียงสั่นไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ไปสร้างความวุ่นวายใจให้ลูกสาวภรรยาเก่าอีก
“โอ๊ย รักมันเหลือเกินจะอดตายกันอยู่แล้วลูกสาวก็หายหัวไม่มาดูดำดูดี” บงกชเสียงแจ๋วขุ่นเคืองทุกครั้งที่บารมีปกป้องลูกสาวตัวเอง
“พลอยให้เงินพี่ใช้ทุกเดือนแล้วไง ไหนจะจ่ายค่ารักษาค่ายาอีกจะไปเอาอะไรกับพลอยนักหนา”
“ก็มันไม่พอแดกไง! ไหนจะลูกไหนจะหลานกินกันวันตั้งกี่บาทลูกพี่มันก็ให้มาแค่เงินหมื่นมาแค่ให้พี่มันจะไปพอเลี้ยงคนทั้งบ้านเราได้ยังไง ฮะ คิดบ้างสิ” บงกชโวยวายชี้โบ๊ชี้เบ๊แล้วชี้หน้าสามี
“ไม่มีก็ทำมาหากินไม่ใช่เกาะกันเป็นปลิง ที่จริงพลอยไม่จำเป็นต้องให้อะไรพี่ด้วยซ้ำ เราทำกับพลอยไว้เยอะยังจะเอาปัญหาไปให้พลอยรับผิดชอบอีก เคยมีจิตสำนึกกันบ้างไหม!” บารมีตะโกนตาแข็งด้วยความโมโห
“ไม่มีโว้ย! ฉันจะเอาเงินลูกพี่ยังไงมันก็ต้องให้ หุบปากแล้วไปเลี้ยงหลานโน่นไป!” บงกชยิ้มเหี้ยมออกคำสั่งกับสามีแล้วรีบปิดประตูบ้านหนีสามีแล้วสะพายกระเป๋าออกเดินทางไปกับลูกสาวและลูกเขยทันที
พลอยลดาคาเฟ่ต์
ปรางนั่งหน้าเคาน์เตอร์รอรับลูกค้าที่เงียบผิดปกติจากทุกวันต้องมีลูกค้าแวะเวียนมาเป็นร้อยแต่วันนี้มียังไม่ถึงสิบคน
“ทำไมวันนี้มันเหงาจัง”
“นั่นสิพี่” กระต่ายนั่งเซ็งไม่มีอะไรให้ทำ สักพักก็มีข้อความจากเพื่อนส่งเข้าเลยหยิบมาเปิดอ่าน
“อุ้ย! พี่ปรางเพื่อนหนูส่งแชตมาบอกว่ามีข่าวของร้านเราในเพจจังหวัด” กระต่ายรีบเรียกปรางหน้าตาตื่น ปรางคว้าโทรศัพท์มาอ่านดูข้อความยาวเหยียดเห็นหัวข้อดำเข้ม
“ลูกทรพี! เนรคุณพ่อ! หนีมาเปิดคาเฟ่ต์พลอยลดา” ปรางอ่านหน้าเครียด
“ทำไงดีพี่”
“อย่าเพิ่งให้พลอยเห็นนะ” ปรางกังวลห่วงความรู้สึกของเพื่อน
“เห็นอะไรเหรอ?” พลอยลดาออกมาได้ยินพอดีทำเอาปรางกับกระต่ายผงะหน้าตาเหลอหลาทำตัวไม่ถูก.......
ห้องครัวหลังร้าน
พลอยลดานั่งซุกตัวอยู่ใต้โต๊ะน้ำตาร่วงวนอ่านข้อความที่ใส่ร้ายเธอซ้ำ ๆ มีทั้งเรื่องที่เป็นความจริงและเรื่องแต่งเพื่ออรรถรสให้น่าติดตามเอาสนุกสะใจแต่ล้วนแล้วมีผลกระทบกระทบกับใจดวงน้อยของผู้ถูกกระทำที่ต้องรื้อฟื้นความบอบช้ำทางจิตใจขึ้นมาอีกครั้ง
“พลอย แม่เลี้ยงมาหา” ปรางเปิดกระจกบานเล็กมองไม่เห็นเพื่อนจึงพูดลอย ๆ เพื่อว่าจะแอบเศร้าตรงมุมไหน พลอยลดาใจเต้นรัวหน้าแดงก่ำกำมือเกร็งข่มใจให้เข้มแข็งเพื่อเผชิญหน้ากับเรื่องแย่ ๆ ที่มาเยือนทั้งที่พยายามหนีแต่ก็ไม่พ้น.....
