บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 คู่แข่งปรากฎตัว

หรืออีกนัยหนึ่ง มาร์ควิสเซซิลคือพวกสุดโต่ง

มาร์ควิสเซซิลมิได้ใส่ใจปัญหานั้น เขาสวมเสื้อโค้ทหนังสัตว์ตัวหนา เมียงมองความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกแล้วเดินไปที่ประตู

“ได้เวลาแล้ว คืนนี้ยังไงก็ต้องได้เปิดฟลอร์กับเลดี้เกว็น”

“ขอให้โชคดีนะครับ”

“โชคดี? ไม่น่า...” เขาลากเสียงยาวพร้อมกับสั่นศีรษะน้อยๆ สตรีที่เขาโค้งขอเต้นรำในคืนนี้ เธอฉลาดและสวยมากก็จริง แต่ต้องมีเหตุผลที่ทำให้เธอยังครองตัวเป็นโสดมาจนทุกวันนี้

แน่นอน...สตรีส่วนใหญ่ล้วนแต่งงานในวัยไม่เกินยี่สิบห้า ซึ่งก็ถือว่าอยู่มานานเกินไปด้วยซ้ำ กรณีของมิสเกว็น ซิมมอนส์ น่าจะเป็นเพราะตัวเธอเองมากกว่า

เธออาจจะยังไม่พบคนถูกใจ เพราะไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีสิทธิ์เป็นเขยของดยุคดาร์มิน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาถูกเชิญตัวมาที่นี่

“อย่าลืมนะครับว่าท่านสามสิบห้าแล้ว บุรุษวัยเดียวกับท่านเองก็มีทายาทกันหมดแล้ว หากท่านยังแสวงหาคนที่ใช่ไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ล่ะก็ ผู้หญิงอีกครึ่งโลกที่เหลือก็คงไม่ถูกใจท่านเสียทีหรอกครับ”

“ฮ่าๆๆ” เขาไม่ต่อปากต่อคำ ได้แต่หัวเราะคำเปรียบเปรยของลูกน้องคนสนิท แล้วก้าวออกจากบ้านพักรับรองไป

ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับของแสงไฟจากห้องบอลลูมในคฤหาสน์ของดยุคดาร์มิน เกว็นยืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนเทอเรซท่ามกลางหมู่เพื่อนสนิทที่ได้รับเชิญมางานแต่งงานของพี่ชาย และปิดท้ายการแสดงความยินดีด้วยงานเลี้ยงขอบคุณแขกเหรื่อ ซึ่งเป็นความประสงค์ของท่านดยุคที่อยากจะให้หนุ่มๆ สาวๆ ได้ร่วมสนุกกันก่อนจะแยกย้ายกันในวันรุ่งขึ้น

เกว็น ซิมมอนส์ อยู่ในชุดราตรีสีดำ คลุมด้วยผ้าพันคอขนมิงค์สีแดงตัดกับผิวขาวหยวกของเธอ อกอิ่มเย้ายวนยามเยื้องกรายสะกดทุกสายตา ผมที่เกล้าขึ้นสูงเผยให้เห็นลำคอระหงภายใต้อัญมณีสีนิลมูลค่ามหาศาล ราวกับจะอวดว่า มันเท่านั้นที่มีค่าคู่ควรกับเธอ

แต่ทันทีที่ร่างสูงของบุรุษชุดดำก้าวเข้ามาในงาน ก็ดูเหมอนโลกทั้งใบจะย้ายจุดศูนย์กลางไปที่เขาเพียงจุดเดียว

เสียงฮือฮาดังขึ้น เมื่อเขาโปรยยิ้มให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร

สุภาพบุรุษหลายคน ต่างก็อยากจะเข้ามาทำความรู้จักกับเขา

สุภาพสตรีทั้งงาน ไม่มีใครไม่อยากจะอยู่ใต้ร่างของเขาในคืนนี้

ราวกับมีเปลวไฟร้อนๆ ลามเลียไปทั่ว

หญิงสาวผินหน้ากลับมาหาเพื่อนชายที่ยื่นแก้วไวน์ให้เธอพอดี นิ้วเรียวงามจับแก้วแชมเปญยกขึ้นจิบเบาๆ ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มหวานแทนคำขอบคุณ

“ดูเหมือนเสือร้ายกำลังมองคุณอยู่นะครับ” ฝ่ายชายกระเซ้ายิ้มๆ เมื่อเห็นบุรุษที่เพียงก้าวเข้ามา คนทั้งห้องก็แทบจะลืมหายใจ แม้แต่ผู้ชายอย่างเขายังอดมองตามไม่ได้

“อย่างนั้นหรือคะ...แต่ฉันไม่ใช่กวางนี่คะ ก็เลยไม่กลัวเสือเท่าไหร่” เธอไม่ได้หันกลับไปมองคนที่ถูกเอ่ยถึง ทว่าแผ่นหลังกลับรู้สึกร้อนผ่าวราวกับว่าเสือตัวนั้นกำลังจ้องจะกัดเธออยู่จริงๆ

“เห็นอย่างนี้แล้ว ผมคงต้องกลับมาที่นี่เร็วๆ นี้อีกกระมัง”

“ทำไมคะ?” เธอแสร้งเอียงคอถาม ทั้งๆ ที่รู้ความหมายในคำพูดนั้นดี

“ก็มาร่วมงานแต่งของเพื่อนรักอย่างคุณน่ะสิ”

“อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้นคะ?” ครานี้ดวงตาของเธอเป็นประกาย จริงอยู่ว่าดยุคดาร์มินผู้เป็นบิดาปรารถนาอย่างยิ่งยวดให้เธอมีคู่ครองที่มั่งคั่งและเหมาะสม จึงได้เทียบเชิญมาร์ควิสเซซิลให้เดินทางไกลกว่าสี่ร้อยไมล์เพื่อมาร่วมงานมงคลของพี่ชาย ทำให้เธอกับเขาได้พบตัวจริงของกันและกัน แต่เธอกลับคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอไม่กล้าทำตามเจตนารมณ์ของพ่อ

เพราะเธอเห็นความหยิ่งยโสของเขาภายใต้รอยยิ้มอันทรงเสน่ห์

เห็นความเย็นชาที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น ไม่มีทางที่ใครจะบีบบังคับเขาได้

ที่จริงแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าก็ใช่ว่าจะด้อยกว่ามาร์ควิสหนุ่ม คริส วาเนีย วิลสัน คือคหบดีผู้มั่งคั่งในวัยยี่สิบแปดปี ยุคที่อุตสาหกรรมเริ่มจะเฟื่องฟู เขาสามารถก่อตั้งบริษัทประกอบชิ้นส่วนรถยนต์และธุรกิจนั้นกำลังเจริญเติบโต

คริส คือตัวเลือกอันดับต้นๆ ของบิดา เป็นสุภาพบุรุษ ผมสีน้ำตาลอ่อนกับใบหน้าอ่อนโยนแต้มด้วยรอยยิ้มเป็นนิจ สิ่งเดียวที่ด้อยกว่ามาร์ควิสเซซิลก็คือบรรดาศักดิ์อันสูงส่ง

ที่สำคัญคือ เขาไม่ได้รักเธอ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าทำไม

“เขาเป็นคนเดียวที่เหมาะสมกับคุณ”

เกว็นหัวเราะเบาๆ กับคำตอบของเพื่อนหนุ่ม เธอรู้ว่ามาร์ควิสเซซิลสนใจเธอ แต่นั่นก็คือวิถีของเขา เสือ...ย่อมไม่กินเหยื่อที่เคยกินแล้วเป็นครั้งที่สอง

“คุณจะกลับไปเมื่อไหร่คะ?”

“ไม่เกินสัปดาห์หน้า ผมก็เหมือนคุณ ถูกครอบครัวเร่งเร้าให้แต่งงานทุกวัน” คริสถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เพิ่งรู้ว่าการประสบผลสำเร็จในชีวิตก็เป็นผลเสียเหมือนกัน นั่นคือ ทุกๆ คนต่างก็หวังในตัวของเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องคู่ครอง

“ท่านพ่อเชิญคุณไปขี่ม้าวันมะรืนนี้นะคะ อย่าลืมเสียล่ะ”

“มีใครแอบพนันอะไรเอาไว้หรือเปล่าครับ อย่างเช่น ระหว่างมาร์ควิสหนุ่มหรือผม ใครชนะจะได้คุณไปครอง” เขาชูแก้วแชมเปญขึ้นเป็นการทักทายมาร์ควิสหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา ได้เห็นรอยยิ้มเอียงอายของเพื่อนสาวแล้วก็กระซิบข้างหูเธอเบาๆ

“ดูเหมือนว่าผมจะแพ้นะ”

มาร์ควิสเซซิลเห็นความสนิทสนมของหญิงสาวที่เขาพึงใจ กับพ่อค้าหนุ่มรูปหล่อแล้วก็รู้สึกท้าทายยิ่งนัก เขารู้ว่าเกว็นเห็นเขาและจงใจแสดงให้เห็นว่าเธอไม่แคร์เขาเลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางสายตาแสดงความชื่นชมหิวกระหายของบรรดาสุภาพสตรีที่อยู่ในงาน เธอเป็นคนเดียวที่เพิกเฉยซ้ำยังจงใจหัวร่อต่อกระซิกกับบุรุษที่มีทุกอย่างทัดเทียมกับเขา นับว่าเป็นการไว้ตัวไว้เชิงได้อย่างชาญฉลาดยิ่ง

เธอเหนือกว่าหญิงใดที่เขาเคยพบ แน่นอน...สตรีสูงศักดิ์ที่เพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติและรูปสมบัติไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาแข่งกับผู้อื่น เสน่ห์ของเธอทำให้เขาอยากจะลงสนามแข่งเสียเองเป็นครั้งแรก

อยากรู้จริงๆ ว่าเธอจะจุดไฟรักในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นได้ไหม

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบนะครับ มาร์ควิสเซซิล”

คริสเป็นฝ่ายทักก่อน เพราะเขาอาวุโสกว่าและเป็นคนอัธยาศัยดีเลิศอยู่แล้ว

“เช่นกันครับ ผมต่างหากที่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างคุณ แต่เพิ่งจะทราบว่าคุณเป็นเพื่อนกับมิสซิมมอนส์ด้วย”

“เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วค่ะ รู้ใจกันทุกอย่าง คริสเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากเลยทีเดียว” เกว็นค่อนข้างจะผิดหวังเล็กน้อยที่เขาเรียกเธออย่างห่างเหินด้วยนามสกุล

“งั้นหรือครับ?” มาร์ควิสหนุ่มยิ้มบางๆ ให้กับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ “หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ควบม้าแข่งกับคุณในวันมะรืนนี้นะครับ”

ประโยคนี้ทำให้บุตรีของดยุคดาร์มินแอบดีใจอยู่ลึกๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบิดาของเธอคงจะไม่พนันบ้าๆ อย่างที่คริสพูดไว้

เพราะเพื่อนชายของเธอนั้น เป็นแชมป์แข่งม้าหลายสนามเลยทีเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel