บทที่ 5 มาร์ควิสผู้รักความสะอาด
“อ๊ะ! ท่านมาร์ควิส...อา...ท่าน...ตะ...ตรงนี้เลย...หรือคะ...อ๊า...”
เลดี้ร่างอวบครางเสียงกระเส่าขณะที่แผ่นหลังของหล่อนถูกดันจนติดกำแพง สองมือกอดคอมาร์ควิสหนุ่มไว้แน่น อกอวบอิ่มข้างหนึ่งกำลังท้าลมหนาวเมื่อมือซุกซนของเขาดึงทิ้งคอเสื้อของหล่อนให้ร่นลงมาจนถึงเอว แน่นอนว่าบัวตูมอีกข้างย่อมอยู่ในมือของเขา
ริมฝีปากสีแดงสดกำลังเผยอรอคอยให้ริมฝีปากหยักเซ็กซี่ของเขาประทับลงมา ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอ
มาร์ควิสเซซิลดึงมือออกจากหน้าอกภูเขาไฟของหล่อน ความจริงที่ว่าเขาไม่เคยจูบใครเป็นข่าวลือที่เลดี้ทั้งหลายต่างก็อยากพิสูจน์ แน่นอน! เขาสามารถทำให้สาวๆ ทั้งเมืองถวิลหา หากแต่ริมฝีปากของเขามีค่าสูงส่งเกินไป พวกหล่อนไม่คู่ควรกับมันสักนิด
จุมพิตมีไว้สำหรับรักแท้ และเขาไม่เคยรักใคร จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องเสียเวลาสลัดพวกหล่อนทิ้ง เพราะการกระทำเช่นนั้นย่อมเป็นการขีดเส้นไว้ว่าเขาจัดพวกหล่อนไว้เป็นผู้หญิงประเภทไหน
คู่ควง คู่เดท คู่นอน ไม่มีใครสำคัญมากกว่านั้นจริงๆ
แต่พวกหล่อนก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร เพราะความมั่งคั่งล้นฟ้า การจะให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แก่พวกหล่อนอย่างเช่นเพชรนิลจินดาหรือที่ดินสักไร่ แค่นั้นก็ทำให้พวกหล่อนสามารถกลับไปคุยได้แล้วว่าครั้งหนึ่งเคยได้รับความเมตตาจากมาร์ควิสเซซิล
เขาไม่เคยดูถูกหรือบังคับขู่เข็ญใคร ทุกคนล้วนพอใจในข้อแลกเปลี่ยน จึงไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาจุกจิกกวนใจ
ฮึกๆๆๆ
เสียงสะอื้นกระซิกๆ ที่ดังมาจากในห้องทำให้เขาชะงัก ลืมไปเลยว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในบ้าน ทั้งยังเป็นคนที่น่าจะทำให้ชีวิตของเขาต้องวุ่นวาย
“ท่านมาร์ควิส นั่นเสียงอะไรคะ?” หล่อนคว้าเสื้อขึ้นมาสวมมือไม้สั่น
“คืนนี้จบแล้ว เดี๋ยวจะให้คนไปส่งที่บ้าน” เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบสร้อยคอทองคำยัดใส่มือของเธอเส้นหนึ่ง แล้ว กวักมือเรียกคีนอซที่ยืนรออยู่ในมุมมืด
ผู้ติดตามคนสนิทที่ชินแล้วกับการเห็นภาพอันเร่าร้อนของเจ้านายเดินออกมาอย่างรู้หน้าที่ พร้อมผายมือเชิญเลดี้สาวที่กำลังอารมณ์ค้างไปยังประตูบ้าน
“ให้ดิฉันมาพบท่านอีกได้ไหมคะ?” หล่อนเงยหน้าถามอย่างเว้าวอน เนื่องจากได้ข่าวว่าเขาจะพำนักอยู่ที่นี่เป็นเดือน
ไม่มีคำตอบจากบุรุษผู้ร้ายกาจ เขาเพียงแต่หันหลังให้แล้วเปิดประตูห้องเดินเข้าไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก
มาร์ควิสเซซิลยังไม่ถูกจุดไฟเสน่หา เขาจึงท้าวสะเอวทันทีที่เห็นร่างเล็กๆ นอนละเมอร้องไห้อยู่บนเตียง
บนเตียง!
บังอาจนัก เจ้าเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้า นี่ถึงกับพาร่างอันสกปรกขึ้นมาอยู่บนเตียงนุ่มๆ ที่แม้สตรีสาวสวยคนใดก็ยังไม่มีโอกาสขึ้นไปสักครั้ง เธอเอาความกล้ามาจากไหนกัน
เขาก้าวฉับๆ ไปยืนข้างเตียง เลิกผ้าห่มผืนหนาจึงมองเห็นว่าเธอนอนขดตัวกลมดิกเหมือนทารก สวมเสื้อผ้าที่คีนอซไปซื้อมาแล้วเรียบร้อย
เขาเลิกชายเสื้อด้านหลังของเธอขึ้น เจ้าเด็กนี่ยอมอาบน้ำอาบท่าแล้ว ผิวกายจึงดูสะอาดสะอ้านและมันทำให้เขาเห็นร่องรอยบาดแผลบนร่างของเธอได้ชัดเจน
เธอถูกเฆี่ยนด้วยแส้ รอยแผลมีทั้งที่จางไปบ้างแล้วและกำลังตกสะเก็ด
“จะ เจฟ ฮือๆๆ เจฟ”
เจฟรึ? ใครกัน?
เธอพูดได้!
เขาเบิกตาโพลง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินเสียงพูดของเธอเป็นครั้งแรก ครั้นแล้วต่อมาก็ได้คำตอบว่า นั่นคงเป็นเพราะเขากังวลว่าจะทำอย่างไรกับเธอต่อไป เมื่อเธอไม่ได้เป็นใบ้ การสื่อสารระหว่างเธอกับเขาก็จะง่ายขึ้น
เจฟ
เป็นชื่อของคนสำคัญของเธอ อาจเป็นพ่อ พี่ชาย หรือคนรัก
ประการหลังไม่น่าจะใช่ เธอยังเด็กอยู่เลยนี่นา
เพราะมัวแต่ครุ่นคิด เขาจึงลืมความคิดที่จะจับเธอโยนลงบนพื้นโทษฐานบังอาจทำให้เตียงของเขาสกปรก กำลังจะหันตัวกลับไป เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น เดาว่าคีนอซคงกลับมาแล้ว หลังจากไปส่งเลดี้สาวขึ้นรถม้า
“เข้ามา”
คีนอซก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับฟูกและผ้าห่มเต็มมือ
“ท่านมาร์ควิส เธอไม่ยอมให้เข้าใกล้เลยครับ เดี๋ยวผมจะเอาเธอไปนอนห้องเล็กแล้วเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้ใหม่นะครับ” คีนอซรู้ดีว่าเจ้านายของตนนั้นเป็นโรครักสะอาด ไม่ใช่เฉพาะเพียงร่างกาย แม้แต่อาหารการกินก็ต้องพิถีพิถัน ถึงขนาดเคยได้ยินแม่ครัวบ่นว่าเลือกกินยิ่งกว่าพระราชา
ทำอย่างไรได้ ก็เพราะท่านมาร์ควิสเกือบตายเพราะยาพิษในอาหารมาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ถึงจะรักสะอาด กลับเป็นผู้นำกองทัพ นอนกลางดินกินกลางทรายได้เหมือนคนทั่วไป ช่างเป็นคนขัดแย้งในตัวเองจริงๆ
“ไม่ต้องๆ ปูฟูกให้ฉันกับขอผ้าห่มอีกผืนก็พอ ขืนเจ้าเด็กนี่ตื่นขึ้นมา คืนนี้เราทั้งสองคนคงไม่ได้นอน”
“ครับ” คีนอซไม่ทักท้วงแม้นี่จะเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก เขาเองก็เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน จึงรีบหามุมเหมาะๆ ปูฟูกให้เจ้านายอย่างไวว่อง
นี่เป็นคืนแรก และอาจจะเป็นครั้งแรกที่คนอย่างมาร์ควิสเซซิลยอมเสียสละเตียงนุ่มๆ ให้ผู้อื่น ซ้ำผู้นั้นยังเป็นหัวขโมย ไม่ใช่เพราะความใจบุญหรือความเห็นอกเห็นใจในความยากลำบากของเพื่อนมนุษย์มันคับอก หากแต่เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเป็นคู่เต้นรำให้กับสาวๆ ไม่ซ้ำหน้ากว่าสองชั่วโมง
เดิมทีเขาเป็นคนหลับยาก เพราะเคยชินกับการต้องระวังตัวตลอดเวลาในตอนที่อยู่ในสนามรบและจากการถูกลอบสังหาร สำหรับคนที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายแม้ยามหลับก็ไม่อาจฝัน ยิ่งมีความพรั่งพร้อมทางทรัพย์สมบัติมากเท่าไหร่ เวลาในยามค่ำคืนก็เหมือนจะยาวนานขึ้นมากทุกที
ทว่าคืนนั้นเขากลับหลับได้อย่างสนิท กระทั่งมาสะดุ้งตื่นอีกครั้งกับเสียงเคาะประตู
“เข้ามาได้” เขาเอามือลูบหน้า กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพลางสะบัดศีรษะและบิดขี้เกียจ
คีนอซเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหาร กลิ่นน้ำซุปหอมโชยเข้าจมูก มองเจ้านายหนุ่มกับเด็กสาวสลับกันไปมา
เห็นสายตาของลูกน้องคนสนิท มาร์ควิสหนุ่มก็ทะลึ่งลุกพรวดไปที่เตียง
หน็อย! เจ้าเด็กบ้า! จะหลับอุตุไปถึงไหน
เพราะกลัวเจ้าเด็กนั่นตาย มาร์ควิสเซซิลจึงสั่งให้คีนอซคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ในบ้าน
คีนอซ คือสุดยอดพ่อบ้านและผู้ติดตามอันดับหนึ่ง เขาสามารถสังหารคนได้ในขณะที่ก็สามารถทำอาหารเลิศรสได้เช่นเดียวกัน
คีนอซเพิ่งจะอายุยี่สิบห้า น่าจะเข้าใจอลิซได้มากกว่าหนุ่มวัยฉกรรจ์สามสิบกลางๆ อย่างเขา ซึ่งตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องดูแลเด็ก
“วันนี้มีงานเต้นรำ หวังว่ากลับมาแล้วจะไม่เห็นเด็กนี่อยู่บนเตียงฉันนะ”
“ให้นำตัวส่งทางการเลยไหมครับ?”
“หืม...?” มาร์ควิสหนุ่มทำท่าครุ่นคิด “ยังก่อน ขืนส่งทางการตอนนี้มีหวังได้ให้ปากคำกันยาว แค่หาที่เหมาะๆ ในบ้านให้เธออยู่ก็พอ”
“กว่าแผลของเธอจะหาย ท่านคงได้หอบหิ้วเธอกลับแคปตอลทาวน์ด้วยแน่ๆ” ลูกน้องสนิทตั้งข้อสันนิษฐาน แม้จะเห็นแล้วว่าเธอมิได้มีพิษภัย และถึงเขาจะเป็นพ่อบ้าน แต่จะให้มาดูแลเด็กผู้หญิงที่กำลังแตกเนื้อสาวก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก
แม้จะได้รับฉายาว่า “สุภาพบุรุษไร้หัวใจ” แต่มาร์ควิสผู้เป็นนายของเขา ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีมโนธรรมสูงส่งคนหนึ่ง ซึ่งขัดแย้งกับด้านมืดที่ทุกคนมองเห็นอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการรับอุปถัมภ์โรงเรียนเด็กกำพร้า ให้งานแก่ผู้ตกยากและไม่เคยเอาเปรียบใครแม้จะมีอำนาจและบารมีเหนือผู้อื่น
