บทที่ 8 ใครคือเป้าหมาย
การกว้านซื้อที่ดินในละแวกนั้นถือเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของท่านมาร์ควิส ไม่จำเป็นต้องมีนายหน้าจึงสามารถซื้อได้ในราคาปกติที่ผู้ซื้อและผู้ขายพอใจ อย่างที่ทราบกันดีว่า มาร์ควิสเซซิลไม่เคยเอาเปรียบใคร และไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบเช่นกัน ดังนั้น ณ เวลานี้ เขาจึงมีที่ดินที่มีอาณาบริเวณติดกันเกือบสี่พันเอเคอร์เข้าไปแล้ว ไม่รวมที่ดินในไร่องุ่นที่อยู่นอกชานเมืองนั่นอีก
เขาจัดการดูแลเรื่องเอกสารสิทธิ์นานกว่าสองชั่วโมง ครั้นมองนาฬิกาแล้วก็วางมือลง เพราะถึงเวลาที่จะต้องทำหน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่ง ซึ่งเป็นงานที่เขาชอบมากเช่นกัน
จากห้องทำงานไปห้องครัว วันนี้เขาจะทำพาสต้าและสลัดทูน่า ซึ่งเป็นอาหารง่ายๆ เพราะเดาว่าเจ้านายคงจะอิ่มท้องมาจากข้านอกแล้วที่บอกว่าจะกลับมากินมื้อเย็นฝีมือเขาก็เพื่อกันไม่ให้เขาวิ่งตามไปนั่นแหละ
กุบกับๆๆๆ
ม้าหกตัวควบตะบึงไปข้างหน้าสุดฝีเท้า ร่างที่อยู่บนหลังม้าต่างก็เด้งขึ้นเป็นจังหวะตามการกระโดดที่ใกล้จะถึงเส้นชัยทุกขณะ ท่ามกลางสายตาและเสียงเชียร์ของกองเชียร์ข้างสนามที่กำลังสนุกอยู่กับการดื่มด่ำกับบรรยากาศและจิบไวน์แก้หนาว
ม้าของคริสนำม้าของมาร์ควิสเซซิลราวหนึ่งช่วงตัว ที่จริงแล้วมาร์ควิสหนุ่มช่ำชองในการรบและขี่ม้าในพื้นที่สูงชัน ต่างกับคริสที่เป็นแชมป์ขี่ม้าในสนามและชินสนามมากกว่าเพราะเคยมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน
“เป็นคู่ที่สูสีกันมากทีเดียว ลูกว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?” ดยุคดาร์มินเอียงหน้าไปถามบุตรชายที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือกับภรรยาสาวหมาดๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่เห็นสองหนุ่มต่างก็เต็มที่กับการแข่งขันแบบไม่มีใครยอมใคร
“ผมว่า...” เคาท์ซิมมอนส์ลูบคางด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะฉีกยิ้มออกมา “น่าจะเป็นตัวโน้นมากกว่านะครับท่านพ่อ”
เขาชี้ไปยังม้าสีขาวตัวที่สามที่ควบตามไปติดๆ แบบหายใจรดต้นคอ
เกว็น ซิมมอนส์ในชุดรัดรูปทะมัดทะแมงอาจหาญไม่แพ้บุรุษควบเจ้าเพิร์ลม้าคู่ใจไล่กวดสองหนุ่ม รู้ดีว่ามีหลายคนแอบพนันขันต่อว่าระหว่างท่านมาร์ควิสเซซิลกับคริสใครจะชนะและได้หัวใจของเธอไปครอง ซึ่งการแข่งม้าครั้งนี้บิดาของเธอจัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์นั้นจริงๆ
เธอถูกใจมาร์ควิสเซซิล ส่วนคริสก็เป็นเพื่อนสนิท ทว่าเธอมีค่ามากกว่าการเป็นสิ่งของที่ใครอยากจะนำไปพนันอย่างไรก็ได้ ระดับเกว็น ซิมมอนส์ ไม่จำเป็นต้องเลือกคู่ครองด้วยวิธีนี้
ดยุคดาร์มินส่ายหน้าอย่างระอา
ย่าห์!
เกว็นรวบรวมพละกำลังครั้งสุดท้าย เหลือเพียงร้อยเมตรจะถึงเส้นชัยที่อาจพรากความภูมิใจของเธอไปชั่วชีวิต
เจ้าเพิร์ลเร่งสปีดเต็มฝีเท้า และแซงม้าของสองหนุ่มไปอย่างฉิวเฉียดในช่วงสิบเมตรสุดท้าย
ฮี้ๆๆๆๆ
“โอ้! ไม่นะ” เหล่านักพนันไฮโซต่างร้องขึ้น เมื่อผู้เข้าเส้นชัยกลายเป็นเลดี้อันดับหนึ่งของเมือง ปล่อยให้สองหนุ่มที่เป็นไพ่ใบสำคัญตามเข้าไปทีหลัง
“ฉันบอกแล้วว่าเธอมักจะทำในสิ่งที่เลดี้ทั่วไปไม่ทำกัน”
“เพราะอย่างนี้เธอจึงไม่มีคู่สักทีไง”
“ชู่ว์” มีคนจุ๊ปาก เกรงว่าเสียงนินทาจะไปเข้าหูคนของเลดี้เกว็นเข้า
เกว็น ซิมมอนส์ ลูบแผงคอเจ้าเพิร์ลเบาๆ เป็นการขอบคุณ แล้วปล่อยมันให้กับพี่เลี้ยง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาบิดาหน้าระรื่น จุมพิตแก้มซ้ายแก้มขวาของดยุคซิมมอนส์ด้วยท่าทางประจบ
“ท่านพ่อ...ลูกมารับรางวัลแล้วค่ะ”
“เก่งมากลูกรัก แต่พ่อว่าลูกเหมาะกับชุดราตรีฟูฟ่องมากกว่านะ เซซิลก็คงจะคิดเหมือนกัน” ดยุคดาร์มินกระซิบข้างหูบุตรสาวในประโยคหลังขณะหยิบเหรียญทองออกมาคล้องคอให้บุตรสาวท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชม
เปรี้ยง!
ร่างของคริสที่กำลังจะกระโดดลงจากหลังม้าหล่นตุ้บ!
กรี๊ด!
“หลบเร็ว!”
เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง สร้างความโกลาหลให้กับทุกคนซึ่งต่างก็ก้มศีรษะคลานไปหลบอยู่หลังต้นไม้ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ม้าวิ่งเตลิดไปแล้วท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเหล่าสตรีทั้งหลาย กับเสียงตะโกนโหวกเหวกของทหารอารักขา
มาร์ควิสเซซิลคลานเข้าไปหาคริสที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนกระสุนนัดหนึ่งจะพุ่งเฉียดต้นคอของเขาไปอย่างฉิวเฉียด
ฟุ่บ!
“คริส...คริส...ได้ยินผมไหม?” เขาพลิกตัวชายหนุ่มขึ้นมา มีเลือดไหลออกจากบริเวณหัวไหล่ของอีกฝ่ายแดงฉานไปหมด
“อูย...ผม...ผมไม่เป็นไร โดนแค่ไหล่เท่านั้น”
“ผมจะพาคุณไปหลบก่อน ไม่แน่ใจว่ามันต้องการชีวิตใครกันแน่” เขาสอดแขนเข้าไปใต้ไหล่อีกข้าง ก่อนจะลากร่างที่สูงพอๆ กับเขาเข้าไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้
เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด จากฝั่งทหารของดยุคดาร์มิน
เสียงของมันดังสะท้อนไปไกล จนทำให้อลิซที่อยู่ในห้องเก็บฟืนเก่า กับคีนอซซึ่งกำลังทำมื้อเย็นค้างอยู่ต้องชะงัก
มาร์ควิสเซซิลทิ้งร่างที่สูงพอๆ กับเขาไว้หลังต้นไม้ ก่อนจะหยิบปืนพกออกมาจากซองที่ซ่อนไว้ในซิบของกางเกงขี่ม้า เคลื่อนตัวไปยังพุ่มไม้แล้วสอดส่ายสายตาหาฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
วิถีกระสุนมาจากทิศตะวันตกซึ่งภูมิประเทศเป็นหินผาทับซ้อนกันหลายชั้น เหมาะอย่างยิ่งที่พวกมันจะใช้กำบังตัวและซุ่มยิง ขณะที่พวกเขาอยู่ในที่โล่งแจ้งกว่าแม้ว่าตอนนี้แต่ละคนจะถอยเข้าไปอยู่หลังพุ่มไม้กันหมดแล้ว
เสียงกระสุนเงียบไป ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของคนทั้งหลายที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ สนามหญ้าว่างเปล่า ณ เวลานี้ หากใครทะเล่อทะล่าเดินออกมาก็ต้องตกเป็นเป้าสังหารแล้ว
“คุณต้องวิ่งอ้อมไปทางนั้น ต้นไม้รกครึ้ม พวกมันไม่มีทางเห็นคุณแน่ ผมจะไปด้วย” คริสฉีกแขนเสื้อตัวในสีขาวของตัวเองแล้วพันแผลบนไหล่ไว้ลวกๆ เคราะห์ดีที่กระสุนเพียงแค่ถากไป แต่กระนั้นเลือดก็ซึมออกมาไม่หยุดเขาเคยมาขี่ม้าที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน จึงรู้เส้นทางเป็นอย่างดี
มาร์ควิสเซซิลชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายดึงปืนพกออกมาจากบั้นเอวแล้วดีดตัวลุกขึ้น ค่อยๆ ย่องนำไปก่อนจึงอดถามออกไปไม่ได้
“คุณไหวนะ?”
“สบายมาก” คนเจ็บตอบ แล้วเร้นกายหายเข้าไปในป่าอย่างชำนิชำนาญ
มาร์ควิสเซซิลย่องตามไปติดๆ ศีรษะก้มต่ำกว่าพุ่มไม้ แต่ก็ยังมองเห็นอีกฟากของทุ่งหญ้าซึ่งฝ่ายตรงข้ามกำลังหันกระบอกปืนมา พร้อมยิงออกมาอย่างแม่นยำ
เปรี้ยง!
“โอ๊ย!”
เสียงร้องดังออกมาจากพุ่มไม้ตำแหน่งที่สิบนาฬิกา ทหารคุ้มกันของดยุคดาร์มินล้มลงคนหนึ่ง ทำให้เขาแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่หมูหมากาไก่หรือมือสมัครเล่น หากแต่เป็นมือฉมังที่หมายจะเอาชีวิตของใครสักคน ณ ที่แห่งนี้ให้ได้
ป่านนี้คีนอซคงจะได้ยินเสียงปืนแล้ว เพราะบ้านพักของพวกเขาไม่ห่างจากที่นี่เท่าใดนัก หากคนของดยุคดาร์มินถูกสอยร่วงไปเรื่อยๆ อย่างนี้แล้ว โอกาสที่พวกมันจะสังหารเป้าหมายหลักย่อมกระทำได้ง่ายขึ้น
โชคดีที่เป็นฤดูหนาวและวันนี้อากาศแจ่มใส ทั้งใบไม้และยอดหญ้าจึงชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำจากการที่หิมะละลายในตอนกลางวัน จึงไม่มีเสียงย่ำเท้าหรือเสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้ง ลัดเลาะตามต้นไม้มาได้ไม่นาน ก็มองเห็นก้อนหินน้อยใหญ่ที่พวกมันใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวแล้ว
“พยายามจับเป็น ผมต้องเค้นความจริงให้ได้ว่ามันมีเป้าหมายที่ใครกันแน่” เขารีบบอกชายหนุ่ม ที่แม้จะมีบุคลิกสุภาพเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทว่าท่วงท่าในการจับปืนไม่ธรรมดาเลย
“ผมจะพยายาม”
ปัง!
มาร์ควิสหนุ่มยิงออกไปก่อน แล้วรีบตีลังกาหลบไปอีกทิศทางหนึ่งโดยพลันเพื่อล่อเป้า แล้วก็เป็นดังคาดเมื่อฝ่ายตรงข้ามยิงสวนออกมาหนึ่งนัด ลูกกระสุนเฉียดผ่านไปข้างหลัง พวกเขาจึงรีบม้วนตัวหลบไปคนละทางฉีกตัวแล้ววิ่งซอกแซกไปคนละฝั่ง
