มาร์ควิสยอดรัก

358.0K · จบแล้ว
ชนม์นิภา
188
บท
41.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อมาร์ควิสจอมเอาแต่ใจต้องการไม้กันสุนัขพิทักษ์มรดกของตัวเอง เด็กปัญญาอ่อนอย่างอลิซจึงเป็นทางเลือกที่เข้าท่าที่สุด แต่ทว่า...ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่รับยัยเด็กนั่นเป็นลูกบุญธรรม เขาถึงเจอแต่ความยุ่งยาก!

นิยายรักโรแมนติกรักหวานๆโรแมนติก

บทที่ 1 เจ้าหัวขโมย

กึงๆๆๆ

วู้ด! วู้ด! วู้ด!

ฉึกฉักๆๆๆๆ

เสียงหวูดรถไฟไอน้ำผสานกับเสียงล้อเหล็กเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้บุรุษในชุดสีดำสนิททั้งตัวงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะทอดสายตามองสองฟากฝั่งของรางรถไฟผ่านกระจกหน้าต่างขณะท้องฟ้าเป็นสีเทาเช่นเดียวกับสีของหิมะยามพลบค่ำที่ร่วงหล่นจากฟ้าลงสู่ยอดหญ้าและต้นไม้ใหญ่ ทุกอย่างจมอยู่ใต้กองหิมะและนั่นเป็นเหตุผลทำให้เขาหัวเสีย

เพิ่งจะข่มตาหลับได้เพียงสองชั่วโมงบนรถที่โยกเยกตลอดทั้งคืนหลังสนุกกับสาวผมบลอนด์ตอนจบมื้อค่ำ กว่าจะไล่เจ้าหล่อนออกจากโบกี้นอนของเขาได้ ก็ต้องมาสะดุ้งตื่นจากเสียงหวูดรถไฟ

ขบวนรถหยุดวิ่งครู่หนึ่ง ผู้โดยสารหลายคนที่ยังไม่หลับต่างเอาใบหน้าแนบกับกระจกหน้าต่าง กวาดตามองหาความผิดปกติ

ในช่วงปลายของยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ยังมีการปล้นฆ่าขบวนรถไฟอยู่บ่อยๆ

เขาตลบผ้าม่านออก ชะโงกหน้าไปถามผู้ติดตามที่นั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้

“เกิดอะไรขึ้นคีนอซ?”

“ท่านมาร์ควิส กวางนอนคร่อมขวางทางรถไฟครับ ตอนนี้จัดการได้แล้ว” คนที่ไม่มีท่าทีง่วงงุนตอบ เช่นเดียวกับที่ล้อเหล็กเริ่มส่งเสียงฉึกฉักอีกครั้ง

“อืม...ดีแล้ว ถ้าเหยียบมันเข้าขบวนรถคงต้องล่าช้าต่อไปอีก นายก็นอนเสีย ไม่มีอะไรต้องระวังแล้ว”

“จะรอดูอีกสักพักครับ”

“ตามใจ” เขาดึงม่านปิดตามเดิมแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงซึ่งค่อนข้างจะแคบไปนิดสำหรับความสูงเกือบหกฟุตของเขา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้า เขาเพิ่งใช้มันกับสตรีนางหนึ่งอยู่หยกๆ

ในสนามรบที่ร้อนสุดขั้วและหนาวจนแทบขาดใจ การนอนกลางดินกินกลางทรายไม่ใช่ความลำบากสำหรับมาร์ควิสเซซิล อองเตส เซซิล ที่ 3 ผู้ซึ่งมีความมั่งคั่งที่สุดและเนื้อหอมที่สุดในแคปตอลทาวน์

เขาหยิบการ์ดหอมขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง ครั้นเห็นชื่อ เคานท์ดาโก้ ซิมมอนส์ ก็ยักไหล่แล้วซุกมันไว้ใต้หมอน นี่ถือเป็นผู้โชคร้ายคนที่สองในรอบปีที่ต้องสูญเสียความโสดในช่วงฤดูหนาว

เขาไม่รู้จักกับเคานท์ดาโก้เป็นการส่วนตัว รวมทั้งว่าที่เจ้าสาว มาร์กาเร็ต เฟนนิ่ง หากแต่ผู้ร่อนการ์ดเชิญคือดยุคดาร์มิน ซิมมอนส์ เพื่อนสนิทข้ามรุ่นที่คบหากันนับแต่เขาเข้ารับราชการเป็นทหารม้าพลธนูเมื่อสิบห้าปีก่อน

เหตุผลหลักของการตอบรับคำเชิญครั้งนี้คือ เขาต้องการหลบไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนก็ได้ ที่ไกลจากคฤหาสน์ของตัวเอง

คีนอซคือลูกน้องคนสนิท หมอนั่นจะไม่ยอมนอนจนกว่าจะตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างปลอดภัย ด้วยสถิติที่มาร์ควิสเซซิลถูกลอบสังหารถึงแปดครั้งภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่า มีใครบางคนหรืออาจจะหลายๆ คนต้องการจะปลิดชีวิตของเขาในเร็ววัน

รถไฟแล่นไปได้สักพัก ทั้งผ้าห่มผืนหนาก็ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ไม่นับการออกแรงกับแม่สาวผมบลอนด์ย่อมทำให้เขาเข้าสู้ห้วงนิทราได้อย่างไม่ยากเย็น

ฟ้ายังไม่สาง มาร์ควิสเซซิลตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน สวมชุดดำชุดใหม่ที่หนากว่าเดิมเป็นสองเท่าเพื่อป้องกันร่างกายจากความหนาวเหน็บที่เริ่มทวีคูณขึ้นจากเมื่อวาน ทั้งอีกไม่ถึงสามชั่วโมงก็จะลง ณ สถานีที่หมายและเดินทางต่อไปด้วยรถม้า แน่นอนว่าจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายกว่านี้

“จะรับอาหารเช้าเลยไหมครับ?”

เสียงคีนอซดังมาจากหน้าประตู แม้จะยังไม่เห็นแสงทองที่ขอบฟ้าเพราะหิมะตกหนัก ทว่านี่ก็ล่วงเข้าหกโมงเช้าแล้ว เป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะไม่ได้รับวิตามินดีจากดวงอาทิตย์ตลอดทั้งวัน

“ก็ดี” เขาละมือจากกระเป๋าเดินทาง รูดซิปปิดเรียบร้อย ปรกติเวลาเช้าๆ มักจะกินอะไรไม่ค่อยลง เพียงขนมปังแผ่นเดียวกับชาร้อนๆ สักถ้วยก็อยู่ท้องแล้ว แต่เมื่อคืนดื่มหนักไปนิด ศีรษะยังหนักอึ้ง หากได้น้ำซุปร้อนๆ คงจะโล่งขึ้นบ้าง

เขาตลบผ้าม่านขึ้น เดินตามหลังคีนอซออกไป อาหารเช้าบนรถไฟไม่เลวร้ายนัก และเพราะผู้โดยสารชั้นวีไอพีคนอื่นๆ ยังมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาจึงได้นั่งกินอย่างสงบ

ค่อยๆ ละเลียดดื่มน้ำซุปในถ้วยจนไม่รู้ว่า โบกี้ที่นอนพักอยู่ มีใครคนหนึ่งกำลังแอบย่องเข้าไป

บุคคลลึกลับเขย่งปลายเท้าเดินอย่างระวัง ใช้มือที่สวมถุงมืออย่างดีเปิดผ้าม่านและมุดเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

การ์ดเชิญที่อยู่ใต้หมอนถูกหยิบออกมาอ่านแล้วก็วางไว้ที่เดิม ก่อนเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นกระเป๋าเดินทางใบโตที่อยู่บนเตียง

ข้าวของในกระเป๋าถูกรื้อค้นโยนออกมาทีละชิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้าเนื้อดีที่ยังไม่ได้สวมใส่ กระเป๋าหนังสัตว์และของใช้ส่วนตัวของบุรุษอีกหลายชิ้น

มีกล่องกำมะหยี่เล็กๆ อยู่กล่องหนึ่ง ทว่ามันถูกมองข้ามไป

ผู้บุรุกหยิบเสื้อโค้ทหนังจิ้งจอกขึ้นมาสวม ร่างที่หนาวสั่นค่อยสงบลงและหายลนลาน จัดการรูดซิปกระเป๋าอย่างเรียบร้อยและหันไปรื้อค้นบริเวณใต้เตียงนอน และตู้เก็บสัมภาระเป็นที่ต่อไป

มีอาหารกระป๋องที่เปิดทิ้งไว้และยังกินไม่หมด รวมทั้งขนมปัง น้ำดื่ม เขาจัดการมันด้วยความหิวโหย ก่อนจะหมุนตัวเตรียมหลบฉาก ทว่าเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้เขาตัวแข็งไปทั้งร่าง

แกรก

ประตูเปิดอ้า ผ้าม่านถูกตลบ เขาสะดุ้งและขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงคนที่เดินนำมาก่อนก็พุ่งเข้ามาถึงตัว แผ่รังสีอำมหิตออกมาขุมหนึ่ง

ตึง!!

“ใครส่งแกมา!?” มาร์ควิสเซซิลขยุ้มคอเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่า ทำให้ร่างของผู้บุกรุกลอยขึ้นเหนือพื้น ขาสั้น ในกางเกงขายาวสีตุ่นตัวเก่าเตะไปมากลางอากาศ ดวงตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว

เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้โต้ตอบอย่างที่เคยเจอมาทุกครั้ง เขาก็แน่ใจว่าไม่ใช่มือสังหาร ทั้งยังคงเป็นเด็ก รูปร่างเล็กบางแคระแกร็น มั่นใจด้วยซ้ำว่ามือของเขาสามารถกำคอเล็กๆ นั้นได้รอบ แขนที่โผล่ออกมาจากชายเสื้อโค้ทคุ้นตานั้นมีแต่กระดูกปูดโปน ผมสั้นหยักศกสีแดงประหลาดส่งกลิ่นตุๆ ออกมาเล็กน้อยเหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากกองขยะ

ริมฝีปากยังมีเศษขนมปังกับคราบน้ำติดอยู่ เหลือบตามองรอบตัวก็เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ยกเว้นเสื้อตัวนี้ที่ถูกดึงออกจากกระเป๋า และกระป๋องปลาซาดีนอันว่างเปล่าที่กลิ้งอยู่บนพื้นห้อง

“ให้ผมจัดการเถอะครับ อาจเป็นคนของคุณแฟลงคลิน” คีนอซสะอึกเข้ามาพร้อมกับชักมีดสั้นออกจากฝัก เตรียมจะจ่อคอหอยของผู้บุกรุก

“ไม่ต้อง แค่เด็กขี้ขโมยที่หากินบนรถไฟ” เขาโบกมือ แล้วปล่อยมือที่ขยุ้มคอเสื้อออก ร่างของอีกฝ่ายร่วงผล็อยลงบนพื้นเหมือนขนนกที่ไร้น้ำหนัก

ไม่มีการถอยหนี ไม่มีการต่อสู้ ร่างเล็กๆ นั้นเพียงแต่นั่งกอดเข่าตัวสั่น